ขับรถตรวจพบแอลกอฮอล์ โดนเป่าแอลกอฮอล์ การเป่าแอลกอฮอล์ เมาแล้วขับ
เมาแล้วขับการกระทำผิดกฎหมายที่ส่งผลเสียต่อชีวิต และทรัพย์สินของทุกฝ่าย วันนี้ แรบบิท แคร์ นำเรื่องราวเมาแล้วขับ การขับรถขณะมึนเมา ผลเสียต่าง ๆ รวมถึงเรื่องที่ควรรู้มาฝากให้ จะได้ตระหนัก และระมัดระวังกันไว้ ไม่ทำผิดกฎหมายนั่นเอง
เมาแล้วขับ เป่าแอลกอฮอล์ คืออะไร ?
การเป่าแอลกอฮอล์คือกระบวนการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจของบุคคล โดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ (Breathalyzer) ซึ่งสามารถตรวจสอบระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้องใช้วิธีเจาะเลือด กระบวนการนี้มักใช้ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการตรวจสอบความพร้อมของผู้ขับขี่รถยนต์ว่าอยู่ในสภาวะมึนเมาหรือไม่ โดยค่าที่ตรวจวัดได้จะถูกนำมาเปรียบเทียบกับมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
ขณะขับรถตรวจพบแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมีโทษอย่างไร ?
ขับรถตรวจพบแอลกอฮอล์ โทษของการเมาแล้วขับ เมาแล้วขับโดนอะไรบ้าง การตรวจแอลกอฮอล์ กฎหมาย เมาแล้วขับ มาตรา 43 เมาแล้วขับ ข้อหาอะไร เมาแล้วขับ จำคุกไหม การขับขี่รถยนต์ขณะเมาสุราจะได้รับโทษทั้งจำ และปรับ โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งมีโทษพักใช้ใบขับขี่ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน หากปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดอยู่ที่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปจากข้อมูลในพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 ดังนี้
ในมาตรา 5 ให้ยกเลิกความในมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2551 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “มาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ
- ในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ
- ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น
- ในลักษณะกีดขวางการจราจร
- โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน
- ในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดา หรือไม่อาจแลเห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านได้พอแก่ความปลอดภัย หรือไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น
- คร่อมหรือทับเส้นหรือแนวแบ่งช่องเดินรถ เว้นแต่เมื่อเปลี่ยนช่องเดินรถ เลี้ยวรถ หรือกลับรถ
- บนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร เว้นแต่รถลากเข็นสำหรับทารก คนป่วยหรือคนพิการ
- ในลักษณะที่เห็นได้ว่าไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น
- ในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ทั้งนี้ ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประกาศกำหนด
และถ้าหากเป่าแอลกอฮอล์แล้วพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกำหนดทั้ง 2 กรณี หรือตรวจพบแอลกอฮอล์ โทษคือจะถือว่าเป็น “การเมาแล้วขับ” ซึ่งจะต้องถูกระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือถูกปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้น โดยจะมีกำหนดไม่ต่ำกว่า 6 เดือน หรือสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 160 ตรี นั่นเอง
วัดระดับแอลกอฮอล์ ไม่เกินเท่าไร
ผู้ขับขี่รถยนต์มีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าเท่าไร จึงถือว่าทำผิดกฎหมาย
ปริมาณแอลกอฮอล์เท่าไหร่ถึงโดนจับ ค่าเป่าแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ไม่เกิน
ปริมาณแอลกอฮอล์ที่กฎหมายกําหนด 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นจะถือเป็นผู้เมาสุรา และต้องได้รับโทษปรับ หรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับหาก'แอลกอฮอล์เกิน 50มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
เป่าแอลกอฮอล์ 300 เท่ากับเบียร์กี่แก้ว
แอลกอฮอล์ 300 โดยทั่วไปจะต้องดื่มเบียร์ประมาณ 20-25 แก้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ในเบียร์ที่ดื่ม และอัตราการเผาผลาญของร่างกาย
เป่าแอลกอฮอล์ 200 เท่ากับเบียร์กี่แก้ว
แอลกอฮอล์ 200 โดยทั่วไปจะต้องดื่มเบียร์ประมาณ 15-20 แก้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ในเบียร์ที่ดื่ม และอัตราการเผาผลาญของร่างกาย
เป่าแอลกอฮอล์ 150 เท่ากับเบียร์กี่แก้ว
แอลกอฮอล์ 150 โดยทั่วไปจะต้องดื่มเบียร์ประมาณ 12-15 แก้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ในเบียร์ที่ดื่ม และอัตราการเผาผลาญของร่างกาย
เป่าแอลกอฮอล์ 80 เท่ากับเบียร์กี่แก้ว
แอลกอฮอล์ 80 โดยทั่วไปจะต้องดื่มเบียร์ประมาณ 6-8 แก้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ในเบียร์ที่ดื่ม และอัตราการเผาผลาญของร่างกาย
เป่าแอลกอฮอล์ 60 เท่ากับเบียร์กี่แก้ว
แอลกอฮอล์ 60 โดยทั่วไปจะต้องดื่มเบียร์ประมาณ 5-6 แก้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ในเบียร์ที่ดื่ม และอัตราการเผาผลาญของร่างกาย
แอลกอฮอล์ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เท่ากับเบียร์กี่แก้ว
แอลกอฮอล์ 50 มิลลิกรัม เท่ากับ เบียร์ประมาณ 3-4 แก้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ในเบียร์ที่ดื่ม และอัตราการเผาผลาญของร่างกาย
เป่าแอลกอฮอล์ 20 เท่ากับเบียร์กี่แก้ว
แอลกอฮอล์ 20 โดยทั่วไปจะต้องดื่มเบียร์ประมาณ 2 แก้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ในเบียร์ที่ดื่ม และอัตราการเผาผลาญของร่างกาย
เมาแล้วขับ ใบขับขี่ชั่วคราว เป่าแอลกอฮอล์เกิน มีผลอย่างไร ?
หากปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดอยู่ที่ 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และผู้ขับขี่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือเป็นผู้ขับขี่ที่มีใบขับขี่ชั่วคราว (ใบขับขี่ประเภท 2 ปี) ถือว่าเป็น "ผู้เมาสุรา" และมีโทษตามกฎหมาย
ไม่เป่าแอลกอฮอล์ มีโทษไหม ?
กรณีที่ผู้ขับขี่เมาแล้วขับ และปฏิเสธการเป่าแอลกอฮอล์ จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 10,000 – 20,000 บาท พร้อมทั้งระงับใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน ศาลอาจสั่งพักใบขับขี่ หรือเพิกถอนใบขับขี่ และสามารถยึดรถไว้ไม่เกิน 7 วัน
เมาแล้วขับ คดีอะไร ?
การมึนเมาถือเป็นความผิดทางอาญาในประเทศไทย (เมาแล้วขับ คดีอาญา) ซึ่งมีโทษตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และ พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการขับขี่ขณะเมาสุรา โดยมีการกำหนดโทษทั้งจำคุกและปรับ หากพบว่ามีแอลกอฮอล์ในเลือดเกินที่กฎหมายกำหนด
เมาแล้วขับ ติดคุกไหม ?
การเมาแล้วขับสามารถทำให้ผู้ขับขี่ต้องรับโทษจำคุกได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด และการกระทำที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายในประเทศไทย
โดนเป่าแอลกอฮอล์ เสียค่าปรับเท่าไหร่ ?
โดนเป่าแอลกอฮอล์ การเป่าแอลกอฮอล์ ค่าปรับเมาแล้วขับ ปรับกี่บาท หากโดนเป่าแอลกอฮอล์และมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเกินที่กฎหมายกำหนด (50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) ผู้ขับขี่อาจต้องเสียค่าปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 20,000 บาท หรืออาจได้รับทั้งจำและปรับ รวมถึงการพักใช้ใบขับขี่ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
เมาแล้วขับ เมาแล้วขี่จักรยานยนต์ ปรับเท่าไหร่
การขี่จักรยานยนต์ในขณะเมาสุรา หรือมีแอลกอฮอล์ในเลือดเกินที่กฎหมายกำหนดนั้นจะมีโทษปรับตามกฎหมายจราจร หากมีการตรวจพบว่าแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ผู้ขับขี่จักรยานยนต์จะต้องเสียค่าปรับ 5,000 ถึง 20,000 บาท หรืออาจถูกจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ขึ้นอยู่กับกรณี
เมาแล้วขับ ประกันตัวเมาขับกี่บาท ?
