แคร์ไลฟ์สไตล์

กฎแรงดึงดูดคืออะไร ? Manifest คืออะไร ! เป็นศาสตร์จริง หรือจกตา ?!

ผู้เขียน : กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการ

ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี

close
Facebook iconIG iconlinkedin iconYoutube icon
 
 
Published: July 21,2023
กฎแรงดึงดูด

“คิดดี ทำดี ได้ดี” อาจเป็นคำกล่าวแสนซ้ำซากจำเจ แต่ก็อาจจะตั้งอยู่บนความจริง จากทฤษฎีที่เรียกว่า กฎแรงดึงดูด หรือ Law of Attraction ไม่ว่าคุณจะเชื่อมั่นในหลักการพลังงานดึงดูด เคลือบแคลง หรือไม่เชื่อในศาสตร์นี้เลย แต่อย่างไรก็ตาม แนวคิด หรือปรัชญาเกี่ยวกับกฎแรงดึงดูดก็เป็นศาสตร์ที่มีความเป็นมายาวนาน เกี่ยวข้องกับหลักการของศาสนา และจิตวิญญาณ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเลย !

ทฤษฎีกฎแรงดึงดูด คืออะไร ?

ทฤษฎีกฎแรงดึงดูด หรือ Law of Attraction เป็นหลักความคิดที่เชื่อว่าเราสามารถดึงดูดสิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องการ ผ่านแรงปรารถนา หรือความคิดเชิงบวก เพื่อทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น หรือที่เรียกอีกอย่างว่าการ Manifest เพื่อดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต

Manifest คืออะไร ?

Manifest คือ การตั้งจิตอย่างแน่วแน่ และการสร้างภาพในใจเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก ครอบครัว การเรียน และอื่น ๆ อีกมากมาย บางคนอาจใช้การนั่งสมาธิ ใช้การจดบันทึก หรืออื่น ๆ ที่ทำให้คุณสามารถเพ่งจิตไปสู่สิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้น และเชื่อจริง ๆ ว่าสิ่งนั้น ๆ จะต้องเกิดขึ้น นับว่าเป็นส่วนสำคัญของกฎแรงดึงดูด

 

กฎแรงดึงดูด

ประวัติศาสตร์ของกฎแรงดึงดูด

ทฤษฎีกฎแรงดึงดูดถูกทำให้เป็นที่ประจักษ์เป็นวงกว้าง ด้วยหนังสืออันโด่งดัง เรื่อง The Secret เขียนโดย Rhonda Byrne ในปี 2006 ถูกแปลไปแล้วกว่า 50 ภาษา และทำยอดขายได้หลายล้านเล่มทั่วโลก กฎแรงดึงดูด จึงถูกมองว่าเป็นศาสตร์ที่ค่อนข้างใหม่ แต่แท้จริงแล้วนี่คือศาสตร์ที่มีตีพิมพ์มาแล้วก่อนหน้านานมาก ๆ

Law of Attraction ถูกบัญญัติขึ้นครั้งแรกในปี 1877 จากหนังสือชื่อเดียวกัน เขียนโดย Helena Blavatsky ผู้เป็นนักพลังจิตชาวรัสเซีย โดยพูดถึงจิตวิญญาณของคนเรา ที่มีพลังงาน สามารถดึงดูดหลายสิ่งอย่างรอบข้าง ทั้งแง่ลบ และบวก ต่อมาเรื่อย ๆ จนเข้าสู่ช่วงต้นปี 1900’s ที่หลักการกฎแรงดึงดูดถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น เช่น หนังสือเรื่อง Think and Grow Rich (1928) และยิ่งสร้างกระแสให้แนวคิดดังกล่าวมาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในหมู่คนขายของ การโน้มน้าวจิตใจคน จนกระทั่งหนังสือ The Secret ทำให้กฎแรงดึงดูด ถูกสนใจโดยสื่อกระแสหลัก

แต่แน่นอนว่ามีคนชอบเยอะ ก็ต้องมีคนต่อต้านเยอะเช่นกัน เมื่อโลกเข้าสู่ในยุคของวิทยาศาสตร์ กฎแรงโน้มถ่วงถูกมองว่าเป็นวิทยาศาสตร์เทียม (Pseudoscience) ทำให้คนโลภ และปลูกฝังนิสัยอยากได้อะไรก็ต้องได้ จนปัจจุบันกฎแรงดึงดูดถูกปรับดีกรีความเข้มข้นลง ให้กลายเป็นเรื่องการฝึกฝนจิตที่เป็นบวกมากขึ้น

หลักการพื้นฐานของกฎแรงดึงดูด (Law of Attraction)

หลักการของกฎแรงดึงดูด ไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อน ให้เข้าใจเสียก่อนว่าแนวคิดนี้มีความเชื่อเรื่องความคิด และจิตวิญญาณอันแรงกล้าของมนุษย์ ที่สอดคล้องกับพลังงานธรรมชาติรอบตัวที่สอดคล้องกับทุกคน menifest สิ่งที่ดี ก็จะได้มาซึ่งสิ่งที่ดีนั่นเอง

