บัตร JCB ดีไหม และใช้ที่ไหนได้บ้าง?
บัตร JCB คืออะไร?
JCB (Japan Credit Bureau) ได้มีการเปิดตัวขึ้นมาในเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 1961 ต่อมาภายหลังจากนั้น 2 เดือนก็ได้มีการออกบัตรเครดิตขึ้นมาเป็นครั้งแรกของญี่ปุ่น ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐาน ISO ในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1961 จนต่อมา JCB ก็ได้กลายมาเป็นบริษัทเอกชนแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น ที่มีการให้บริการชำระบิลค่าบัตรเครดิตด้วยดราฟธนาคารแบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าและได้กลายมาเป็นแบรนด์ผู้ให้บริการเครือข่ายการชำระเงินระดับสากลแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียเมื่อปี ค.ศ. 1981 ซึ่งในปัจจุบันนี้บัตร JCB ก็ได้กลายมาเป็นแบรนด์ผู้ให้บริการเครือข่ายการชำระเงินชั้นนำของโลกด้วย
บัตร JCB มีทั้งหมดกี่ประเภท?
ประเภทของบัตรชำระเงินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ JCB จะมีทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ บัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรเติมเงิน ซึ่งในปัจจุบันนี้บัตร JCB มีให้บริการโดย 5 ธนาคารของประเทศไทย ดังนั้นจึงสามารถสมัครบัตร JCB ได้ที่ธนาคารทั้ง 5 แห่งนี้ ได้แก่
- บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด
- บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
- บริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
บัตร JCB ใช้ที่ไหนได้บ้าง?
จากข้อมูล “ผู้รับบัตร” ในเว็บไซต์ JCB ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันการเงินที่รับบัตร โดยมีรายชื่อดังนี้
- บริษัท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด มหาชน
- บริษัท ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด มหาชน
- บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด
- บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด มหาชน
- บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด มหาชน
- Opn
- 2C2P
- GB prime pay
เทคโนโลยีความปลอดภัยบัตร JCB มีอะไรบ้าง?
ในโลกปัจจุบันนี้มีข้อมูลอยู่มากมายมหาศาล ที่กำลังถูกเคลื่อนย้ายและแลกเปลี่ยนกันอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น JCB จึงได้มีการพัฒนาอยู่เสมอในเรื่องของเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยด้วยโซลูชันที่ปลอดภัย และเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าที่มากขึ้น ทางผู้ที่ถือบัตร JCB สามารถกดเงินสดในสกุลเงินท้องถิ่นได้จากตู้ ATM ทั่วโลก โดยที่ยังมีระบบความปลอดภัยขั้นสูง ได้แก่ บัตรที่ฝังชิปวงจรรวม (Integrated Circuit - IC) หรือที่เรียกกันว่าบัตร IC และยังมี J/Secure™ ที่เป็นบริการระบุและตรวจสอบตัวตนสำหรับลูกค้าบัตร JCB อีกด้วย
บัตร JCB กดเงินสดได้ไหม?
บัต JCB สามารถกดถอนเงินสดได้ โดยจำนวนเงินหรือวงเงินนั้นจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของธนาคารที่ได้มีการออกบัตร JCB ให้นั่นเอง และจะมีค่าธรรมเนียมในการเบิกถอนเงินสดออกมาด้วย และจะมีค่าธรรมเนียม 3% ของยอดเงินที่เบิกถอนในแต่ละครั้งนั่นเอง
บัตร JCB ใช้ต่างประเทศได้ไหม?
โดยปกติแล้วบัตร JCB จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น รวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่กำลีงมีแผนจะไปเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย เพราะว่ามีสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นส่วนลดมากมายสำหรับร้านค้าและบริการต่าง ๆ ดังนั้นการใช้งานบัตร JCB จึงตอบโจทย์มากสำหรับการใช้งานในประเทศญี่ปุ่น แต่อย่างไรแล้วบัตร JCB ยังสามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการได้ทั่วโลกอีกด้วย และนอกจากนี้ทาง JCB ก็ยังเป็นเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ผู้ให้บริการเครือข่ายการชำระเงินระดับสากลอื่น ๆ ดังนั้นบัตร JCB จึงสามารถใช้ได้ในประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ และประเทศแคนาดา โดยมีการร่วมมือกันกับ American Express และในสหรัฐอเมริกาผ่าน Discover Network เพื่อให้ผู้ถือบัตร JCB ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
สิทธิประโยชน์ของบัตร JCB มีอะไรบ้าง?
