Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบประกันมอเตอร์ไซค์ ง่าย ๆ ภายใน 30 วินาที กับ

Rabbit Care

Sidecar motorcycle_MOBILE.png

มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างคืออะไร และผิดกฎหมายไหม ?

ในชีวิตประจำวันของมนุษย์เราทุกวันนี้ ล้วนแล้วแต่จะต้องอาศัยใช้เครื่องช่วยผ่อนแรงหรือช่วยอำนวยความสะดวกที่มากขึ้นกว่าในอดีต เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดเวลา ประหยัดทรัพยากรต่าง ๆ ภายในระยะเวลาอันสั้น ก็ยังช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันของเรานั้นง่ายขึ้นไปอีกด้วย เช่นเดียวกับการเลือกใช้ยานพาหนะให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนั้น หรือให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในบริเวณนั้น

รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างหรือที่หลาย ๆ คนเรียกกันจนคุ้นหูว่า “รถซาเล้ง” ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะใช้เป็นยานพาหนะในชีวิตประจำวันได้เช่นเดียวกัน เพราะนอกจากมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างนั้นจะมีราคาที่ไม่แพง สามารถบรรทุกของและบรรทุกคนได้แล้ว ก็ยังมีไว้สำหรับใช้สอยในชีวิตประจำวันทั่วไปได้ด้วย อีกทั้งในเรื่องขนาดของมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง (รถซาเล้ง) ที่ไม่ใหญ่จนเกินไป จึงทำให้ขับขี่คล่องตัว และไปได้ในทุกสภาพพื้นถนน มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างจึงเป็นที่นิยมและตอบโจทย์การใช้งานของคนในต่างจังหวัดได้เป็นอย่างดี

มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างคืออะไร?

สำหรับ “มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง” นั้นจะหมายถึงยานพาหนะชนิดหนึ่งที่มีล้อรถ 2 ล้อ หรือรถมอเตอร์ไซค์นั่นเอง โดยจะมีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานเครื่องยนต์ก็ได้ และจะมีการพ่วงข้างด้วยล้อรถมอเตอร์ไซค์เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ล้อ รวมเป็น 3 ล้อ ซึ่งเราจะสามารถสังเกตเห็นได้ทั่วไปตามท้องตลาด และพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย เพราะว่ารถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างประเภทนี้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกคน บรรทุกของ หรือเอาไว้สำหรับใช้สอยในชีวิตประจำวันทั่วไป โดยบางคนก็จะรู้จักมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างในชื่อของ “รถซาเล้ง” ด้วย

ซึ่งพระราชบัญญัติรถจักรยานยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ได้มีระบุไว้ว่า “รถที่จดทะเบียนแล้วนั้นจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ต่อเติม หรือแก้ไขส่วนหนึ่งส่วนใดของรถให้ผิดไปจากที่จดทะเบียนไว้ได้ นอกจากจะมีการนำรถไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพดูก่อนเท่านั้น เพราะนายทะเบียนจะสามารถสั่งการ แก้ไข และตรวจเช็กสภาพรถได้ตามที่เห็นสมควร”

มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ผิดกฎหมายไหม?

จริง ๆ แล้วตัวมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างนั้นจะมีขนาดที่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่ ถ้าหากว่าเจ้าของรถนั้นมีความประสงค์จะต่อเติม แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงสภาพของรถมอเตอร์ไซค์ให้เป็นมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง (รถซาเล้ง) นั่นก็คือจะต้องมีการต่อเติมความสูงที่ไม่เกิน 2 เมตร มีความยาวที่ไม่เกิน 1.75 เมตร และมีความกว้างที่ไม่เกิน 1.10 เมตร แต่ถ้าหากว่ามีการต่อเติมให้เป็นมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างแล้ว ก็จะต้องมีความกว้างที่ไม่เกิน 1.50 เมตร โดยจะวัดจากขอบยางด้านนอกของมอเตอร์ไซค์ไปจนถึงขอบยางด้านนอกของล้อพ่วง

มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง จดทะเบียนได้ไหม?

มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง (รถซาเล้ง) นั้นสามารถจดทะเบียนได้ เพราะถือว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ก็จะต้องมีการตรวจเช็กสภาพรถกับทางสถานตรวจสภาพที่ได้รับอนุญาตจากทางกรมการขนส่งทางบกก่อนด้วย โดยการจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างนั้นจะต้องมีการจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงสภาพรถต่อหน้านายทะเบียนเท่านั้น ซึ่งนายทะเบียนจะเป็นผู้เห็นสมควรให้แก้ไข และสั่งให้ตรวจสภาพรถก่อนนำไปใช้งานจริง หากนายทะเบียนเห็นว่ารถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง (รถซาเล้ง) นั้นอาจจะก่อให้เกิดอันตรายในขณะที่กำลังใช้งานอยู่ได้

มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างถูกกฎหมาย จะต้องมีลักษณะเป็นอย่างไร?

