รถยางบวมเกิดจากอะไร? แล้วจะสามารถขับต่อไปได้ไหม?
การขับขี่รถยนต์บนท้องถนนนั้น สำหรับความปลอดภัยถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่เราควรจะต้องตระหนักเอาไว้ เพราะไม่เพียงแต่จะปลอดภัยเฉพาะกับตัวเรา แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นการหมั่นตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอก่อนที่จะมีการใช้งานรถยนต์ จึงเป็นสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่ผู้ขับขี่ทุกท่านไม่ควรที่จะละเลยไป
และยิ่งถ้าหากว่าก่อนหน้านี้มีการขับรถตกหลุม หรือมีการขับรถกระแทกกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างรุนแรง มันก็อาจจะส่งผลทำให้ยางรถยนต์ของเรานั้นเกิดความเสียหายขึ้นมาได้ ดังนั้นถ้าหากจะมีการใช้งานรถยนต์ในครั้งถัดไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินทาง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดปัญหาขึ้นมาในภายหลังได้
รถยางบวม เกิดจากอะไร?
การที่รถเกิดยางบวมขึ้นมานั้นมักจะมีที่มาของปัญหาได้หลายสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น
ยางบวมจากลักษณะการขับขี่ของผู้ขับ ไม่ว่าจะเป็นการขับกระแทกอย่างรุนแรง การตกหลุม การเบียดกับฟุตบาท หรือการขับรถขึ้นลูกระนาดของถนนโดยที่รถกำลังวิ่งอยู่ในความเร็วสูง จนทำให้โครงสร้างของยางรถด้านในหรือบริเวณแก้มยางรถยนต์นั้นเกิดความเสียหายหรือเกิดยางบวมขึ้นมา
ยางบวมจากสภาพแวดล้อม หรือจากการขับขี่รถยนต์บนถนนที่มีคราบน้ำมันเป็นเวลานาน จึงส่งผลทำให้ยางรถยนต์นั้นเกิดความเสียหายหรือเกิดยางบวมได้เช่นกัน
ยางบวมจากการเสื่อมสภาพของยางรถยนต์ อาจจะเป็นยางรถยนต์ที่ขาดการดูแลหรือยางรถยนต์ที่หมดอายุแล้ว เพราะเมื่อมีการขับรถก็จะทำให้โครงสร้างของยางรถยนต์หรือบริเวณแก้มยางนั้นทำงานหนัก จนเกิดความเสียหายขึ้นมาและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดยางบวมขึ้นมานั่นเอง
ยางบวมจากการซ่อมแซมยางรถยนต์ที่ผิดวิธี ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้เราได้มีการซ่อมยางรถยนต์หรือได้มีการปะยางรถยนต์ไป โดยเฉพาะในท้องยางรถยนต์ เพราะว่ามันจะมีโอกาสที่ความชื้นจากภายนอกนั้นจะเข้าไปยังภายในโครงยางรถยนต์ เพราะว่าในโครงยางรถยนต์นั้นจะมีส่วนประกอบของเหล็กอยู่ จึงทำให้เกิดเป็นสนิมขึ้นมาและทำให้เกิดเป็นยางบวมได้เช่นเดียวกัน
ยางบวมจากการที่รถนั้นมีการบรรทุกน้ำหนักที่มากจนเกินไป สำหรับในกรณีที่มีการใช้ยางที่ไม่ได้มาตรฐานด้วย ก็อาจจะส่งผลให้โครงยางนั้นเสียหายและเกิดยางบวมได้เช่นกัน
รถยางบวม อาการที่แสดงให้เห็นมีอะไรบ้าง?