ซึ่งคล้ายกัน ดึงดูดซึ่งกันและกัน (Like attracts like)

หนึ่งในกฎสำคัญของ Law of attraction อธิบายว่าสิ่งที่คล้ายกันจะดึงดูดซึ่งกันและกัน ฉะนั้นหากเรามีความคิดที่เป็นแง่ลบ เราจะดึงดูดสิ่งที่ไม่ดีเข้ามา และตรงข้าม หากเราคิดสิ่งที่ดี เราจะดึงดูดสิ่งที่ดี นั่นเป็นเหตุผลที่ชีวิตเรามีลักษณะคล้าย ๆ คลื่น ขึ้นลง หากเรารู้สึกแย่ เรามักจะรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ รอบข้างแย่ลงตามไปด้วย ในขณะที่หากช่วงไหนดี ไม่ว่ามองไปทางไหนก็จะมีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามา

กฎแรงดึงดูด

ธรรมชาติไม่ชอบสุญญากาศ (Nature Abhors a Vacuum)

Law of attraction ไม่เชื่อในสภาวะสุญญากาศ หรือสภาวะว่างเปล่า เพราะยิ่งเราว่างเปล่าเท่าไหร่ ก็จะเป็นโอกาสที่ง่ายมาก ๆ ที่ความคิดแง่ลบจะเข้ามาอยู่ในตัวเราแทน ซึ่งทำให้เรายิ่งดึงดูดสิ่งที่ไม่ดีเข้ามาในชีวิต ฉะนั้นเราจะต้องเปลี่ยนสภาวะสุญญากาศนั้นให้มีแต่ความดี พร้อมจะดึงดูดพลังงานบวกเข้าสู่ตัวเสมอ

ปัจจุบันดีเสมอ (The present is always perfect)

เข้าใจว่าปัจจุบัน เราสามารถทำให้อะไรต่าง ๆ ดีขึ้นได้ แต่สิ่งนั้นจะทำให้เรารู้สึกมีความสุขหรือไม่ ? หากไม่เราจะต้องรู้จักปล่อยวาง และมีความสุขกับปัจจุบัน คล้ายแนวความคิดที่มองว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ

วิธีการใช้งานกฎแรงดึงดูด

กฎแรงดึงดูด (law of attraction) สามารถนำมาใช้หลากหลายด้านของชีวิต แต่สิ่งแรกที่คุณจะต้องมีคือความศรัทธา และความเชื่อในศาสตร์นี้

กฎแรงดึงดูด

ด้านความรัก ความสัมพันธ์

พื้นฐานของกฎแรงดึงดูด (law of attraction) คือเราจะต้องเริ่มจากตนเอง หากเราต้องการดึงดูดความรัก เราจะต้องเริ่มจากการรักตนเอง พร้อมกับกำจัดความไม่มั่นใจในตัวเองออกไปเสียหน่อย และครั้นเราสามารถรักตนเอง และมีความมั่นใจมากขึ้น เราจะดึงดูดคนที่มีความรักในตัวเราเช่นกัน และเราจะสามารถเปิดเผยตัวตนที่น่ารักให้แก่เขา หรือเธอได้รู้จัก

ด้านการงาน

กฎแรงดึงดูด (law of attraction) ยังสามารถใช้ในบริบทมืออาชีพและการทำงาน โดยบางครั้งคนที่ทำงานแล้วไม่ประสบความสำเร็จ เรื่อย ๆ เกินไป เพราะไม่มีการวางแผน หากเป็นกฎแรงดึงดูด เราจะต้องกำหนดเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม เพื่อที่เราจะได้เพ่งพลังงานไปสู่เป้าหมายนั้น ไม่ได้หว่านความสนใจไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีโฟกัส เป้าหมายเช่น ได้ขึ้นเป็น Manager อัปสกิลตนเองในด้านการตลาด และอื่น ๆ อีกมากมาย

ด้านการเงิน

คล้าย ๆ กับเรื่องงาน การจะใช้กฎแรงดึงดูดมาช่วยด้านการเงิน เราจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อที่จะ Manifest ได้อย่างถูกต้อง โดยจะต้องโฟกัสไปที่สิ่งที่เรามีอยู่แล้วด้วย ไม่ได้โฟกัสสิ่งที่เราไม่มี และต้องการที่จะรวยทางลัดอย่างเดียว เช่น หากเรามีธุรกิจส่วนตัว โฟกัสไปที่การหาลูกค้าใหม่ พร้อม ๆ กับการ Manifest ให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ให้มีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ 

