หุ้นปันผล
หุ้นปันผล เป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นประจำ โดยจะแบ่งเป็นสองประเภท คือ หุ้นปันผลปีละครั้ง และ หุ้นปันผลไม่ต่ำกว่าสองครั้งต่อปี การลงทุนในหุ้นจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในหุ้นทั่วไป เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นประจำ และยังมีโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินปันผลที่จ่ายให้ผู้ถือหุ้นเป็นประจำด้วย
การเลือกลงทุนในหุ้นควรพิจารณาตัวเลขดัชนี SET High Dividend 30 Index (SETHD) ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นปัที่มีการคัดเลือกที่เป็นหุ้นที่ดีที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยหุ้นที่เข้าร่วมดัชนีนี้จะต้องมีการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี และมีปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และในบทความนี้ แรบบิท แคร์ จะพาไปดูเรื่องที่ต้องรู้ก่อนลงทุนหุ้นปันผลกัน
หุ้นปันผล คือ
หุ้นปันผล (Stock Dividend) คือ หุ้นที่บริษัทออกให้กับผู้ถือหุ้นโดยไม่ได้จ่ายเงินสดให้ แต่จะให้หุ้นเพิ่มขึ้นในรูปแบบปันผล โดยมูลค่าของหุ้นที่เพิ่มขึ้นนั้นจะเท่ากับจำนวนเงินที่จะจ่ายเป็นเงินปันผล การออกหุ้นปันผลนี้เป็นวิธีหนึ่งในการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นโดยที่บริษัทไม่ต้องจ่ายเงินสดให้
หุ้นปันผลมีข้อดีอย่างหนึ่งคือ สามารถเพิ่มจำนวนหุ้นในมูลค่าเท่ากันได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมประเภทหุ้นเทียบเท่า นอกจากนี้ การออกหุ้นปันผลยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในบริษัทที่ออกหุ้นปันผลเนื่องจากบริษัทนั้นมีการแบ่งปันกำไรให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ แต่การลงทุนในหุ้นปันผลก็มีความเสี่ยงอยู่เช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้นทั่วไป ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่ออกหุ้นปันผลอย่างละเอียด รวมถึงการวิเคราะห์และประเมินค่าหุ้นก่อนตัดสินใจลงทุน
ในบางกรณี บริษัทอาจจะเลือกออกหุ้นปันผลเพื่อลดภาระการจ่ายเงินปันผลในรูปแบบเงินสด ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ถือหุ้นได้รับจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น แต่มูลค่าของหุ้นในตลาดอาจลดลงเนื่องจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหุ้นก่อนตัดสินใจลงทุน
ประโยชน์ของการจ่ายหุ้นปันผล
หุ้นปันผล (Stock Dividend) เป็นหุ้นที่บริษัทออกให้กับผู้ถือหุ้นเพื่อเป็นการตอบแทนจากการลงทุนในบริษัท โดยไม่ต้องจ่ายเงินสด แต่จะจ่ายในรูปแบบหุ้นสามัญออกใหม่แทน ซึ่งผู้ถือหุ้นจะได้รับส่วนแบ่งของกำไรของบริษัทในอนาคต
• ประโยชน์ของผู้ถือหุ้น
ช่วยให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในบริษัท โดยไม่ต้องจ่ายเงินสด นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มมูลค่าของหุ้นที่ถืออยู่ด้วย ซึ่งสามารถนำไปขายเมื่อมีราคาสูงขึ้นได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าภาษีที่ต้องจ่ายในการจ่ายเงินปันผลในรูปแบบเงินสด
• ประโยชน์ของบริษัท
ช่วยให้บริษัทลดค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินปันผลในรูปแบบเงินสด นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นที่ออกให้ และช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนในหุ้นของบริษัทอีกด้วย
• ประโยชน์ของตลาดหลักทรัพย์
ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะยาว เนื่องจากผู้ถือหุ้นจะได้รับส่วนแบ่งของกำไรของบริษัทในอนาคต นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนในบริษัทที่มีนโยบายการจ่ายปันผลในรูปแบบปันผล
วิธีการคำนวณหุ้น
หุ้นปันผล คือ เงินที่บริษัทจ่ายให้กับผู้ถือหุ้น เพื่อแบ่งปันกำไรที่ได้รับจากกิจกรรมการลงทุนต่าง ๆ โดยปกติการจ่ายเงินปันผลนั้นจะใช้สูตรคำนวณเงินปันผลต่อหุ้น หรือ Dividend Per Share (DPS) ซึ่งเป็นเงินที่บริษัทจ่ายให้ต่อหุ้น และผู้ถือหุ้นสามารถคำนวณเงินปันผลที่จะได้รับได้จากการถือหุ้นของตนได้ด้วยตัวเอง
สูตรคำนวณเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) คือ จำนวนเงินที่บริษัทจ่ายให้ผู้ถือหุ้น หารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกและมีการแจกปัน ดังนั้น สูตรคำนวณเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) = จำนวนเงินที่จ่ายในการปันผล / จำนวนหุ้นที่ออกและมีการแจกปัน
เมื่อผู้ถือหุ้นทราบจำนวนหุ้นที่ตนเองถือและ DPS ก็สามารถคำนวณเงินปันผลที่จะได้รับได้อย่างง่ายดาย โดยใช้สูตร D = DPS คูณ S โดย D คือ จำนวนเงินปันผลที่จะได้รับ และ S คือ จำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นถือ
ตัวอย่างเช่น หากมีบริษัทที่จ่ายเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) ที่ 5 บาท และผู้ถือหุ้นได้ถือหุ้นไว้ 100 หุ้น จะได้รับเงินปันผลทั้งหมด 500 บาท (5 บาท x 100 หุ้น)
การคำนวณเงินปันผลต่อหุ้นนั้นอาจมีความซับซ้อนขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปันผล ดังนั้น ผู้ถือหุ้นควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทและการปันผลก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้น
กลยุทธ์การลงทุน
การลงทุนในหุ้นปันผลเป็นวิธีการลงทุนที่มีความนิยมสูงในตลาดหลักทรัพย์ไทย เนื่องจากการลงทุนในหุ้นสามารถสร้างรายได้จากเงินปันผลที่ได้รับจากบริษัท นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นยังมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นทั่วไป เนื่องจากบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลมักจะเป็นบริษัทที่มีผลกำไรและสภาพการเงินดี โดยทั่วไปแล้ว กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นมักจะมีดังนี้
1. เลือกซื้อหุ้นปันผลจากบริษัทที่มีสภาพการเงินดี
การเลือกซื้อหุ้นปันผลจากบริษัทที่มีสภาพการเงินดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน นอกจากนี้ การเลือกซื้อหุ้นจากบริษัทที่มีผลกำไรและมีการจ่ายเงินปันผลเป็นประจำยังช่วยสร้างรายได้ให้กับนักลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง
2. คำนึงถึงอัตราเงินปันผล
นักลงทุนควรคำนึงถึงอัตราเงินปันผลของบริษัทก่อนที่จะลงทุน เนื่องจากอัตราเงินปันผลสามารถบอกได้ว่าบริษัทมีผลกำไรอย่างมั่นคงหรือไม่ นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงอัตราเงินปันผลที่เป็นค่าเฉลี่ยของบริษัทในระยะยาวเพื่อประเมินว่าบริษัทมีการจ่ายเงินปันผลเป็นประจำหรือไม่
3. คำนึงถึงอัตราผลตอบแทน
นักลงทุนควรคำนึงถึงอัตราผลตอบแทนของหุ้นก่อนที่จะลงทุน เนื่องจากอัตราผลตอบแทนสามารถบอกได้ว่าการลงทุนในหุ้นนั้นมีความคุ้มค่าหรือไม่
ความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นปันผล
การลงทุนในหุ้นปันผลมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้นประเภทอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนมาก การลงทุนในหุ้นอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินลงทุน และผลตอบแทนไม่สามารถการันตีได้ว่าจะเป็นไปตามที่คาดหวังไว้เสมอไปเสมอ การลงทุนในหุ้นปันผลยังมีความเสี่ยงจากการลงทุนในบริษัทที่ออกหุ้นนั้น ๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ความเสี่ยงของบริษัทที่ออกหุ้นและการดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถประเมินความเสี่ยงได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นปันผลยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยต่าง ๆ อย่างเช่น ปัจจัยทางการเมือง ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และปัจจัยทางด้านธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นและผลตอบแทนของการลงทุนในหุ้น ผู้ลงทุนจึงควรทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นอย่างละเอียด และคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุน ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในหุ้นใด ๆ
การวิเคราะห์หุ้น
