Traction Control System ระบบช่วยเหลือที่มีความสำคัญต่อการขับขี่
การพัฒนาระบบ Traction Control เริ่มต้นขึ้นในยุโรปในปี ค.ศ. 1986 โดย Mercedes-Benz ในรุ่น 560 SEC ที่ใช้ระบบล็อกแบบเปิดบนล้อหลัง เพื่อล็อกแรงเคลื่อนไหวของล้อรถมอเตอร์ไซค์ที่สูญเสียการจับติดในสภาพถนนเปียกชื้นหรือลื่นไถล ซึ่งช่วยป้องกันการสูญเสียการควบคุมของรถยนต์และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
ต่อมาในปี ค.ศ. 1992 ระบบ Traction Control ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในรถแข่งบนทางลาดชัน โดย Williams F1 team ในแต่ละรอบแข่งขันจะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อควบคุมและปรับค่าการทำงานของระบบ Traction Control เพื่อช่วยให้รถยนต์ทำงานได้สมบูรณ์และสามารถเร่งความเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในปัจจุบันระบบ Traction Control ได้รับการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ และถือเป็นระบบประหยัดพลังงานที่ช่วยป้องกันการสูญเสียการควบคุมของรถยนต์และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุเมื่อขับขี่ในสภาพถนนที่มีพื้นผิวไม่เท่าเทียมหรือฝนตกหนัก
Traction Control คือ อะไร
Traction Control คือระบบควบคุมการเคลื่อนไหวของรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดการสูญเสียแรงเนื่องจากลูกปืนของล้อที่หมุนเร็วเกินไปในสภาวะที่รถไม่สามารถจับติดกับพื้นได้ด้วยความแรงปกติ เช่น เมื่อรถวิ่งบนพื้นถนนเปียกลื่นหรือมีผิวที่ขรุขระ
เมื่อระบบ Traction Control ตรวจพบว่าล้อหมุนเร็วเกินไปและอาจสูญเสียการเกาะที่พื้นที่จับติด ระบบจะหยุดการหมุนของล้อนั้นๆ ด้วยการลดแรงดันไฟฟ้าที่ส่งมายังเครื่องยนต์หรือกำจัดการจ่ายเชื้อเพลิงไปยังส่วนของรถยนต์ที่ต้องการเพื่อลดความเร็วในการหมุนของล้อ
การทำงานของ Traction Control ช่วยลดความเสียหายจากการสูญเสียแรงและช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถยนต์ได้ง่ายขึ้นในสภาวะที่ถนนไม่สมบูรณ์หรือมีเงื่อนไขที่ยากต่อการควบคุมรถยนต์ ทำให้เป็นระบบที่ได้รับความนิยมในรถยนต์ทั่วไปในปัจจุบัน
Traction Control ใช้ยังไง
เบื้องต้นการเปิดใช้งานระบบ Traction Control จะมีปุ่มให้กดตรงบริเวณคอนโซลรถ ด้วยสัญลักษณ์รูปรถกับถนนที่ดูลื่นไหล เพียงแค่กดปุ่มเปิดไว้ ก็ถือว่าระบบพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา ส่วนเรื่องการทำงานระบบ Traction Control ใช้งานโดยใช้เซ็นเซอร์วัดความเร็วของล้อและระบบควบคุมของรถยนต์เพื่อตรวจจับการหมุนของล้อแต่ละล้อ โดยระบบจะตรวจสอบว่าล้อหนึ่งหรือหลายล้อหมุนเร็วเกินไปหรือไม่ ถ้าหมุนเร็วเกินไปเทียบกับความเร็วของรถ ระบบจะตัดการจ่ายกำลังไฟฟ้าหรือเชื้อเพลิงไปยังเครื่องยนต์เพื่อลดความเร็วของรถยนต์
การทำงานของระบบ Traction Control จะเริ่มต้นจากการตรวจสอบเซ็นเซอร์วัดความเร็วของล้อ แล้วระบบจะคำนวณหาความแตกต่างระหว่างความเร็วของล้อแต่ละล้อ ถ้าความแตกต่างนั้นมากเกินไป ระบบจะตัดการจ่ายกำลังไฟฟ้าหรือเชื้อเพลิงไปยังเครื่องยนต์เพื่อลดความเร็วของรถยนต์ การตัดกำลังไฟฟ้าหรือเชื้อเพลิงนี้จะช่วยลดการหมุนของล้อและช่วยลดการสูญเสียแรงในการเคลื่อนที่
หลังจากเกิดการตัดกำลังไฟฟ้าหรือเชื้อเพลิงแล้ว ระบบจะดูตอนนี้ว่าล้อหมุนช้าลงแล้วหรือยัง ถ้าล้อหมุนช้าลงแล้ว ระบบจะเริ่มต้นปล่อยกำลังไฟฟ้าหรือเชื้อเพลิงเพื่อเร่งความเร็วของรถยนต์อีกครั้ง หากการตรวจจับว่าล้อหมุนช้าลง
สรุปข้อดี Traction Control
