VI คืออะไร? อยากลงทุนแบบ VI ต้องทำอย่างไร?
การเล่นหุ้น หากมีเทคนิคที่สามารถเลือกหุ้นได้ในราคาซื้อขายที่ถูกว่ามูลค่าจริงคงจะดีไม่ใช่น้อย หากอยากสามารถทำได้อย่างนั้นได้ การทำความรู้จักกับ VI คือคำตอบ แล้ว VI คืออะไร จะช่วยให้การเล่นหุ้นของเราคุ้มค่าอย่างไร บทความนี้จะช่วยคุณเอง
VI คืออะไร?
เรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า VI คืออะไร VI ย่อมาจาก Value Investor นิยามความหมายง่ายๆว่า คือ นักลงทุนที่สามารถลงทุนได้คุ้มค่าสมกับราคา หรือสามารถประเมินได้ว่าหุ้นตัวนั้นๆมีราคาตํ่ากว่า มูลค่าที่แท้จริง และสามารถขายหุ้นเมื่อหุ้นตัวนั้นๆมีราคาสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง การประเมินมูลค่าที่แท้จริง สามารถประเมินได้หลายวิธีกัน ไม่ว่าจะเป็นการประเมินด้วยการใช้อัตราส่วนทางการเงินในการเปรียบเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆ ที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกัน หรือจะเป็นการประเมินมูลค่าด้วยการคิดคาดการณ์กระแสเงินสดในอนาคตให้อยู่ในรูปแบบของมูลค่าในปัจจุบัน เป็นต้น
หลักการวิเคราะห์หุ้นแบบนักลงทุน VI
เมื่อเราเข้าใจแล้วว่า VI คืออะไร เราทำความเข้าใจหลักการสำคัญในการวิเคราะห์ภาพรวมของบริษัทให้ครอบคลุมทุกด้าน ต้องประกอบไปด้วยคำตอบของคำถาม 2 ประการว่า ต้องซื้ออะไร? และ ซื้อที่ราคาเท่าไหร่?
• นักลงทุนแบบ VI วิเคราะห์เชิงคุณภาพ
เป็นวิธีหาคำตอบของคำถามว่าต้องซื้ออะไร ซึ่งจะเป็นวิธีการวิเคราะห์แบบนามธรรม วัดค่าไม่ได้ แต่สามารถคาดการณ์ได้จากข้อมูลอื่นๆ เช่น เทรนด์ธุรกิจในอนาคต โครงสร้างผู้ถือหุ้น ความสามารถของผู้บริหาร การเติบโตของบริษัท รวมไปถึงความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ขององค์กร เป็นต้น เพื่อเลือกหุ้นมาจำนวนหนึ่ง หรือให้เป็นรายชื่อหุ้นที่เราจับตามอง
• ลงทุนแบบ VI เน้นการวิเคราะห์เชิงปริมาณ
เป็นวิธีหาคำตอบของคำถามว่าต้องซื้อที่ราคาเท่าไหร่ ซึ่งจะเป็นวิธีการวิเคราะห์แบบรูปธรรม สามารถคำนวณเพื่อวัดค่าได้อย่างชัดเจน เช่น การวิเคราะห์งบการเงิน ไม่ว่าจะเป็น งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุน หรืองบกระแสเงินสด โดยนำมาวิเคราะห์เป็นอัตราส่วนทางการเงินร่วมกับการดูข้อมูลในย้อนหลัง เพื่อใช้ในการคาดการณ์ผลตอบแทนในอนาคตของบริษัท และเพื่อเปรียบเทียบราคาของหุ้นก่อนเข้าซื้อ โดยจะต้องซื้อ เมื่อหุ้นมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
เทคนิคเลือกซื้อหุ้นแบบนักลงทุน VI
• VI จะใช้เทคนิคแบบ Top Down Analysis
นักลงทุนแบบ VI ควรมองภาพรวมที่กว้างที่สุดลงมาไปจนถึงภาพเล็ก เริ่มต้นจากการพิจารณาเศรษฐกิจโดยรวม วิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจขณะนั้นว่าเอื้อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมใด ต่อบริษัทใดบ้าง เพื่อใช้ในการลือกลงทุนในหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรม หรือบริษัทที่ได้ประโยชน์นั้นๆ ซึ่งเทคนิคนี้เหมาะสำหรับนักลงทุน VI ที่ต้องการดูภาพรวมเศรษฐกิจแล้วค่อยมองหาหุ้นที่สนใจ โดยนักวิเคราะห์ ผู้จัดการกองทุน และนักลงทุนสถาบันนิยมใช้กันมาก