สำหรับผู้ที่ถือบัตร JCB จะสามารถใช้งานพร้อมทั้งได้รับส่วนลดและสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากสินค้าและบริการทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นจากร้านค้าออนไลน์ ร้านอาหาร การเดินทาง พักผ่อน สันทนาการ ร้านค้า โรงแรม เป็นต้น และยังมีบริการจาก JCB ที่จะคอยช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ที่ถือบัตร เช่น
• JCB PLAZA
เป็นเคาน์เตอร์บริการในต่างประเทศที่จะมีตั้งอยู่ทั่วโลก โดยพนักงานของ JCB PLAZA จะคอยให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ และจะคอยตอบคำถามเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอีกด้วย
• JCB Plaza Call Center
เป็นบริการฟรีที่ให้ผู้ถือบัตรสามารถโทรจองร้านอาหาร ร้านสปาในเครือข่ายของ JCB ได้ล่วงหน้าก่อนที่จะมีการเดินทาง และยังมีบริการช่วยเหลือในกรณีที่มีเหตุขัดข้องหรือเหตุฉุกเฉินในระหว่างการท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง
• บริการเช่ารถยนต์จาก JCB
เป็นบริการ Hertz Rent-a-Car กว่า 60 ประเทศทั่วโลก โดยที่ Hertz Rent-a-Car จะมีรถหลากหลายรุ่นให้คุณได้เลือกตามความต้องหาร จึงหมดความกังวลในเรื่องของการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อธุรกิจหรือเพื่อการพักผ่อนก็สบายใจ
• สำหรับลูกค้าบัตร JCB Platinum
จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น JCB Platinum Airport Lounge, Platinum Journey, Platinum Lifestlye, Platinum Crown Dining, Platinum Daily Dining, JCB Platinum Restaurant โดย SYOTAI BIYORI เป็นต้น
บัตรเครดิตใช้ต่างประเทศได้ มีบัตรอะไรบ้าง?
โดยปกติแล้วบัตรเครดิตสามารถใช้ชำระค่าสินค้าและบริการที่ต่างประเทศได้ตามปกติ เพียงแต่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมตามเงื่อนไขในแต่ละธนาคารด้วย โดยค่าธรรมเนียมเวลาที่เราใช้บัตรเครดิตในต่างประเทศนั้นจะเรียกว่า “ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน” หรือ “ค่าธรรมเนียมแลกเงิน” กล่าวคือทางสถาบันการเงินจะคิดค่าธรรมเนียมประมาณ 2 – 2.5% ของยอดเงินที่เราใช้จ่ายไป เนื่องจากว่าทางธนาคารต้องมีการป้องกันความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนที่มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
เพราะฉะนั้นทางที่ดีแนะนำให้โทรสอบถามทางธนาคารที่ออกบัตรเครดิตโดยตรงจะดีที่สุด เพราะว่าบางบัตรนั้นอาจจะไม่สามารถใช้งานได้ในบางประเทศ เพราะฉะนั้นทางที่ดีควรใช้เป็นบัตรเครดิตประเภท VISA หรือ MasterCard ไปเลยจะดีที่สุด เนื่องจากเป็นเครือข่ายที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นบัตรเดบิตหรือบัตรกดเงินสดก็สามารถใช้งานได้ โดยบัตรเดบิตที่มีสัญลักษณ์ PLUS สัญลักษณ์ VISA หรือสัญลักษณ์ MasterCard ก็สามารถใช้งานในต่างประเทศได้ ส่วนบัตรกดเงินสดก็จะต้องมีสัญลักษณ์ VISA หรือสัญลักษณ์ MasterCard ก็สามารถใช้งานในต่างประเทศได้เช่นเดียวกัน แต่อย่างไรแล้วก็จะต้องมีแจ้งกับทางสถาบันการเงินก่อนนำไปใช้งานด้วยทุกครั้ง
สมัครบัตรเครดิตใบแรก ควรเลือกสมัครของธนาคารอะไรดี?