วิธีการง่าย ๆ พัฒนาชีวิตด้วยกฎแรงดึงดูด

ทำบันทึกประจำวัน : ให้จดทุกอย่างโดยที่สะท้อนสภาวะจิตใจของตนเองขณะที่นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ๆ เพื่อทำให้เห็นรูปแบบการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวัน เรามีแนวโน้มที่จะคิดบวก หรือคิดลบมากกว่ากัน จนสุดท้ายก็ค่อย ๆ พยายามคิดไปในแง่บวกให้ได้มากที่สุด เป็นการฝึก manifest ชีวิตแบบบวก ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด อันเป็นพื้นฐานของกฎแรงดึงดูด

กฎแรงดึงดูด

สร้าง Mood Board ของตนเอง : รวบรวมสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข หรือเป้าหมายของเราไว้ในบอร์ดเดียว ช่วยให้เรามีความสุข มองชีวิตในแง่ดี และโฟกัสไปกับการก้าวไปข้างหน้าอย่างมีเป้าหมาย

ยอมรับในปัจจุบัน : มีความรู้สึกขอบคุณในทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราในปัจจุบัน และยอมรับกับปัจจุบันของเรา ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องหยุดพัฒนา เพียงแค่คุณจะต้องรู้สึกยินดีกับการมีอยู่ของตนเอง และรู้ว่าคุณสมควรได้รับอะไรบ้าง

พูดให้กำลังใจตนเอง : หลายคนมักชอบดูถูกตนเอง แต่แทนที่จะบอกตนเองถึงจุดด้อย จุดพลาด ลองคุยกับตนเองดี ๆ ให้กำลังใจตนเอง อาจเป็นการพูดกับตนเองตอนที่ไม่มีใครได้ยิน หรือการพูดในใจ ซึ่งทุกครั้งที่เราพูดกับตนเอง จะต้องเชื่อตามนั้น ไม่ใช่การทำให้หลงตนเอง หากแต่เป็นการทำให้ตนเองมีกำลังใจที่จะก้าวต่อไป และดึงดูดพลังบวกใส่ตัว

หลุมพรางทางความคิดของกฎแรงดึงดูด

ปัญหาที่พบเจอในหนังสือ The Secret หรือผู้ที่มีความรู้ผิวเผินเกี่ยวกับกฎแรงดึงดูด คือการ Menufest ที่ตั้งอยู่บนความคิดเท่านั้น แต่ไม่ได้ตั้งอยู่ในการกระทำ และความเป็นไปได้ ทำให้แนวความคิดบวก แลดูกลายเป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆ หรือกลายเป็นความหวังที่ไม่ได้ตามมาด้วยกำลัง หรือแรงในการทำให้ความคิดบวกนั้นเป็นจริง

นอกจากนั้นกฎแรงดึงดูด หากใช้ไม่ถูกต้อง จะทำให้ผู้นั้นมีความรู้สึกว่า ตนเองสมควรได้รับทุกสิ่งอย่างตามที่ขอ ตามที่ manifest สร้างอีโก้ ทับถมตัวตนบุคคลให้ใหญ่โตตามความจริง พอไม่ได้ตามหวังก็จะรับมือไม่ได้ และอาจตอบสนองด้วยความรุนแรง 

ฉะนั้นต้องบอกว่าศาสตร์แห่งกฎแรงดึงดูด มีอยู่จริง แล้วก็สามารถนำมาปรับใช้ พัฒนาแง่มุมในการใช้ชีวิต ทำงาน และสร้างความสัมพันธ์ได้ แต่ก็ไม่ควรจะไปยืดมั่นจนเกินไป เพราะทุกเหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ แต่สำหรับใครที่ใช้กฎแรงดึงดูด และ manifest จะสร้างธุรกิจ หรืออาชีพในฝัน แล้วกำลังอยากหาทุนเสริม แรบบิท แคร์ แนะนำ สินเชื่อส่วนบุคคล ของ่าย ไม่ต้องค้ำประกัน สนใจ คลิกเลย !

  
บัตรไหนคุ้ม เปรียบเทียบเลย แค่ 30 วิ เช็คเลย!
icon angle up or down

สามารถเลือกได้มากกว่า 1 ข้อ

เด็กจบใหม่ เด็กจบใหม่ icon รักการท่องเที่ยว รักการท่องเที่ยว icon รักการช้อปปิ้ง รักการช้อปปิ้ง icon รักความหรูหรา รักความหรูหรา icon รักสุขภาพ รักสุขภาพ icon รักการกิน รักการกิน
  

 

บทความแคร์ไลฟ์สไตล์

Rabbit Care Blog Image 96153

แคร์ไลฟ์สไตล์

เอาใจคนชอบมอเตอร์ไซต์ เลือกสรรมอเตอร์ไซค์ที่ใช่สำหรับคุณ

การเลือกมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนที่รักการขับขี่ เพราะนอกจากจะต้องคำนึงถึงสไตล์และดีไซน์ที่ถูกใจแล้ว ยังต้องพิจารณาถึงสมรรถนะ
Thirakan T
27/08/2024