การประกันตัวสำหรับคดีเมาขับจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด และสถานการณ์ของคดี ในกรณีที่ผู้ขับขี่มึนเมาขณะขับขี่และถูกจับกุม ค่าประกันตัวจะไม่มีกำหนดแน่นอน แต่จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลในการพิจารณาคดี โดยปกติแล้ว การประกันตัวจะมีการตั้งราคาประกันตามประเภทของความผิด และการพิจารณาคดี โดยอาจมีการกำหนดเงินประกันตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท หรืออาจสูงกว่านั้น หากมีเหตุผลที่ทำให้ความผิดร้ายแรงขึ้น เช่น การมึนเมาขณะขับขี่จนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง หรือการปฏิเสธการเป่าแอลกอฮอล์
เมาแล้วขับ โดนเป่าแอลกอฮอล์ ขึ้นศาลหรือไม่ ?
หากโดนเป่าแอลกอฮอล์ และพบว่าแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ผู้ขับขี่จะถูกตั้งข้อหา และอาจต้องขึ้นศาล เพราะโดยปกติแล้ว ผู้ที่ถูกจับในข้อหามึนเมาขณะขับขี่จะถูกพิจารณาคดีในศาล แต่หากมีการรับสารภาพ หรือมีการตกลงกับตำรวจในขั้นตอนการสอบสวน อาจมีการยอมความก่อนที่จะขึ้นศาล
เมาแล้วขับ แอลกอฮอล์ในเลือด กฎหมายกำหนดไม่เกินเท่าไหร่ ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเท่าใดที่ผิดกฎหมายในกรณีเมาแล้วขับ ?
ระดับแอลกอฮอล์ในเลือด เท่าไร ห้ามขับรถ ขับรถที่ดื่มสุราเมื่อวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจจะต้องไม่เกินเท่าใด ปริมาณแอลกอฮอล์ ขับรถ ตามกฎหมายของประเทศไทย การมึนเมาขณะขับขี่จะถือว่าผิดกฎหมายหากมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือ 0.05% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ทำให้การขับขี่ไม่ปลอดภัย และอาจเกิดอุบัติเหตุได้ หากมีแอลกอฮอล์ในเลือดเกินค่าที่กำหนดนี้ ผู้ขับขี่จะถูกตั้งข้อหาและสามารถถูกลงโทษตามที่กฎหมายกำหนด
เมาแล้วขับ โดนจับเมาแล้วขับ ต้องทำอย่างไร ?
- ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
- รักษาความสงบ และให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
- ทำความเข้าใจเพื่อทราบสิทธิในการประกันตัว
- ขอความช่วยเหลือจากทนายความ
กินเบียร์กี่แก้วเป่าขึ้น เบียร์ 1 ขวด เป่าแอลกอฮอล์ขึ้นไหม ?
การดื่มเบียร์ 1 ขวดอาจทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงขึ้น แต่ยังไม่ถึงจุดที่ผิดกฎหมาย แต่หากดื่มในปริมาณมากขึ้น หรือดื่มหลายแก้วในเวลาสั้น ๆ อาจมีโอกาสถูกตรวจพบว่ามึนเมาขณะขับขี่ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ในเบียร์ที่ดื่ม และอัตราการเผาผลาญของร่างกาย
กินเบียร์กี่ชั่วโมงเป่าไม่ขึ้น ?
เป่าแอลกอฮอล์ กี่ชั่วโมงเป่าไม่ขึ้น โดยทั่วไปอาจต้องรอประมาณ 1-2 ชั่วโมง หลังจากดื่ม 1 ขวด (330 มล.) จึงจะสามารถลดระดับแอลกอฮอล์ให้ต่ำลงจนไม่เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และอาจกินอะไรลดแอลกอฮอล์ในเลือด เช่น ดื่มน้ำ อาหารที่มีไขมัน หรือโปรตีนสูง เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
เบียร์ 1 กระป๋อง แอลกอฮอล์ กี่มิลลิกรัม ?
