MRR MLR MOR คืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไร และมีผลแบบไหนต่อการกู้สินเชื่อ ?
แรบบิท แคร์ พร้อมตอบข้อสงสัย อัตราดอกเบี้ย MRR MLR และ MOR คืออะไร? มีความแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร ? มีผลหรือส่งผลที่เกี่ยวข้องกับการกู้สินเชื่อแบบต่าง ๆ หรือไม่ มากน้อยแค่ไหน ? วันนี้เรามีคำตอบให้ ลองมาอ่านและทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน
ดอกเบี้ย MRR คืออะไร ?
อัตราดอกเบี้ย MRR หรือ Minimum Retail Rate คือ อัตราดอกเบี้ยรูปแบบลอยตัว (Floating Rate) นิยมใช้ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ และสินเชื่อส่วนบุคคล ธนาคารจะใช้เพื่อคำนวณดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดีในการกู้ยืมเงิน และถูกตั้งขึ้นเป็นมาตรฐานดอกเบี้ยขั้นต่ำสำหรับการกู้สินเชื่อของลูกค้ารายย่อย เป็นหนึ่งในวิธีที่ธนาคารใช้เพื่อจัดการความเสี่ยงทางด้านดอกเบี้ยและกำหนดกำไรที่เหมาะสม
อัตราดอกเบี้ย MRR นี้จะคำนวณโดยอ้างอิงได้ตามสภาวะตลาดและเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ ทั้งด้านอัตราเงินเฟ้อ การเงินโลก และการเปลี่ยนแปลงในพื้นฐานทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้น ลูกค้าที่กู้ยืมเงินต้องตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย MRR และจำเป็นที่จะต้องเช็กอัตราดอกเบี้ย MRR ปัจจุบันอยู่เสมอเพราะอาจมีผลกระทบต่อจำนวนเงินผ่อนชำระรายเดือน
ดอกเบี้ย MLR คืออะไร ?
อัตราดอกเบี้ย MLR หรือ Minimum Loan Rate (MLR Rate) เป็นอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้าที่ได้รับสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งธนาคารสามารถกำหนด MLR โดยประเมินจากความเสี่ยงและความคุ้มค่าของการกู้ยืมเงิน ทั้งนี้ MLR มักจะถูกใช้ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อให้แน่ใจว่าธนาคารจะได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม
อัตราดอกเบี้ย MLR จะถูกคำนวณโดยอ้างอิงตามความเสี่ยงของการให้สินเชื่อ และจะเปลี่ยนแปลงตามสภาวะทางเศรษฐกิจและสภาวะทั่วไปของตลาด ดังนั้นลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อจะต้องให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย MLR ปัจจุบันอยู่เสมอ โดยพิจารณาจากการวิเคราะห์การเงินและความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้ อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยนี้ยังสามารถส่งผลกระทบต่อการผ่อนชำระเงินกู้และความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงินของลูกค้าอีกด้วย
ดอกเบี้ย MOR คืออะไร ?
อัตราดอกเบี้ย MOR หรือ Minimum Overdraft Rate เป็นอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้าที่ใช้บริการเงินเบิกเกินบัญชี ซึ่งบริการนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเบิกเงินเกินจากยอดในบัญชีของตนได้ เมื่อลูกค้ามีความจำเป็นจะต้องใช้จ่ายเงินเกินจากที่มีอยู่ในบัญชี ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยตามอัตรา MOR ตามยอดเงินที่เบิกเกิน
อัตราดอกเบี้ย MOR จะถูกคำนวณตามระดับความเสี่ยงของลูกค้าและสภาวะทางเศรษฐกิจทั่วไป ซึ่ง MOR สามารถปรับเปลี่ยนได้โดยธนาคาร และลูกค้าที่เบิกเงินเกินบัญชีควรตระหนักว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามอัตราดอกเบี้ย MOR ดังนั้นการใช้บริการเงินเบิกเกินบัญชีด้วยความระมัดระวังและคำนึงถึงอัตราดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมากนั่นเอง
MRR MLR MOR มีความแตกต่างกันอย่างไร ?
อัตราดอกเบี้ย MRR (Minimum Retail Rate), MLR (Minimum Loan Rate) และ MOR (Minimum Overdraft Rate) ทั้งสามอย่างจะมีความแตกต่างกันในด้านการใช้งานและวัตถุประสงค์ของการกำหนดอัตราดอกเบี้ย
- MRR จะเป็นอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำสำหรับลูกค้ารายย่อย ที่ส่วนใหญ่ใช้ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ หรือสินเชื่อส่วนบุคคล
- MLR จะเป็นอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำสำหรับสินเชื่อซึ่งโดยทั่วไปใช้ในสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น สินเชื่อเพื่อการลงทุนหรือการขยายธุรกิจ
- ส่วน MOR หรือ จะเป็นอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำสำหรับเงินเบิกเกินบัญชี ใช้ในการคิดค่าใช้จ่ายสำหรับลูกค้าที่เบิกเงินเกินยอดในบัญชีของตนเอง
ดังนั้นอาจสรุปได้ว่าแต่ละอัตราดอกเบี้ยทั้ง MRR MLR และ MOR นั้นจะถูกกำหนดโดยคำนึงถึงความเสี่ยงและเป้าหมายทางการเงินที่ต่างกันนั่นเอง
อัตราดอกเบี้ย MRR MLR และ MOR มีผลอย่างไรต่อการกู้สินเชื่อ ?
สำหรับคำถามที่ว่าอัตราดอกเบี้ย MRR MLR และ MOR นั้นมีผลอย่างไรต่อการกู้สินเชื่อ คำตอบของคำถามข้อนี้ก็จะล้อไปกับสิ่งที่ได้กล่าวไปข้างต้นถึงจุดประสงค์และความหมายของอัตราดอกเบี้ยแต่ละชนิด
- สิ่งที่ MRR มีผลต่อการกู้สินเชื่อก็คือ จะเป็นตัวกำหนดของอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่กู้สินเชื่อทั่วไปประเภทต่าง ๆ เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ
- สิ่งที่ MLR มีผลต่อการกู้สินเชื่อก็คือ จะเป็นตัวกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายสำหรับลูกค้าซึ่งกู้สินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สินเชื่อเพื่อการลงทุน สินเชื่อเพื่อการขยายธุรกิจ
- สิ่งที่ MOR มีผลต่อการกู้สินเชื่อก็คือ จะเป็นตัวกำหนดอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำของการเบิกเงินเกินบัญชีของลูกค้า
จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ไม่ว่าจะเลือกกู้สินเชื่อประเภทไหนก็ล้วนแต่มีอัตราดอกเบี้ยเฉพาะของตัวเอง อีกทั้งยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายที่ต้องคำนึงถึง ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ต้องการจะกู้สินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ หรือสินเชื่อประเภทอื่น ๆ แต่มีข้อกังวลเกี่ยวกับรายละเอียดในการกู้สินเชื่อประเภทต่าง ๆ ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ไม่รู้ว่าต้องให้ความสำคัญกับสิ่งใดบ้าง ติดต่อเข้ามาให้ แรบบิท แคร์ ช่วยดูแลได้ เรามีสินเชื่อมากมายพร้อมผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาแนะนำ
สินเชื่อบ้านที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ
- ดอกเบี้ย ปีแรกเริ่มเพียง 1.50%*
- ติดต่อกลับใน 1 วัน อนุมัติด่วนภายใน 3 วันทำการ**
- รีไฟแนนซ์บ้าน จ่ายค่างวดลดลง