• เทคนิคแบบ Bottom Up Analysis ที่ VI นิยมใช้
จะตรงกันข้ามกับเทคนิค Top Down Analysis หมายถึง นักลงทุน VI จะมองภาพรวมจากส่วนที่เล็กไปจนถึงภาพกว้าง ซึ่งจะใช้การวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไรของภาพรวมบริษัทก่อนแล้วค่อยดูเศรษฐกิจโดยรวม การเน้นผลประกอบการของบริษัทเป็นหลักจะใช้การวิเคราะห์ของอัตราส่วนทางการเงิน เช่น อัตราผลอบแทนผู้ถือหุ้น, อัตราอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัท, อัตราเงินปันผล เป็นต้น รวมไปถึงวิเคราะห์วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ความได้เปรียบในการแข่งขันในอุตสาหกรรมเดียวกัน จากนั้นเหล่ VI จะไปมองภาพรวมอุตสาหกรรม และภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ โดยภาพรวมอุตสาหกรรมสามารถใช้หลักการวิเคราะห์อุตสาหกรรมวิธีเดียวกับ Top Down Analysis ได้ ซึ่งเทคนิคแบบนี้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รู้จักกิจการตัวนี้ มีความเชื่อมั่นว่ากิจการของหุ้นตัวนี้มีความมั่นคงและมีโอกาสในการเติบโต
คุณสมบัติแบบนักลงทุน VI
นักลงทุน VI มักเป็นคนที่มีคุณสมบัติในการมองภาพระยะกลางถึงระยะยาว มีการวิเคราะห์การเติบโตของบริษัทที่ลงทุนด้านปัจจัยพื้นฐาน และที่สำคัญต้องมีความอดทนต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ผันผวนในระยะสั้นได้ดี
โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้พูดถึงการลงทุนแบบ VI ไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่นักลงทุนใช้เทคนิคการเลือกซื้อหุ้นแบบ VI ทันทีที่มีการซื้อหุ้นเกิดขึ้น ไม่นานนักหุ้นในตลาดจะร่วง ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงได้แนะนำว่า นักลงทุนไม่ควรวิตกกังวลหรือตกใจไป เนื่องจากหุ้นที่ซื้อนี้ เข้าข่ายหุ้นที่มีคุณภาพ ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเพราะว่าอยู่ในกระแส และอุตสาหกรรมที่ยอดเยี่ยม บริษัทมีอนาคตดี มีความสามารถในการแข่งขัน และมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งที่สำคัญเป็นซื้อที่ไม่ได้เกิดจากความโลภแต่ซื้อเพราะผ่านการวิเคราะห์และวัดมูลค่ามาเป็นอย่างดีมาแล้ว หากมองเป็นข้อดีช่วงที่ราคาหุ้นร่วงลงมาเยอะๆแบบนี้ย่อมทำให้ดีต่อการเข้าลงทุนเพิ่ม
เห็นแบบนี้แล้วหลายคนก็คงอยากจะเป็นนักลงทุนแบบ VI คืออะไร อยากสามารถวิเคราะห์มูลค่าที่แท้จริง เพื่อลงทุนในหุ้นแบบเน้นคุณค่าได้ แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งของการเป็นนักลงทุนที่ดี ก็คือ การหมั่นศึกษาหาความรู้ อัปเดตข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน รับรองได้ว่านักลงทุน VI คนต่อไปต้องเป็นคุณแน่นอน
สินเชื่อที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