เงื่อนไขของผู้ที่จะสมัคร บัตรเครดิต ได้นั้นจะต้องมีอายุ 20 - 70 ปี มีเงินเดือนเฉลี่ย 15,000 บาทขึ้นไป และจะต้องทำงานมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 เดือน โดยจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของในแต่ละธนาคารด้วย ต่อมาให้เราเลือกใช้บัตรเครดิตที่ตรงตามการใช้งานในชีวิตประจำวันจะดีที่สุด เนื่องจากว่าจะได้ใช้งานและรับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ มากมายอย่างเหมาะสม เช่น สายกิน สายเที่ยว สายช้อปปิ้ง หรือสายเติมน้ำมัน เป็นต้น และนอกจากนี้เรายังสามารถเลือกรับสิทธิพิเศษที่เราต้องการได้อีกด้วย เช่น คะแนนสะสม เงินคืน หรือการผ่อนชำระ 0% ในร้านค้าที่ร่วมรายการ เป็นต้น
เปรียบเทียบบัตรเครดิตกับแรบบิท แคร์ ดีอย่างไร?
ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและใช้งานง่ายของแรบบิท แคร์ จึงได้มีบริการเปรียบเทียบบัตรเครดิต ที่จะช่วยให้คุณได้ข้อมูลเปรียบเทียบบัตรเครดิตที่ชัดเจน ตรงตามไลฟ์สไตล์ และครบถ้วนมากที่สุดจากธนาคารชั้นนำของประเทศไทย อีกทั้งบริการนี้ยังสามารถดูรายละเอียดของบัตรในแต่ละประเภทได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต cash back, บัตรเครดิตสะสมแต้ม หรือบัตรเครดิตสะสมไมล์
สมัครบัตรเครดิตผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
แรบบิท แคร์ มีเครื่องมือเปรียบเทียบบัตรเครดิตที่ใช้งานง่าย รวดเร็วภายใน 30 วินาที และจะช่วยให้คุณเปรียบเทียบข้อเสนอที่ตรงตามไลฟ์สไตล์ได้มากที่สุด และนอกจากนี้แรบบิท แคร์ ยังมีบริการสมัครบัตรเครดิตที่จะช่วยคุณตั้งแต่ขั้นตอนเรื่องเอกสารการสมัคร ไปจนถึงขั้นตอนการได้รับอนุมัติบัตรเครดิต พร้อมทั้งคอยให้ทั้งคำปรึกษา ให้ความช่วยเหลือ และช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่คุณอย่างถึงที่สุด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ แรบบิท แคร์
ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต
บัตรเครดิต เคทีซี ดิจิทัล แพลตินัม วีซ่า
KTC / VISA
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
- ปลอดภัยกว่า ช้อปออนไลน์มั่นใจขั้นสุดด้วย Dynamic CVV รหัสหลังบัตรที่เปลี่ยนทุกครั้งที่ขอ
- สบายใจกว่า เมื่อใช้จ่ายที่ร้านค้าทั่วไป ด้วย Numberless Physical Credit Card บัตรพลาสติกไร้หมายเลขที่สามารถขอได้ผ่านแอป KTC Mobile
- รับส่วนลดตลอดปีที่ห้องอาหารในโรงแรมชั้นนำทั่วไทย และใช้ง่ายสะดวกรอบโลก
บัตรเครดิต เคทีซี วีซ่า แพลตทินั่ม
KTC / VISA
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
- ผ่อนชำระด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0.74%
- ประกันการเดินทาง 8 ล้านบาท
- รับส่วนลดตลอดปีที่ห้องอาหารในโรงแรมชั้นนำทั่วไทย และใช้ง่ายสะดวกรอบโลก
บัตรเครดิต เคทีซี บางจาก แพลตทินั่ม
KTC / Mastercard
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
- รับเครดิตเงินคืน 1% เมื่อเติมน้ำมันที่ปั๊มบางจาก