สิ่งแรกที่เราจะสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าเวลาที่รถยางบวม คือยางรถจะมีลักษณะบวมหรือนูนออกมาจากรูปทรงเดิมของยางรถยนต์ ซึ่งถ้าหากว่าเรากำลังขับรถอยู่ก็จะสามารถรู้สึกได้เลยว่ารถของเรานั้นมันสั่น เพราะว่าการที่รถยางบวมนั้นเป็นเพราะว่าโครงสร้างภายในผ้าใบและเส้นใยของยางนั้นฉีกขาด และเมื่อเจอกับแรงดันภายในมันจึงบวมนูนออกมา ซึ่งส่วนมากจะเกิดที่บริเวณแก้มยางรถยนต์
ดังนั้นถ้าหากว่ายังฝืนขับต่อไป ความร้อนภายในล้อรถยนต์ก็จะเพิ่มมากขึ้น และอาจจะส่งผลทำให้ยางรถยนต์นั้นเกิดแตกหรือเกิดระเบิดขึ้นมาได้นั่นเอง โดยที่ยางรถยนต์นั้นจะถูกผลิตขึ้นมาจากวัตถุดิบหลัก 6 ชนิด นั่นก็คือยางธรรมชาติที่จะให้ความทนทาน ยางสังเคราะห์ที่จะให้ความนุ่มนวล สารเคมีที่จะเอาไว้เพิ่มความแข็งแรงให้กับยาง เส้นใยที่จะคอยเป็นโครงสร้างของยาง เส้นลวดที่จะถูกเคลือบด้วยยาง และสารเคมีอื่น ๆ ที่จะทำหน้าที่หลอมให้ยางรถยนต์และโครงสร้างทั้งหมดนั้นกลายเป็นชิ้นเดียวกัน
รถยางบวมดูยังไง ถึงจะบ่งบอกว่าผิดปกติ?
สำหรับลักษณะยางบวมนั้น ถ้าหากว่ามีอาการบวมนูนไม่ถึง 1/4 นิ้ว หรือ 0.6 เซนติเมตร ก็สามารถที่จะซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานตามปกติได้ แต่ถ้าหากว่ามีลักษณะบวมนูนใหญ่มาก ก็ควรที่จะต้องเปลี่ยนเป็นยางเส้นใหม่โดยทันที เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน
ยางบวมแก้ยังไงถึงจะถูกวิธี?
ถ้าหากว่ารถยนต์ของเรานั้นเกิดยางบวมขึ้นมา หลายคนอาจจะคิดว่าแค่เจาะบริเวณที่ยางบวมก็พอ เพื่อให้ลมยางนั้นออกมาก็จะหาย แต่ความคิดนี้เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง เพราะว่ามันอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะในรถที่จะต้องมีการใช้งานหนักหรือว่าจะต้องมีการขับในระยะทางที่ไกล เพราะว่าสาเหตุหลักของยางบวมนั้นเกิดมาจากการที่โครงยางด้านในนั้นเสียหาย จำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทันที ไม่อย่างนั้นยางอาจจะเกิดการระเบิดขึ้นมาในภายหลังได้
รถยางบวมขับได้ไหม เป็นอันตรายหรือไม่?
ไม่แนะนำเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ขับรถยนต์ต่อถ้าหากว่าเกิดยางบวม เพราะว่ามันอาจจะเกิดเป็นอันตรายขึ้นมาได้ เช่น ยางระเบิด เพราะไม่เพียงแต่จะเกิดความเสียหายกับยางรถยนต์เท่านั้น แต่แรงระเบิดนี้อาจจะส่งผลทำให้รถยนต์ของเรานั้นเสียการทรงตัว จนทำให้เกิดเป็นอุบัติเหตุขึ้นมาได้
ดังนั้นเราจึงควรที่จะต้องมีการดูแลยางรถยนต์ให้ถูกวิธี และพยายามให้ยางรถยนต์นั้นอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ทุกครั้งก่อนที่จะมีการนำรถออกไปใช้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายางบวมขึ้นมาในอนาคต และยังทำให้การเดินทางหรือการขับขี่ของเรานั้นปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
การสลับยางตามระยะทางที่กำหนด หรือการสลับยางทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร เพราะว่าในขณะที่มีการสลับยางนั้น มันจะทำให้เราสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่ายางรถยนต์มีอาการยางบวมหรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ หรือไม่
การเติมลมยางให้เหมาะสมกับรถยนต์ โดยในรถยนต์แต่ละชนิดนั้นก็จะมีกำหนดปริมาณลมยางที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นเราจึงควรที่จะเติมลมยางให้ได้ตามมาตรฐาน โดยเราสามารถดูได้จากคู่มือรถยนต์ที่ติดมากับรถยนต์ หรือดูจากแผ่นป้ายบอกความดันลมยางที่ติดอยู่บริเวณเสาที่เติมลมยาง
การเลือกใช้ยางรถยนต์ให้ถูกประเภท โดยเราจะต้องดูให้เหมาะสมกับขนาดของรถยนต์และการใช้งานของรถยนต์ด้วย เช่น เน้นบรรทุกของหนัก เน้นเดินทางไกล หรือใช้ขับขี่แค่ในเมือง ก็ควรที่จะเลือกยางรถยนต์ให้เหมาะสม มีคุณภาพ และได้มาตรฐาน เพื่อการใช้งานที่ยาวนานและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ควรที่จะเตรียมชุดปะยางฉุกเฉินติดรถเอาไว้ด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตนั้นจะเกิดเหตุการณ์ยางบวมหรือยางระเบิดขึ้นมาหรือไม่ เพราะถ้าหากว่าเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นมา ตัวชุดปะยางฉุกเฉินอันนี้ก็จะสามารถช่วยให้เราซ่อมยางได้อย่างรวดเร็วและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เบื้องต้นอีกด้วย
รถยางบวมเคลมได้ไหม?
สำหรับในกรณีที่รถยางบวมนั้นจะสามารถเคลมได้ก็ต่อเมื่อเป็นการเคลมกับรถยนต์ที่ทำประกันภัยชั้น 1 ไว้เท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็จะต้องดูรายละเอียดที่แผนกรมธรรม์ด้วย เพราะส่วนใหญ่แล้วประกันภัยชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองแทบทั้งหมด เว้นแต่ถ้าหากว่ารถยางบวมนั้นเกิดมาจากการเสื่อมสภาพตามการใช้งาน ทางบริษัทก็จะให้ความคุ้มครอง 50% ของราคายางนั้น และจะรับผิดชอบตามจำนวนล้อรถยนต์ที่เกิดความเสียหายขึ้นจริง
แต่ก็จะมีอีกกรณีหนึ่งนั่นก็คือการเคลมกับทางร้านจำหน่ายยางโดยตรง ซึ่งจะเป็นโปรโมชั่นที่ทางร้านจำหน่ายยางนั้นตั้งขึ้นมา โดยส่วนใหญ่แล้วจะครอบคลุมทั้งหมด แต่ก็จะต้องดูรายละเอียดที่ทางร้านระบุเอาไว้ด้วย เพราะส่วนมากแล้วจะเป็นการรับประกันยาง 10,000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือนแรกที่ได้มีการเปลี่ยนยางกับทางร้าน แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมเก็บหลักฐานหรือใบเสร็จรับเงินไว้ให้ดี เพราะว่าอาจจะต้องใช้เป็นหลักฐานในการเคลมได้
ถ้ารถยางบวมทำให้เกิดอุบัติเหตุ ประกันรถยนต์จะคุ้มครองหรือไม่
หากเกิดอุบัติเหตุจากกรณี ยางบวม หรือยางรถยนต์เสื่อมสภาพ คำถามว่าประกันรถยนต์จะคุ้มครองหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันภัยที่คุณทำไว้ รวมถึงเงื่อนไขและข้อกำหนดในกรมธรรม์ประกันภัยแต่ละแบบ
• ประกันรถยนต์ชั้น 1
ประกันรถยนต์ชั้น 1 ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถไม่ว่าจะเป็นจากอุบัติเหตุ หรือความเสียหายที่เกิดจากเหตุสุดวิสัย ดังนั้น หากยางบวมทำให้เกิดอุบัติเหตุและมีความเสียหายที่เกิดขึ้น ประกันภัยชั้น 1 มักจะคุ้มครองทั้งค่าเสียหายของรถตัวเองและของคู่กรณี แต่ทั้งนี้ อาจจะต้องตรวจสอบด้วยว่าเป็นความเสียหายจากการขับขี่ที่ปกติหรือไม่ และไม่ใช่จากการใช้ยางที่เสื่อมสภาพแล้ว ซึ่งอาจส่งผลให้บริษัทประกันปฏิเสธความรับผิดชอบ
• ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และชั้น 3+
สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 2+ และชั้น 3+ จะให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายของคู่กรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุเป็นหลัก รวมถึงจะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับรถของคุณเองหากเป็นการชนกับยานพาหนะอื่น แต่ไม่ครอบคลุมถึงความเสียหายที่เกิดจากความเสื่อมสภาพของรถตัวเอง เช่น ยางบวม
• ประกันรถยนต์ชั้น 2 และชั้น 3
สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 2 และชั้น 3 จะให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายของคู่กรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุเป็นหลัก แต่ไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับรถของคุณเองหากเป็นการชนกับยานพาหนะอื่นและไม่ครอบคลุมถึงความเสียหายที่เกิดจากความเสื่อมสภาพของรถตัวเอง เช่น ยางบวม
ข้อสังเกตสำคัญเกี่ยวกับอาการยางบวม
- หากการบวมของยางเกิดจากการใช้งานที่ผิดปกติ เช่น ขาดการบำรุงรักษาหรือการใช้ยางที่หมดอายุ ประกันอาจไม่คุ้มครอง
- บางกรณีบริษัทประกันอาจต้องตรวจสอบว่าอุบัติเหตุนั้นเกิดจากการขับขี่ที่มีความประมาทหรือไม่ เช่น ขับต่อไปแม้จะรู้ว่ายางมีปัญหา
ดังนั้น คำแนะนำคือ ควรตรวจสอบสภาพยางรถยนต์เป็นประจำ และหากพบว่ายางเริ่มบวม ควรรีบเปลี่ยนทันทีเพื่อความปลอดภัย รวมทั้งมองหาและเทียบราคาประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับรถไว้เพื่อความอุ่นใจอีกระดับ
ความคุ้มครองประกันรถยนต์
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
ซื้อรถยนต์มาใหม่ ควรจะเลือกทำประกันภัยชั้นไหนดี?
ถ้าหากว่าเป็นรถยนต์ที่เรานั้นใช้ในชีวิตประจำวัน มีการใช้งานเป็นประจำอยู่แล้ว หรือสำหรับรถยนต์คันใหม่ป้ายแดงนั้น การเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก เพราะว่านอกจากจะได้รับความคุ้มครองครอบคลุมสูงสุด ทั้งในแบบที่มีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็ตาม รถยนต์สูญหาย รถยนต์ไฟไหม้ รถยนต์น้ำท่วม หรืออะไรก็ตาม ก็จะได้รับความคุ้มครองทุกกรณีแบบครอบคลุมทั้งหมด เรียกได้ว่าคุ้มค่า คุ้มราคากับเงินที่เสียไปอย่างแน่นอน
ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
เพราะนอกจากเราจะสามารถเลือกแผนประกันภัยที่มีเบี้ยประกันราคาถูกที่สุด ตอบโจทย์ทุกความต้องการของเรา แรบบิท แคร์ ยังช่วยดูแลคุณแบบ Exclusive ทั้งในเรื่องของบริการหลังการขายตลอด 24 ชั่วโมง และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคุณในทุกความกังวล ซึ่งรับรองได้เลยว่าการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์กับแรบบิท แคร์ นั้นจะคุ้มค่าแน่นอน ทั้งซื้อง่าย ได้กรมธรรม์เร็ว มีส่วนลดพิเศษต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งยังช่วยติดตามประสานงานเคลมของคุณให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เพราะฉะนั้นลูกค้าจึงสามารถที่จะมั่นใจได้เลยว่าจะไม่ผิดหวัง ถ้าหากเลือกทำประกันภัยรถยนต์กับแรบบิท แคร์