ปริมาณแอลกอฮอล์ใน เบียร์ 1 กระป๋อง (ประมาณ 330 มล.) โดยปกติจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณ 5% (ABV) ซึ่งหมายความว่าแอลกอฮอล์ในเบียร์กระป๋องหนึ่งจะมีปริมาณประมาณ 16.5 มิลลิกรัม ของแอลกอฮอล์ (หากคำนวณจากปริมาตรของเบียร์ 330 มล. คูณกับเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ 5%)
เป่าแอลกอฮอล์ ไม่ให้ขึ้น ต้องทำอย่างไร ?
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
- รอเวลาให้ระดับแอลกฮอล์ในเลือดลดลง
- ดื่มน้ำเปล่าปริมาณมาก
- รับประทานอาหารประเภทโปรตีน และไขมัน
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
ขับรถชน คู่กรณี เมา อุบัติเหตุเมาแล้วขับ บทลงโทษ
ในกรณีที่ ขับรถชนคู่กรณีในขณะที่มึนเมาสุรา ซึ่งเป็นอุบัติเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ การลงโทษอาจรุนแรงขึ้นตามระดับของความผิดและความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยบทลงโทษหลักๆ ได้แก่
โทษสำหรับการขับขี่ในขณะเมา
- โทษจำคุก : หากพบว่าขับขี่ในขณะมีแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (0.05%) จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี
- โทษปรับ : ปรับเงินตั้งแต่ 5,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- การพักใช้ใบขับขี่ : อาจถูกพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน
กรณีเกิดอุบัติเหตุ
- หากเกิดอุบัติเหตุจากการมึนเมาขณะขับขี่และมีการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โทษจะรุนแรงขึ้น เช่น จำคุกนานขึ้น และอาจต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับคู่กรณี
- หากผู้ขับขี่มึนเมาและทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัส อาจมีโทษจำคุก 3-10 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 – 500,000 บาท
- หากมีการหลบหนีจากที่เกิดเหตุ จะมีโทษเพิ่มขึ้นอีกหลายปี
เมาแล้วขับประกันจ่ายไหม ?
เมาแล้วขับ ประกันจ่ายหรือไม่ ปริมาณแอลกอฮอล์ ประกันไม่จ่าย มีแอลกอฮอล์ กี่ เปอร์เซ็นต์ ประกันไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทน โดยปกติแล้วในกรณีแอลกอฮอล์เกินมาตราฐาน และเกิดอุบัติเหตุ ประกันอาจไม่ครอบคลุมการชดเชยความเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ที่สนใจซื้อประกันรถยนต์สามารถซื้อได้กับ แรบบิท แคร์ ที่ไม่เพียงแต่จะมอบความคุ้มค่าในเรื่องของแผนประกันและการคุ้มครองเท่านั้น แต่ยังให้ความอุ่นใจมากกว่าที่อื่น เพราะความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยคือ 100% มีการรับรองความถูกต้องจาก คปภ. ด้วย
แอพ เป่าแอลกอฮอล์ คืออะไร ?
แอพเป่าแอลกอฮอล์ คือ แอพพลิเคชันที่ใช้ในการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ใช้โดยอาศัยการเป่าลมหรือการใช้เซนเซอร์ในสมาร์ทโฟนร่วมกับอุปกรณ์เสริม เช่น เครื่องเป่าแอลกอฮอล์แบบพกพาที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่าน Bluetooth หรือการใช้เซนเซอร์ที่ฝังอยู่ในโทรศัพท์บางรุ่น แอพนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเบื้องต้นก่อนการตัดสินใจขับขี่หรือการทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ แต่ต้องพึงระลึกไว้ว่าผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่แม่นยำ 100%
แม้ว่าบริษัทประกันภัยจะไม่คุ้มครองในกรณีที่เราเมาแล้วขับ แต่การขับขี่บนท้องถนน แม้ว่าเราจะปฏิบัติตามกฎหมาย และไม่ประมาท อุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นต้องไม่ลืมทำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ แรบบิท แคร์ ไว้ เพื่อความอุ่นใจนั่นเอง
ความคุ้มครองประกันรถยนต์