เช็กลิสต์ สิ่งที่คุณต้องทำเมื่อรถยางแตก!
ยางรถยนต์เป็นหนึ่งในชิ้นส่วนยานยนต์ที่ต้องดูแลและตรวจสภาพอย่างสม่ำเสมอ เพราะยางจะมีอายุการใช้งานและเสื่อมสภาพทุกวัน หากยางเสื่อมสภาพหรือใช้ยางไม่ได้มาตรฐานก็อาจทำให้รถยางแตกขณะขับขี่ได้ เมื่อรถยางแตกขณะขับขี่ก็จะทำให้รถยนต์ของคุณเสียสมดุลจนควบคุมรถไม่อยู่ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมา ซึ่งในบทความนี้เราจะมาตอบคำถามที่หลายคนสงสัยว่า ยางระเบิดหรือรถยางแตกทําอย่างไรไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ กับเช็กลิสต์ข้อแนะนำในสิ่งที่ควรทำเมื่อรถยางแตก
รถยางแตก เกิดจากสาเหตุอะไร
ปัญหารถยางแตกนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุประกอบกัน ซึ่งผู้พัฒนายางชั้นนำอย่าง Bridgestone ได้อธิบายที่มาของรถยางแตกไว้ดังนี้
- ยางรถยนต์เสื่อมสภาพ เมื่อใช้ยางรถยนต์ไปนาน ๆ ก็มีโอกาสที่จะทำให้ยางรถเสื่อมสภาพได้ สังเกตได้จากลมยางที่อ่อนกว่าปกติแม้จะเติมลมยางอยู่บ่อย ๆ เมื่อตรวจสอบโดยทั่วแล้วพบว่ามีรอยแตกลายงาที่บริเวณหน้ายางไปจนถึงดอกยางสึก เมื่อผิวยางบางลงก็มีโอกาสทำให้ยางแตกขณะขับขี่ได้
- ขับขี่ยานยนต์ด้วยความเร็วสูง หากเราทำความเร็วสูงขณะขับขี่ การเสียดสีระหว่างผิวหน้ายางกับพื้นถนนก็จะมากขึ้น หากแรงเสียดสีเกินสมรรถนะที่ยางรับได้ก็จะทำให้รถยางแตกตามมา
- เติมลมยางมากเกินไป เพราะแรงดันภายในยางจะมากเกินกว่าที่ผิวยางจะรับไหว ขณะเดียวกันการเติมลมยางน้อยเกินไปก็ทำให้รถยางแตกได้เช่นกัน เพราะเมื่อยางแบนจะทำให้ผิวยางสัมผัสกับถนนมากเกินไป
- บรรทุกสัมภาระ สิ่งของ หรือรับผู้โดยสารจำนวนมาก ทำให้น้ำหนักลงที่ยางมากกว่ามาตรฐาน ก็จะทำให้รถยางแตกได้เช่นกัน
- ใช้ยางด้อยคุณภาพ อย่างยางรถยนต์ราคาประหยัด ยางมือสอง ยางที่ไม่ได้รับรองมาตรฐาน
- เกิดความร้อนสะสมขึ้นที่ยาง อาจเป็นเพราะสภาพผิวถนนร้อนเกินไป การเบรกกะทันหัน รวมถึงการขับรถติดต่อกันนาน ๆ โดยที่ไม่พักรถ ทำให้ความร้อนยางขึ้น ส่งผลให้รถยางแตก
- เลือกใช้ยางไม่เหมาะสม ทำให้รถยางแตก เนื่องจากขนาดของยางไม่พอดีกับล้อ ไปจนถึงใช้ยางผิดประเภทไม่ตรงกับลักษณะผิวถนน
- เกิดจากการที่ขับรถไปเหยียบกับสิ่งของมีคม หรือรถตกหลุมอย่างรุนแรง ซึ่งจะทำให้หน้ายางได้รับความเสียหาย มีรอยรั่ว และถ้าตกหลุมอย่างหนักอาจทำให้รถยางระเบิดโดยฉับพลัน
รถยางระเบิด รถยางแตก มีอาการอย่างไร?
เมื่อรถยางแตกคุณจะได้ยินเสียงดังเกิดขึ้นที่บริเวณใต้ท้องของรถ หรือบางครั้งอาจไม่ได้ยินเสียงก็ได้ขึ้นกับลักษณะการแตกของยาง เมื่อรถยางแตกสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือรถของคุณจะวิ่งช้าลง ตัวรถขาดสมดุลมีการเอียงตัวไปยังด้านใดด้านหนึ่ง หากขับมาด้วยความเร็วอาจมีอาการรถส่ายด้วย ในกรณีที่รถยางแตกเล็กน้อยหรือมีรอยรั่วก็จะได้ยินเสียงลมรั่วไหลออกจากยางขณะวิ่ง
ส่วนกรณีที่มักพบบ่อยก็คือรถยางระเบิด ซึ่งจะมีความรุนแรงมากกว่ารถยางแตก กล่าวคือยางจะระเบิดโดยเฉียบพลัน มีเสียงดังอย่างเห็นได้ชัด ผิวของยางจะขาดกระจุยจนทำให้รถยนต์สูญเสียการควบคุม
ในบางครั้งก่อนที่รถยางแตกจะมีสัญญาณปรากฏให้ผู้ขับขี่รับรู้ คือผู้ขับขี่จะรู้สึกว่าพวงมาลัยมีอาการสั่นแปลก ๆ ในขณะขับขี่ โดยจะเริ่มควบคุมรถยนต์ยากขึ้น และจะเห็นได้ชัดเจนคือตอนเลี้ยวจะรู้สึกติดขัดเหมือนคุมวงเลี้ยวไม่อยู่ รถยางแตกในบางกรณีอาจเป็นรอยรั่วเพียงเล็กน้อยทำให้ไม่ได้ยินเสียงดัง จึงต้องสังเกตสมดุลของรถ หากรถของคุณเริ่มขับช้าโดยไม่ทราบสาเหตุหรือเริ่มควบคุมรถไม่อยู่ พวงมาลัยเริ่มฝืด ระดับความสูงของรถเริ่มยุบตัวแปลก ๆ ก็ให้ตั้งสติแล้วนำรถจอดในบริเวณที่ปลอดภัยเพื่อเช็กสภาพยาง
รถยางแตกทําไง? อธิบายสิ่งที่คุณต้องทำเมื่อรถยางแตก
หากขับรถอยู่ดี ๆ แล้วรถยางแตกหรือยางระเบิดอย่างกะทันหัน สิ่งที่คุณควรทำอย่างแรกคือตั้งสติ แล้วประคองรถให้อยู่อย่าให้รถเสียหลักโดยเด็ดขาด จากนั้นก็เรียกรถลากมานำรถของคุณไปเปลี่ยนยางหรือปะยางที่อู่ซ่อม
- ข้อควรปฏิบัติเมื่อรถยางแตกกะทันหันขณะขับขี่
- 1. ตั้งสติ ใช้มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยให้มั่นคง
- 2. ค่อย ๆ ใช้เท้าผ่อนคันเร่งออกช้า ๆ
- 3. หากคุณขับรถเกียร์กระปุก ต้องจำไว้ว่าเมื่อรถยางแตกอย่าเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถเสียสมดุลง่ายขึ้น
- 4. ห้ามดึงเบรกมือโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถหมุน ซึ่งจะเสียการควบคุมยิ่งกว่าเดิม
- 5. ประคองพวงมาลัยให้รถอยู่บนเส้นทาง
- 6. มองกระจกหลัง กระจกข้าง เพื่อตรวจสอบว่ามีรถคันหลังตามมาหรือไม่
- 7. ปรับเป็นเกียร์ต่ำ จากนั้นใช้เท้าแตะเบรกเบา ๆ แต่แตะถี่ ๆ อย่าเหยียบเบรกลึก เพื่อรักษาสมดุลของรถ
- 8. เมื่อความเร็วของรถน้อยลงแล้ว ให้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย แล้วนำรถเข้าจอดข้างทาง
- ข้อแนะนำในการเปลี่ยนยาง เมื่อรถยางแตก
หลังจากรถยางแตกและนำจอดได้อย่างปลอดภัยแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือนำรถส่งซ่อม โดยคุณจะมีตัวเลือกอยู่สองทางคือ