การวิเคราะห์หุ้นปันผลเป็นกระบวนการที่ใช้เครื่องมือและเทคนิคต่าง ๆ เพื่อประเมินความสมควรของการลงทุนในหุ้นของบริษัท โดยการวิเคราะห์นี้จะช่วยให้นักลงทุนมีข้อมูลพื้นฐานเพียงพอในการตัดสินใจลงทุนในหุ้นของบริษัท และช่วยให้มีการลดความเสี่ยงในการลงทุน หนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์หุ้นปันผลคือ อัตราส่วนผลประโยชน์ต่อราคาหุ้น (Dividend Yield) ซึ่งเป็นสัดส่วนระหว่างเงินปันผลต่อราคาหุ้น โดยสามารถคำนวณได้จากสูตร ดังนี้
Dividend Yield = (เงินปันผลต่อหุ้น / ราคาหุ้น) x 100%
นอกจากนี้ การวิเคราะห์หุ้นปันผลยังสามารถใช้เทคนิคการวิเคราะห์ทางเทคนิคต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วยกราฟ (Technical Analysis) และการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ (Fundamental Analysis) เพื่อจะช่วยให้นักลงทุนมีการตัดสินใจในการลงทุนในหุ้นได้อย่างมั่นใจ
ในการวิเคราะห์หุ้นปันผลนั้น นักลงทุนควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับบริษัทที่ออกหุ้น โดยการศึกษาเกี่ยวกับค่าหุ้นปัจจุบัน ปริมาณการซื้อขายหุ้น และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหุ้นของบริษัทนั้น ๆ จะช่วยให้นักลงทุนมีการตัดสินใจลงทุนในหุ้นได้อย่างมั่นใจและมีการคาดการณ์ความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นของบริษัทนั้น ๆ ได้ดีขึ้น
หุ้นปันผล ต้องถือนานแค่ไหน
การถือหุ้นปันผลนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนและความเชื่อมั่นในการลงทุน เนื่องจากหุ้นจะมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง ๆ โดยไม่ได้มีการจ่ายเงินปันผลให้ทุกๆ ปี
ตามกฎหมายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทจะต้องมีกำไรสุทธิก่อนหักภาษีอย่างน้อย 12 เดือน และต้องไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะทำให้ไม่เหมาะสมในการจ่ายเงินปันผล ดังนั้น ผู้ถือหุ้นจึงต้องรอให้บริษัทมีกำไรสุทธิก่อนหักภาษีตามกฎหมายและต้องไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะทำให้ไม่เหมาะสมในการจ่ายเงินปันผลก่อนที่จะได้รับเงินปันผล
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลตามอัตราที่กำหนดโดยกฎหมาย เมื่อได้รับเงินปันผล ซึ่งอัตราภาษีเงินได้จะแตกต่างกันไปตามกฎหมายและสถานะของผู้ถือหุ้น ดังนั้น ผู้ถือหุ้นควรพิจารณาให้ดีก่อนที่จะลงทุนในหุ้น โดยต้องดูทั้งประวัติความเสี่ยงและประวัติการจ่ายเงินปันผลของบริษัท เพื่อประเมินผลกำไรและความเสี่ยงที่จะได้รับเงินปันผลในอนาคต
การลงทุนในหุ้นปันผลมีข้อดีที่สำคัญคือการได้รับเงินปันผลจากบริษัท ซึ่งเป็นรายได้เสริมที่น่าสนใจสำหรับผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นลยังมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในหุ้นทั่วไป เนื่องจากบริษัทที่จ่ายเงินปันผลมักมีกำไรและฐานที่เสียงดี แต่การลงทุนในหุ้นปันผลก็มีข้อเสียบ้าง เช่น อัตราการจ่ายปันผลอาจจะต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ หรือบริษัทอาจจะไม่มีการจ่ายปันผลเลย นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นยังอาจมีค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหุ้น และอาจจะมีความยากที่จะขายหุ้นได้ในบางกรณี
การลงทุนในหุ้นปันผลจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการถือหุ้น แต่ต้องพิจารณาความเสี่ยงและข้อเสียด้วยก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน แต่ถ้าใครไม่อยากแบกรับความเสี่ยงสูงเราขอแนะนำประกันสะสมทรัพย์จากแรบบิท แคร์
เพราะเป็นบริษัทโบรกเกอร์ประกันภัยชั้นนำในเครือของ BTS ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับต้น ๆ ในประเทศไทย เราดำเนินธุรกิจมีใบอนุญาตอย่างถูกต้องภายใต้กฎหมายและเงื่อนไขของ คปภ. และด้วยการที่เรามีประสบการณ์บริการลูกค้าจากบริษัทเดิม แรบบิท ไฟแนนซ์ มาก่อนอย่างยาวนาน ทำให้เราพัฒนาระบบบริการมารองรับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ตลอดจนได้รับความเชื่อใจจากบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่มากมาย ดังนั้นคุณจึงซื้อประกันสะสมทรัพย์กับเราแรบบิท แคร์ ได้อย่างมั่นใจ 100%
ประกันชีวิตที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