- ประกันการเดินทาง 8 ล้านบาท
- รับส่วนลดร้านค้าออนไลน์ทุกเดือน พร้อมรับสิทธิพิเศษที่ร้านอาหารหรูในไทยตลอดปี
บัตรเครดิต เคทีซี แคชแบ็ค แพลตทินัม มาสเตอร์การ์ด
KTC / Mastercard
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
- รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 0.8%
- ประกันการเดินทาง 8 ล้านบาท
- รับส่วนลดร้านค้าออนไลน์ทุกเดือน พร้อมรับสิทธิพิเศษที่ร้านอาหารหรูในไทยตลอดปี
บัตรเครดิต เคทีซี อโกด้า แพลทินัม มาสเตอร์การ์ด
KTC / Mastercard
- รับสิทธิ์ AgodaVIP Platinum
- รับเพิ่ม 250 คะแนน KTC FOREVER เมื่อใช้จ่ายที่ Agoda ตามกำหนด
- ใช้คะแนนน้อยกว่า 800 คะแนน KTC FOREVER แลกได้ 100 บาท AgodaCash
- รับส่วนลดร้านค้าออนไลน์ทุกเดือน พร้อมรับสิทธิพิเศษที่ร้านอาหารหรูในไทยตลอดปี
บัตรเครดิต ยูโอบี เลดี้ แพลตทินัม
UOB / Mastercard
- รับคะแนนสะสม 10 บาท = 1 คะแนน
- แลกรับเครดิตเงินคืน 15% เพียงใช้คะแนนสะสมเท่ายอดซื้อที่ EVEANDBOY, Cental&Zen, The mall, Paragon, Emporium, EmQuartier, Blueport และ Robinson
- แลกรับเครดิตเงินคืน 15% เมื่อใช้คะแนนสะสม ยูโอบี รีวอร์ด พลัส เท่ากับยอดใช้จ่ายในหมวดร้านอาหาร
- รับเครดิตเงินคืน 3% เมื่อชำระค่าเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ทุก 800 บาท/เซลล์สลิป
บัตรเครดิต ยูโอบี โยโล่ แพลตทินั่ม
UOB / VISA
- รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% เมื่อใช้จ่ายที่รถไฟฟ้า BTS MRT 7-11, All Online by 7-Eleven ร้านบูทส์ ร้านวัตสัน ร้านมัตสึโมโตะ คิโยชิ เบอร์เกอร์ คิง, Shopee, Grab และ Atome
- แบ่งชำระ 0% นาน 3 เดือน เมื่อมียอดใช้จ่ายในหมวดท่องเที่ยวและออนไลน์
- 1 ฟรี 1 เมื่อซื้อบัตรชมภาพยนตร์ในเครือ SF
- เครดิตเงินคืน 3% เมื่อชำระค่าเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ทุก 800 บาท/เซลล์สลิป เฉพาะสถานีที่ร่วมรายการ
บัตรเครดิตไทเทเนียม โรงพยาบาลรามาธิปดี
BBL / Mastercard
- รับเงินคืนสูงสุด 2% ทุกรอบบัญชี
- บริจาคสมทบ 0.2% ทุกยอดใช้จ่าย
- ให้แก่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
- เอกสิทธิ์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี
บัตรเครดิต แอร์เอเชีย
BBL / Mastercard
- บริการเลือกที่นั่ง Hot Seat ฟรี
- บริการฝากสัมภาระใต้ท้องเครื่อง ฟรี
- บริการเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นบนเครื่อง ฟรี
- รูดช้อปรับคะแนน BIG Points สูงสุด 3 เท่า
- แบ่งชำระสบายๆ 0% หรือ 0.79% นานสูงสุดถึง 10 เดือน
บัตรเครดิต วีซ่า แพลทินัม
BBL / VISA
- รับคะแนนสะสมทุกการใช้จ่าย 25 บาท รับคะแนนสะสม 1 คะแนน ทั้งในและต่างประเทศ
- สะสมไมล์เดินทางคะแนนสะสมสามารถแลกเป็นไมล์เดินทางจากสายการบินชั้นนำ
บัตรเครดิต ทีทีบี โซ ชิลล์
TTB / VISA
- ผ่อน 0% 3 เดือน
- ฟรีค่าธรรมเนียมทุกการกดเงินสด 3%
- ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี
- รับดอกเบี้ยพิเศษ 3 รอบบัญชีแรก