- 1. ปะยาง เป็นการซ่อมแซมยางเก่าของคุณให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม ประหยัดเงินกว่าเพราะค่าปะยางมีราคาถูก โดยเริ่มต้นเพียงไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น การปะยางจะเหมาะกับกรณีที่รถยางแตกเล็กน้อย หรือมีรอยรั่วเล็ก ๆ ซึ่งการปะยางก็จะมีสองวิธีคือปะยางรถยนต์แบบแทงใยไหม และการปะยางรถยนต์แบบสตรีม
- 2. เปลี่ยนยาง เป็นการเปลี่ยนยางใหม่ทั้งเส้นเนื่องจากรถยางแตกหรือยางระเบิดหนักจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ หรือสภาพยางฉีกขาดเป็นทางยาวตรงบริเวณแก้มยาง จึงต้องมีการเปลี่ยนยางแบบใหม่ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายแพงกว่าการปะยาง
วิธีดูแลรักษาสภาพยาง ลดความเสี่ยงรถยางแตก
เพื่อลดความเสี่ยงของปัญหารถยางแตกกะทันหัน เราจึงแนะนำวิธีดูแลสภาพยางดังนี้
- พยายามขับขี่ด้วยความนุ่มนวลอย่างระมัดระวัง อย่าเร่งความเร็วขณะเข้าโค้ง และต้องลดความเร็วเมื่อเจอสภาพถนนเป็นหลุมบ่อ บริเวณคอสะพาน หรือเจอลูกเด้ง
- หลีกเลี่ยงการขับขี่บนถนนลูกรัง ห้ามขับขึ้นฟุตบาทหรือจอดเกยฟุตบาท และอย่าจอดชิดขอบฟุตบาทเกินไป
- หมั่นตรวจเช็กลมยางอย่างสม่ำเสมอ ให้เติมลมยางในระดับที่เหมาะสมไม่อ่อนหรือตึงจนเกินไป เพราะจะทำให้ดอกยางเสื่อม ซึ่งจะทำให้รถยางแตกตามมา
- เช็กสภาพดอกยางและผิวยางอยู่เสมอ หากผิวยางเริ่มอ่อนหรือดอกยางเริ่มสึกก็ให้เปลี่ยนยางเส้นใหม่
- เลือกใช้ยางที่เหมาะสมกับประเภทและการใช้งานของรถ รวมถึงเลือกขนาดยางให้พอดี ใช้ยางยี่ห้อมาตรฐาน อย่าใช้ยางเก่า
รถยางแตก เคลมประกันได้ไหม?
หากรถยางแตกจากการเสื่อมสภาพของตัวยาง คุณจะไม่สามารถเคลมค่าปะยางหรือค่าซ่อมยางกับบริษัทประกันภัยได้ แต่ถ้ารถยางแตกหรือยางระเบิดอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจนรถของคุณได้รับความเสียหาย คุณจะสามารถเคลมค่าซ่อมรถกับประกันภัยได้ แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาประเภทประกันภัยที่คุณทำด้วย อย่างประกันชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองค่าซ่อมรถของคุณทั้งการเกิดอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี ส่วนประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+ ก็จะให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณีเท่านั้น
จะเห็นได้ว่าประกันภัยนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง อย่างกรณีรถยางแตกที่เราไม่ทราบเลยว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน หากมีประกันภัยไว้ก่อนก็ย่อมทำให้คุณอุ่นใจในเรื่องค่าซ่อมและค่ารักษาพยาบาล สุดท้ายนี้หากคุณต้องการประกันภัยรถยนต์ดี ๆ ได้รับความคุ้มครองสูง ค่าเบี้ยต่ำ พร้อมกับบริการช่วยเหลือคุณทุกเมื่อตลอด 24 ชั่วโมง แนะนำติดต่อมาให้แรบบิท แคร์ ช่วยเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะกับคุณได้เลย
ความคุ้มครองประกันรถยนต์