  1. จะต้องเป็นมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง (รถซาเล้ง) ที่มีขนาดถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดไว้ คือ สูงไม่เกิน 2 เมตร กว้างไม่เกิน 1.50 เมตร และยาวไม่เกิน 1.75 เมตร ดังนั้นในกรณีที่เป็นการพ่วงข้างมอเตอร์ไซค์ มีหลังคาด้วย ก็ไม่ควรที่จะทำหลังคาให้สูงเกินกว่าค่าที่กำหนด นั่นก็คือ 2 เมตรนั่นเอง
  2. มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง (รถซาเล้ง) จะต้องมีการตรวจเช็กสภาพรถกับทางสถานตรวจสภาพรถที่ได้รับอนุญาตจากทางกรมการขนส่งทางบกก่อน
  3. มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง (รถซาเล้ง) จะต้องมีการเสียภาษีประจำปีสำหรับรถมอเตอร์ไซค์อย่างสม่ำเสมอไม่ให้ขาด
  4. มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง (รถซาเล้ง) จะต้องมีการจัดทำ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถมอเตอร์ไซค์ ไม่ว่าจะเป็นภาคบังคับเบื้องต้นหรือเพิ่มเติมอื่น ๆ
  5. มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง (รถซาเล้ง) จะต้องมีการจดทะเบียนการเปลี่ยนแปลงสภาพรถต่อหน้านายทะเบียน

ประกันภัยสำหรับมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง (ซาเล้ง)

สำหรับประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์นั้นจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ ประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ภาคบังคับ (พ.ร.บ) และประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ภาคสมัครใจ โดยจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. ประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ภาคบังคับ

ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง (ซาเล้ง) จะต้องมีการจัดทำประกันภัยภาคบังคับหรือ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถมอเตอร์ไซค์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย โดยประกันภัยภาคบังคับนี้จะให้ความคุ้มครองเฉพาะในกรณีที่มีผู้บาดเจ็บหรือมีผู้เสียชีวิตเท่านั้น ซึ่งจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี ได้แก่

ค่าเสียหายเบื้องต้น โดยไม่ต้องพิสูจน์ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด

  • ค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บ จะสามารถเบิกได้กับทาง พ.ร.บ.รถมอเตอร์ไซค์ ได้สูงสุดไม่เกินคนละ 30,000 บาท โดยจะมีการจ่ายให้ตามความเป็นจริง
  • ค่าชดเชยในกรณีที่มีการเสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือสูญเสียอวัยวะ โดยจะเบิกได้ไม่เกินคนละ 35,000 บาท

ค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติม เมื่อพิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นฝ่ายถูก

  • ค่ารักษาพยาบาล จะสามารถเบิกได้กับทาง พ.ร.บ.รถมอเตอร์ไซค์ ได้สูงสุดไม่เกินคนละ 80,000 บาท โดยจะมีการจ่ายให้ตามความเป็นจริง
  • เงินชดเชยในกรณีที่มีการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรโดยสิ้นเชิง จะได้รับเงินค่าชดเชยคนละ 500,000 บาท
  • เงินชดเชยในกรณีที่ทุพพลภาพถาวร หรือไม่สามารถประกอบอาชีพได้อีกต่อไป จะได้รับเงินค่าชดเชยคนละ 300,000 บาท
  • กรณีที่สูญเสียอวัยวะ ได้แก่ สูญเสียนิ้วตั้งแต่นิ้วเดียวขึ้นไป จะได้รับเงินชดเชยคนละ 200,000 บาท สูญเสียอวัยวะ 1 ส่วน จะได้รับเงินชดเชยคนละ 250,000 บาท สูญเสียอวัยวะ 2 ส่วนขึ้นไป จะได้รับเงินชดเชยคนละ 500,000 บาท และในกรณีที่นอนพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในในโรงพยาบาล จะได้รับเงินชดเชยคนละ 200 บาทต่อวัน สูงสุดได้ไม่เกิน 20 วัน

2. ประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ภาคสมัครใจ

สำหรับความคุ้มครองของประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ภาคสมัครใจนี้ ถ้าหากว่าเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างต้องการที่จะทำประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างเพิ่มเติม ก็จะขึ้นอยู่กับประเภทแผนประกันภัยที่ได้มีการเลือกทำ ได้แก่

  • ประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด และสามารถเคลมได้ในทุกกรณีตามเงื่อนไขของแผนกรมธรรม์
  • ประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ชั้น 2+ จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่เป็นรถชนรถแบบมีคู่กรณี รถหาย และรถไฟไหม้ แบบมีทุน
  • ประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ชั้น 3+ จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่เป็นรถชนรถแบบมีคู่กรณี รถหาย และรถไฟไหม้ แบบไม่มีทุน
  • ประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ชั้น 2 จะให้ความคุ้มครองคู่กรณีเท่านั้น รวมไปถึงรถหาย และรถไฟไหม้ แบบมีทุน
  • ประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ชั้น 3 จะให้ความคุ้มครองคู่กรณีเท่านั้น รวมไปถึงรถหาย และรถไฟไหม้ แบบไม่มีทุน

ถ้าหากว่ารถมอเตอร์ไซค์ถูกเปลี่ยนสภาพไปเป็นมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง แบบนี้จะต้องแจ้งทางบริษัทประกันภัยด้วยไหม และเงื่อนไขความคุ้มครองหรือเบี้ยประกันภัยจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่?

การเปลี่ยนแปลงสภาพรถมอเตอร์ไซค์ให้กลายเป็นมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างหรือรถซาเล้งนั้น จะต้องมีการนำรถไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพดูก่อน ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 เพราะรถที่จดทะเบียนแล้ว จะไม่สามารถแปรสภาพ ดัดแปลง หรือแก้ไขตัวรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ได้ เพราะฉะนั้นถ้าหากว่ารถมอเตอร์ไซค์ถูกเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ทางเจ้าของรถจะต้องแจ้งกับทางบริษัทประกันภัยด้วย เพราะรายการในทะเบียนและในใบคู่มือจดทะเบียนรถก็จะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ไปตามที่นายทะเบียนแก้ไขให้ใหม่นั่นเอง ส่วนในเรื่องของเงื่อนไขความคุ้มครองหรือเบี้ยประกันภัยนั้น ก็จะต้องมีการพูดคุยกับทางบริษัทประกันภัยอีกครั้ง เพื่อป้องกันการเข้าใจที่ไม่ตรงกัน สามารถคลิกดูรายละเอียด ประกันภัยมอเตอร์ไซค์ ได้ที่เว็บไซต์ แรบบิท แคร์ หรือโทร 1438 Care Center พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
ความคุ้มครองประกันรถจักรยานยนต์
ตารางความคุ้มครอง    
 
ผลประโยชน์ 
ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 1ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 2+ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 2ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 3+ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 3
คู่กรณี
บุคคล ✔️✔️✔️✔️✔️
ทรัพย์สินของคู่กรณี✔️✔️✔️✔️✔️
รถของผู้เอาประกันภัย
การชนแบบมีคู่กรณี✔️✔️✔️
การชนแบบไม่มีคู่กรณี✔️
ไฟไหม้✔️✔️✔️
รถหาย✔️✔️✔️
ภัยธรรมชาติ✔️✔️✔️
ช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง✔️✔️
ความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุส่วนบุคคล
อุบัติเหตุส่วนบุคคล✔️✔️✔️✔️✔️
การรักษาพยาบาล✔️✔️✔️✔️✔️
การประกันตัวผู้ขับขี่✔️✔️✔️✔️✔️
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

ควรจะเลือกทำประกันภัยมอเตอร์ไซค์ชั้นไหนดี?

สำหรับรถมอเตอร์ไซค์นั้น แนะนำว่าควรเลือกทำเป็นประกันภัยมอเตอร์ไซค์ชั้น 1 ไว้จะดีที่สุด ถึงแม้ว่าเบี้ยประกันจะแพงกว่าประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ประเภทอื่น แต่ในด้านของความคุ้มครองนั้นก็ครอบคลุมมากที่สุดเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังให้ความคุ้มค่าและความอุ่นใจได้มากที่สุดอีกด้วย

ซื้อประกันรถมอเตอร์ไซค์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

นอกจาก แรบบิท แคร์ จะมีบริการเปรียบเทียบราคาเบี้ยประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ให้คุณได้ดูแล้ว ก็ยังมีประกันภัยมอเตอร์ไซค์จากบริษัทชั้นนำกว่า 30 บริษัท มาให้คุณได้เลือกสรรอีกมากมาย พร้อมกับโปรโมชั่นพิเศษอื่น ๆ และบริการหลังการขายสุด exclusive เพื่อให้คุณลูกค้าได้อุ่นใจมากยิ่งขึ้น

 

และนอกจากนี้ในเรื่องของเบี้ยประกันก็ยังสามารถผ่อนจ่ายแบบ 0% ได้อีกด้วย ใครที่กำลังวางแผนในเรื่องของการเงินอยู่ก็อุ่นใจได้เลย และนอกจากนี้ยังมีคำแนะนำดี ๆ ที่คุณจะได้รับจากผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยแบบจุใจ ดังนั้นถ้าหากใครที่กำลังมองหาประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์อยู่ ก็สามารถที่จะเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ แรบบิท แคร์ ได้เลย

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา