การดูปียางรถยนต์ มีวิธีดูอย่างไรบ้าง?
การที่รถยนต์จะเคลื่อนที่ได้นั้นก็จะต้องอาศัยล้อรถยนต์ที่มียางรถยนต์ประสิทธิภาพดี ไม่หมดอายุ หรือไม่ได้มีอาการผิดปกติจากการเสื่อมสภาพใด ๆ ปรากฏออกมาให้เห็น อีกทั้งยางรถยนต์ยังเป็นจุดที่จะต้องแบกรับน้ำหนักรถทั้งคัน และจะต้องสัมผัสกับพื้นถนนที่มีความหลากหลายอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าเราจะดูเพียงแค่ความลึกของร่องดอกยาง ความดันลมยาง หรือประเภทของยางรถยนต์ที่เหมาะสมกับรถยนต์แล้ว ก็จะถือว่ายังตรวจเช็กประสิทธิภาพของยางรถยนต์ได้อย่างไม่เต็มที่ เพราะยางรถยนต์ก็มีวันหมดอายุเช่นเดียวกัน
ดังนั้นการดูปียางรถยนต์จึงเป็นสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรละเลยไป อีกทั้งวิธีการดูปียางรถยนต์ก็ไม่ได้ยากและซับซ้อน จึงต้องใส่ใจและหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอ เพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่รถยนต์บนท้องถนนและเพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับขี่ รวมไปถึงเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนอีกด้วย เพราะตัวยางรถยนต์นั้นถูกผลิตมาจากวัสดุอินทรีย์ที่มาจากธรรมชาติ ดังนั้นก็จะต้องมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาเป็นปกติอยู่แล้ว เช่นเดียวกับวัสดุอินทรีย์ที่มาจากธรรมชาติตัวอื่น ๆ เช่นกัน
ตัวเลขบนยางรถยนต์มีความหมายว่าอะไรบ้าง?
หลายคนอาจจะยังไม่ทันได้สังเกตว่าจริง ๆ แล้ววงล้อยางรถยนต์นั้นไม่ได้มีเพียงแค่ดอกยางหรือลายเส้นที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้น แต่ยังมีรหัสตัวเลขที่สลักไว้อยู่บริเวณแก้มยางรถยนต์หรือมีไว้เพื่อให้ดูปียางรถยนต์ ซึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกอายุของยางเส้นนั้นว่าผลิตเมื่อไหร่ ผลิตปีอะไร มีอายุเท่าไหร่ และจะหมดอายุตอนไหน หรือที่เราเรียกกันส่วนใหญ่ว่าเป็นการดูปียางรถยนต์ โดยวิธีนี้ถือว่าเป็นประโยชน์มากสำหรับทุกคน ไม่ได้จำเป็นเฉพาะกับผู้ที่ใช้รถยนต์เท่านั้น อีกทั้งวิธีการดูปียางรถยนต์ก็ง่ายมาก ไม่ซับซ้อน เพราะจะดูจากรหัสตัวเลขแค่ 4 ตัวที่ระบุไว้เท่านั้น
วิธีดูปียางรถยนต์
- 1. สำหรับการดูปียางรถยนต์ อันดับแรกให้เรามองไปยังบริเวณแก้มยางรถยนต์ โดยจะดูทิศทางตามเข็มนาฬิกา แล้วจะเจอรหัสตัวเลขและตัวอักษรภาษาอังกฤษอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ซึ่งตัวเลขการดูปียางรถยนต์เหล่านี้จะเป็นไปตามมาตรฐานสากล
- 2. โดยที่รหัสตัวเลข 4 หลักนี้จะบ่งบอกถึงสัปดาห์และปีที่ผลิตยางรถยนต์ขึ้นมา เลยถูกเรียกว่าเป็นการดูปียางรถยนต์นั่นเอง
- 3. หลักการดูปียางรถยนต์จะเป็นแบบ WWYY หรือ Week และ Year
- 4. ซึ่งรหัสตัวเลข 2 ตัวแรกจะบอกถึงสัปดาห์ที่ผลิตยางรถยนต์(ใน 1 ปี จะมี 52 สัปดาห์) และรหัสตัวเลข 2 ตัวหลังจะบอกถึงปี ค.ศ. ที่ผลิตยางรถยนต์หรือใช้ดูปียางรถยนต์
ยกตัวอย่าง ยางเส้นหนึ่งมีรหัสว่า 0718 เพราะฉะนั้นการดูปียางรถยนต์จึงแปลได้ว่ายางเส้นนี้ถูกผลิตขึ้นมาในสัปดาห์ที่ 7 ของปี ค.ศ. 2018 หรือกล่าวได้อีกแบบว่ายางเส้นนี้ถูกผลิตขึ้นมาในประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์ ปีค.ศ. 2018 นั่นเอง
วิธีการดูวันหมดอายุของยางรถยนต์
นอกจากเราจะดูวันหมดอายุของยางรถยนต์ได้จากการดูปียางรถยนต์แล้ว ก็ยังสามารถสังเกตได้จากสภาพผิวยางของรถยนต์ที่เรานั้นสามารถมองเห็นได้ เพราะโดยปกติแล้วยางรถยนต์นั้นจะมีอายุการเก็บรักษาอยู่ที่ 5 ปีหลังจากที่มีการดูปียางรถยนต์ และยางรถยนต์ใหม่จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ 40,000 กิโลเมตร ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็จะมีคำแนะนำที่อยู่ในเกณฑ์กำลังดีที่ 50,000 กิโลเมตร หรือทุก 3.5 ปี ถึงจะเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ เพราะยางรถยนต์จะมีอายุสูงสุดอยู่ที่ 10 ปีนั่นเอง แต่ก็ไม่ควรที่จะเกิน 4-5 ปีนับจากวันแรกที่ใช้งาน
ยางที่หมดอายุจะมีลักษณะอย่างไร?
- 1. อันดับแรกเลยคือจะดูได้จากการดูปียางรถยนต์ หากมีการเก็บรักษายางรถยนต์ที่เหมาะสม ยางก็จะมีอายุการเก็บรักษาอยู่ที่ 5 ปี ซึ่งก็ยังสามารถที่จะซื้อมาใช้งานได้อยู่
- 2. เนื้อยางรถยนต์จะแข็งกระด้างและเหนียว ไม่นิ่มและยืดหยุ่นเหมือนตอนที่ซื้อมาใหม่ ๆ โดยจะสามารถสังเกตได้จากการใช้เล็บจิกเข้าไปที่หน้ายาง ถ้าหากว่าไม่ทิ้งรอยเล็บไว้ก็แสดงว่ายางรถยนต์นั้นเสื่อมสภาพและหมดอายุแล้ว ควรที่จะรีบเข้าไปเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ที่อู่หรือศูนย์บริการรถยนต์ที่ใกล้ที่สุด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุในขณะที่ขับขี่ได้
- 3. สังเกตยางที่หมดอายุแล้วได้ด้วยตาเปล่า เช่น ยางมีรอยร้าวผิดปกติ ยางบวม หรือยางแตก เป็นต้น
การเปลี่ยนยางรถยนต์ควรเปลี่ยนตอนไหนดี?
- 1. ดูที่สภาพของดอกยางรถยนต์ ถ้าหากว่าความหนาของดอกยางนั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับหน้ายาง ก็ควรที่จะเปลี่ยนยางรถยนต์ทันทีเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ เพราะดอกยางนั้นจะมีคุณสมบัติในการช่วยให้ยางรถยนต์นั้นยึดเกาะทรงตัวกับพื้นผิวถนนได้ดี ไม่ลื่นง่าย คุณสมบัติคล้ายกับดอกยางบนพื้นรองเท้า
- 2. ถ้าหากแก้มยางรถยนต์มีรอยแตกหรือมีรอยร้าว ก็ควรที่จะรีบเปลี่ยนยางรถยนต์โดยทันที เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการระเบิดหรือยางแตกได้ในขณะที่ขับขี่รถยนต์ด้วยความเร็วสูง
- 3. ยางรถยนต์บวม โดยส่วนใหญ่จะบวมบริเวณแก้มยาง ซึ่งมักจะมีสาเหตุมาจากการขับรถตกหลุมหรือการเสียดสีบริเวณแก้มยางอย่างรุนแรง หรืออาจจะมาจากกระบวนการผลิตยางรถยนต์ที่บกพร่อง จนทำให้โครงสร้างของยางรถยนต์นั้นไม่แข็งแรง
- 4. ยางรถยนต์เกิดรอยรั่ว หรือยางรถยนต์ที่ได้มีการปะยางมาแล้ว เพราะถึงแม้ว่าการปะยางจะช่วยทำให้เราประหยัดเงินได้มากกว่าการเปลี่ยนยางรถยนต์ทั้งเส้น แต่เราก็จะต้องมาเสี่ยงกับการที่จะเกิดอันตรายได้ในอนาคต และการปะยางนั้นก็ไม่ควรที่จะทำตรงบริเวณแก้มยางหรือขอบยางด้วย
- 5. ดูปียางรถยนต์ว่าหมดอายุแล้วหรือยัง โดยยางรถยนต์นั้นจะมีอายุการเก็บรักษาอยู่ที่ 5 ปี และจะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่อับชื้น
วิธีการดูแลรักษายางรถยนต์?
ถ้าหากว่าเป็นยางรถยนต์ที่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้งาน และได้มีการดูปียางรถยนต์ไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ควรที่จะเก็บรักษายางรถยนต์ไว้ให้ถูกวิธี หลีกเลี่ยงการไปสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ไม่อับชื้น เก็บให้พ้นจากแสงแดดและความร้อน เพราะมันจะทำให้ยางรถยนต์นั้นเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และส่งผลทำให้ยางรถยนต์นั้นเกิดการเสียสภาพและมีรอยแตกร้าวขึ้นได้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้อายุการใช้งานของยางรถยนต์นั้นสั้นลงอีกด้วย
ข้อดีของการดูปียางรถยนต์
การดูปียางรถยนต์นั้นไม่ได้มีประโยชน์แค่ทำให้เรารู้ว่ายางรถยนต์เส้นนั้นถูกผลิตขึ้นมาในช่วงไหนของปีอะไร แต่ยังทำให้เรานั้นสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ยางเส้นนั้นในช่วงเวลาใด เพราะหลายคนมักจะชอบดูปียางรถยนต์และใช้ยางรถยนต์เส้นที่ผลิตออกมาใหม่ ๆ แต่ในทางเทคนิคนั้นยางรถยนต์ที่ดีควรจะใช้เวลาในการเซตตัวโดยประมาณ 6-8 เดือนก่อน เพื่อความแข็งแรงทนทานในการใช้งาน
แต่ก็ได้มีผลการทดสอบคุณภาพของยางรถยนต์ออกมาว่ายางที่เพิ่งผลิตออกมาใหม่กับยางที่ผลิตออกมาแล้ว 1-2 ปีนั้นมีคุณภาพที่ไม่แตกต่างกัน และข้อดีอีกข้อของการดูปียางรถยนต์ นั่นก็คือจะทำให้เราไม่ถูกหลอกและรู้ทันกลโกงเวลาที่ไปเปลี่ยนยางรถยนต์ตามร้าน ดังนั้นผู้ขับขี่จึงควรที่จะตรวจสอบยางรถยนต์ให้ดีก่อนทำการซื้อทุกครั้ง
ถ้าหากว่าเรามีการเปลี่ยนยางรถยนต์ โดยการนำยางรถยนต์ที่หมดอายุแล้วหรือยางที่ไม่เหมาะสมมาใส่ แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแบบนี้ประกันจะรับเคลมไหม?
สำหรับประกันภัยรถยนต์แล้ว ในประกันภัยชั้น 1 จะสามารถเคลมได้เฉพาะในกรณีที่ยางรถยนต์นั้นเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุเท่านั้น โดยจะมีการนำค่าเสื่อมสภาพของยางรถยนต์มาคำนวณพร้อมกับจะพิจารณารอยแผลบนยางรถยนต์ที่เกิดขึ้นมา และส่วนใหญ่จะเคลมได้ 50% ของราคายางรถยนต์ ซึ่งถ้านอกเหนือจากการเกิดอุบัติเหตุก็จะไม่สามารถเคลมประกันได้ เช่น ยางเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน ยางที่ผิดประเภท หรือยางที่หมดอายุแล้ว
แล้วควรที่จะเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี?
การมีประกันภัยรถยนต์ไว้จะช่วยทำให้ผู้ขับขี่นั้นเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น เพราะเราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าในอนาคตนั้นจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับเราบ้าง แต่อย่างน้อยถ้าหากว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เราก็จะได้รับความคุ้มครองค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นได้จากประกันภัยรถยนต์ที่เราได้ทำเอาไว้ ซึ่งก็จะแนะนำให้เลือกทำเป็นประกันภัยชั้น 1 เพราะไม่เพียงแต่จะได้รับความคุ้มครองอย่างเดียวเท่านั้น แต่ว่าเรายังจะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้าไปอีกด้วย และจะยังได้รับความคุ้มครองสำหรับการชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ค่าซ่อมสีรถ ในกรณีที่รถนั้นเกิดริ้วรอยต่าง ๆ ที่ไม่ได้มาจากการเฉี่ยวชนของคู่กรณีอีกด้วย และถ้าหากว่าเราจะดูเฉพาะแค่เรื่องความคุ้มครองของยางรถยนต์ จะเห็นได้ว่าประกันชั้น 2+ และ 3+ นั้นจะสามารถเคลมได้เฉพาะในกรณีที่เกิดความเสียหายจากรถชนรถเท่านั้น ส่วนประกันภัยชั้น 2 และ 3 จะไม่สามารถเคลมได้นั่นเอง
ซื้อประกันรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
นอกจากแรบบิท แคร์ เราจะมีโปรโมชั่นพิเศษดี ๆ และส่วนลดอื่น ๆ อีกมากมายที่รอให้คุณแล้ว แรบบิท แคร์ ยังมีบริการดูแลลูกค้าแบบ Exclusive ที่พร้อมให้คำปรึกษาตั้งแต่ครั้งแรกที่เลือกทำประกันภัยกับเรา ไปจนถึงการรับเรื่องประสานงานเคลมเมื่อครั้งเกิดอุบัติเหตุได้อย่างรวดเร็ว และทันใจลูกค้าแน่นอน ดังนั้นจึงอุ่นใจได้เลยว่าคุณจะไม่ผิดหวังแน่นอนถ้าเลือกทำประกันภัยกับแรบบิท แคร์ สามารถดูสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ แรบบิท แคร์
ความคุ้มครองประกันรถยนต์