• ช่วยป้องกันการสูญเสียการควบคุมของรถยนต์
ระบบ Traction Control ช่วยให้ควบคุมของรถยนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยลดความเสี่ยงในการเกิดการสูญเสียการควบคุมของรถยนต์เมื่อใช้ระบบเบรคมอเตอร์ไซค์หรือเร่งความเร็วของรถ
• ช่วยป้องกันการลื่นไถลของล้อ
ระบบ Traction Control ช่วยลดการลื่นไถลของล้อเมื่อถูกขับขี่ในเส้นทางที่มีพื้นผิวไม่เท่าเทียมหรือฝนตกหนัก
• เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
ระบบ Traction Control ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุโดยทำให้ควบคุมของรถยนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
• ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
ระบบ Traction Control ช่วยลดการสูญเสียแรงเสียดทานของรถยนต์และทำให้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ประหยัดมากขึ้น
• เพิ่มประสิทธิภาพของรถยนต์
ระบบ Traction Control ช่วยลดการสูญเสียแรงในการเคลื่อนที่ของรถยนต์และเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่
หากเกิดกรณีรถตกไหล่ทางแม้เปิด Traction Control ประกันคุ้มครองไหม
แม้จะมีระบบ Traction Control แต่หากเราเกิดอุบัติเหตุรถตกไหล่ทางในช่วงที่ฝนตกหนักถนนลื่นขึ้นมาจริง ประกันยังคุ้มครองอยู่ แต่จะสามารถแยกออกได้ 2 กรณี คือ ขับรถตกข้างทางเพราะหลับใน จะเป็นประกันชั้น 1 เท่านั้น ที่สามารถดูแลได้อย่างครอบคลุมรวมถึงกรณีดังกล่าว ส่วนอีกกรณี คือ รถชนเพราะถนนลื่นจนเสียหลักตกข้างทาง จะมีการคุ้มครองในประกันชั้น 1, 2+ และ 3+ อย่างครบถ้วน
ดังนั้นหากคุณเพิ่งออกรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่มา แล้วยังไม่มั่นใจในการขับขี่ รวมถึงการไม่คุ้นเคยกับเรื่องระบบ Traction Control ทาง แรบบิท แคร์ จึงอยากขอแนะนำให้คุณเลือกสมัครประกันรถมอเตอร์ไซค์ชั้น 1 ก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากที่ขับขี่จนเคยชินกับรถ และคิดว่าพื้นฐานในการขับขี่สามารถทำได้ดีแล้ว ค่อยลดระดับลงมาเป็นประกันรถมอเตอร์ไซค์ชั้น 2+ หรือ 3+ ตามความเหมาะสมได้อีกทีหนึ่ง
หากต้องการสมัครประกันรถมอเตอร์ไซค์ที่คุ้มค่าที่สุด อย่าลืมเข้ามาสอบถาม แรบบิท แคร์ เพื่อให้เราได้ช่วยนำเสนอตัวเลือกที่เหมาะสม และคุ้มค่ามากที่สุด
ความคุ้มครองประกันรถจักรยานยนต์
ตารางความคุ้มครอง | ผลประโยชน์ | ||||
ประกันรถจักรยนต์ ชั้น 1 | ประกันรถจักยนต์ ชั้น 2+ | ประกันรถจักยนต์ ชั้น 2 | ประกันรถจักยนต์ ชั้น 3+ | ประกันรถจักยนต์ ชั้น 3 | |
คู่กรณี | |||||
บุคคล | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
ทรัพย์สินของคู่กรณี | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
รถของผู้เอาประกันภัย | |||||
การชนแบบมีคู่กรณี | ✔️ | ✔️ | ❌ | ✔️ | ❌ |
การชนแบบไม่มีคู่กรณี | ✔️ | ❌ | ❌ | ❌ | ❌ |
ไฟไหม้ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ❌ | ❌ |
รถหาย | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ❌ | ❌ |
ภัยธรรมชาติ | ✔️ | ✔️ | ❌ | ✔️ | ❌ |
ช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง | ✔️ | ✔️ | ❌ | ❌ | ❌ |
ความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุส่วนบุคคล | |||||
อุบัติเหตุส่วนบุคคล | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
การรักษาพยาบาล | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
การประกันตัวผู้ขับขี่ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |