รวมคำถาม ตม. พร้อมบทสนทนา ภาษาอังกฤษ พูดภาษาอังกฤษไม่เก่งก็ผ่าน ตม. ได้
กลัวไหม? หากขึ้นเครื่องบินครั้งแรกเพื่อไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียว หลายคนคงวิตกกังวลไม่น้อย ประกอบกับพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง จะผ่าน ตม. ไหม คำถามเหล่านี้วนอยู่ในหัวเยอะไปหมด แต่ถ้าคุณเตรียมตัวมาอย่างดี เชื่อว่าสามารถรับมือและไม่ติดด่านตรวจคนเข้าเมืองแน่นอน วันนี้น้องแคร์จะมารวบรวมคำถามตรวจคนเข้าเมือง เพื่อใช้สำหรับการเตรียมตัวและหากติด ตม. จะมีวิธีการรับมืออย่างไร มีคำตอบ!!
คำถาม ตม คืออะไร?
คำถาม ตม. หรือคำถามตรวจคนเข้าเมือง คือ กระบวนการที่ใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของบุคคลที่เข้าเมืองให้เป็นไปตามกฎหมายของประเทศนั้น ๆ ร่วมกับการตรวจสอบหนังสือเดินทาง วีซ่า และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อตรวจสอบว่าคนเหล่านั้นมีสิทธิ์ในการเข้าเมืองหรือไม่ หรือสามารถเข้าเมืองได้ด้วยวีซ่าประเภทใด
คำถาม ตม เกาหลี
คำถาม ตม เกาหลี จะเน้นถามทั้งคำทั่วไปเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ในการเดินทางและระยะเวลาอยู่อาศัยในประเทศเกาหลี รวมถึงอาจมีคำถามเพิ่มเติมพิเศษเฉพาะกรณีไป ตัวอย่างเช่น กรณีที่เคยเดินทางเข้าเกาหลีมาแล้วในรอบ 6 เดือน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเดินทางมาประเทศเกาหลีเพียงคนหรือเดินทางแบบหมู่คณะควรต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อมสำหรับคำถาม ตม เกาหลี ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีผ่าน ตม. เกาหลีแบบง่าย ๆ นั่นเอง
คำถาม ตม ญี่ปุ่น
คำถาม ตม ญี่ปุ่น จะไม่แตกต่างจากคำถาม ตม ทั่วไปนัก โดยจะเน้นถามคำถามพื้นฐานทั่วไปเกี่ยวกับการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก เช่น มาประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกหรือไม่ มีแพลนท่องเที่ยวเป็นอย่างไร หรือพักที่ไหน อย่างไรก็ตาม คำถาม ตม ญี่ปุ่น อาจแตกต่างไปตามสถานการณ์ขึ้นอยู่กับวีซ่าและลักษณะของผู้เดินทางแต่ละคน หากคำตอบคำถามได้ถูกต้องครบถ้วนก็จะสามารถผ่าน ตม ญี่ปุ่นได้โดยสะดวก
คำถาม ตม อเมริกา
คำถาม ตม อเมริกา เน้นคำถามประเภทที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง ตัวอย่างเช่น มาทำอะไร มากี่คน พักที่ไหน พักกับใคร อย่างไรก็ตาม ตม. อาจไม่ถามคำถาม ตม มากนัก ผู้เดินทางจึงควรแสดงความมั่นใจโดยไม่หลบสายตาเจ้าหน้าที่ รวมถึงควรปรินท์รายละเอียดของตั๋วเครื่องบินขากลับ และรายละเอียดที่พักติดตัวไว้อยู่เสมอ กรณี ตม. ขอตรวจเอกสารการเดินทาง
พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ผ่านตม. ต้องทำอย่างไร?
พูดภาษาอังกฤษไม่เก่งหรือพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ผ่านตม. ได้ด้วยการกรอกใบตม. ให้ครบถ้วนเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถหรอกได้ ประกอบด้วย ชื่อ หมายเลขหนังสือเดินทาง เหตุผลที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศนั้น ๆ สถานที่พัก จำนวนเงินที่นำมาด้วย รวมถึงแผนการเดินทาง หากกรอกได้ละเอียดครบด้วน มากเกินกว่า 85% จะสามารถผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองไปได้อย่างสบาย ๆ
อย่างไรก็ตาม ตม บางประเทศมีบริการล่ามให้สำหรับผู้ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เช่น เกาหลี นอกจากนั้นแล้ว สามารถขอเข้ารับฟังคำถาม ตม ในบางประเทศพร้อมกันได้ หากเดินทางพร้อมกันแบบครอบครัว แต่หากประเทศไหนที่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้าพร้อมกัน ควรให้คนที่พูดภาษาอังกฤษได้เข้าไปก่อน และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ ตม. ว่าเดินทางมากับสมาชิกครอบครัวที่ไม่สามารถสื่อภาษาอังกฤษได้ ตัวอย่างเช่น “She is my mother, and she does not speak English.” “We’ve come to travel together”
บทสนทนา ตม. ภาษาอังกฤษ แปลไทย
บทสนทนาหรือ คำถาม ตม ที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ด่านตม.) มักจะถามประกอบไปด้วย ชื่ออะไร มาจากที่ไหน จุดประสงค์ของการเดินทางมาที่ประเทศนี้ เป็นต้น คำถามเหล่านี้มีขึ้นเพื่อพิสูจน์ว่าคุณเข้ามาอย่างสุจริต และในขณะที่ตม. กำลังถาม แนะนำให้ตั้งสมาธิ อย่าล่ก หรือทำตัวมีพิรุธ แนะนำให้มองตาและดูอยู่เสมอว่าเจ้าหน้าที่กำลังทำอะไร เพราะถ้าหากคุณวิตกกังวล หรือแสดงสีหน้าท่าทางมีพิรุธ อาจทำให้ติดตม.ได้
1. What’s your name? (คุณชื่ออะไร)
แนวคำตอบ: ให้บอกชื่อและนามสกุลจริงไป และต้องตรงกับพาสปอร์ตเนื่องจากเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อยืนยันว่าคุณคือตัวจริง คำถามนี้อาจตอบไปว่า My name is Jirawat sirisiwat. ซึ่งหากใครที่ใส่แว่น ใส่หมวก หรือใส่หน้ากากอนามัย ให้ถอดออกให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหรือตม. อาจมองว่าคุณมีพิรุธได้
2. Where are you from? (คุณมาจากประเทศอะไร)
แนวคำตอบ: สำหรับคำถามในข้อนี้ ความต้องการของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ต้องการให้คุณบอกชื่อประเทศที่คุณบินมา เช่น I come from Thailand. ซึ่งหากคุณไม่เก่งภาษาอังกฤษก็สามารถตอบเป็นแค่คีย์เวิร์ดสั้น ๆ ได้ เช่น Thailand, Korea, Chaina เป็นต้น เพียงเท่านี้เจ้าหน้าที่ก็จะเข้าใจแล้ว
3. What’s the purpose of your visit? (อะไรคือจุดประสงค์หรือวัตถุประสงค์อะไรที่คุณมาเยือนที่ประเทศนี้)
แนวคำตอบ: คำถามนี้ คุณควรตอบตามความเป็นจริง เช่น มาเที่ยว มาทำงาน มาหาเพื่อน เป็นต้น โดยแนวทางการตอบอาจพูดพูดเป็นแค่คีย์เวิร์ดสั้น ๆ ให้เข้าใจง่าย เช่น study Master Degree, visit my friend, work and travel, visit my family เป็นต้น เพียงเท่านี้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็จะเข้าใจถึงเหตุผลและจุดประสงค์ของการมาประเทศนี้แล้ว
4. Is this your first time here? (คุณมาประเทศนี้เป็นครั้งแรกหรือเปล่า)
แนวคำตอบ: จุดประสงค์ของผู้ถาม คือต้องการคำตอบว่า คุณมาเยือนประเทศนี้ครั้งแรกหรือไม่ หรือเคยมาแล้ว ตัวอย่างคำตอบ หากมาเป็นครั้งแรกอาจตอบว่า “Yes, this is my first time visiting here.”, หากมาเป็นครั้งที่ 2 อาจตอบว่า “No, I have been visiting this country twice.” หรือหากคุณเคยมาหลายครั้งแล้ว ให้ตอบว่า “I have visited here several times.”
5. Are you travelling alone? or with someone? (คุณมาคนเดียวหรือมากับใคร)
แนวคำตอบ: สำหรับคำถามนี้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหรือตม. ต้องการทราบว่าคุณมาประเทศนี้คนเดียวหรือมากับใคร เป็นคำถามที่ไม่ยากและไม่ซับซ้อน ให้คุณตอบไปตรง ๆ ได้เลย เช่น หากมาคนเดียว สามารถตอบสั้น ๆ ได้ว่า “Alone” แต่ถ้าหากมากับเพื่อน กับครอบครัว หรือกับแฟน สามารถตอบได้ว่า “with my friend, with my family, or with my couple”
6. Where will you be staying? (คุณจะพักที่ไหน)
แนวคำตอบ: สำหรับคำถามที่ว่าคุณจะพักที่ไหน ให้คุณตอบชื่อเมือง หรือชื่อโรงแรมไป เช่น I plan to staying at Marvin Hotel แนะนำให้ติดเอดสารเกี่ยวกับที่พักและการจองโรงแรมไปด้วย เผื่อเจ้าหน้าที่ขอดู
7. Where do you plan to go? (คุณวางแผนไปเที่ยวที่ไหน)
แนวคำตอบ: จุดประสงค์ของเจ้าหน้าที่ตม. ต้องการทราบว่าคุณกำลังมีแพลนจะไปเที่ยวไหน ให้คุณตอบชื่อเมือง หรือสถานที่ท่องเที่ยวไปก็ได้เช่นกัน เช่น หากเที่ยวเกาหลี อาจตอบว่า I plan to travel at Seoul
8. How long will you be staying? (คุณจะมาอยู่นานแค่ไหน)
แนวคำตอบ: สำหรับคำถามนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองต้องการคำตอบว่า มาอยู่นานแค่ไหน อยู่เป็นจำนวนกี่วันหรือกี่เดือน ให้ตอบเป็นตัวเลขหรือช่วงเวลา เช่น five days, around one month, หรือ approximately three months
9. What do you do? (คุณทำอาชีพอะไร)
แนวคำตอบ: คำถามนี้บางคนอาจโดนถาม บางคนอาจไม่โดนถาม เจ้าหน้าที่ต้องการทราบว่าคุณทำงานอะไร ประกอบอาชีพอะไร ให้ตอบตามความจริงเลย เช่น หากเป็นครู ให้ตอบว่า I am a teacher, หากเป็นนักเรียนเพื่อมาเรียนต่อให้ตอบว่า I am a student เป็นต้น แต่ถ้าหากมีแพลนจะมาทำงาน เช่น work and travel ให้ตรวจสอบประเภทของวีซ่านั้น ๆ ให้ดี
10. Do you plan to work here? (คุณวางแผนจะมาทำงานที่นี่ไหม)
แนวคำตอบ: สำหรับคำถามนี้ ควรตอบว่า “No, I just plan to travel for a few day” ไม่เช่นนั้นควรอาจโดนสอบสวนยาวว่าทำงานที่ไหน ทำอะไร ตำแหน่งอะไร หรือทำที่บริษัทไหน ดังนั้นอย่าเผลอไปตอบ Yes เด็ดขาด
11. How much money are you bringing? (คุณพกเงินติดตัวมาเท่าไหร่)
แนวคำตอบ: แต่ละประเทศจะมีการกำหนดจำนวนเงินที่ให้นำมา ดังนั้นควรตรวจสอบเงื่อนไขของประเทศนั้น ๆ เสียก่อน คำถามนี้ให้คุณตอบตามความเป็นจริงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรขณะผ่านด่านตม. เช่น ประเทศอังกฤษ มีการกำหนดให้พกเงินติดตัวได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน
12. Are you carrying that illegal weapon? (คุณพกอาวุธหรือสิ่งของผิดกฎหมายหรือไม่)
แนวคำตอบ: สำหรับคำถามข้อนี้ อย่าตอบ Yes เป็นอันขาดเพราะนั่นจะแปลว่าคุณมีการพกของผิดกฎหมายหรืออาวุธเข้าประเทศ และจะถูกค้นและตรวจสอบอย่างหนัก เผลอ ๆ อาจถูกส่งตัวหกลับประเทศต้นทางที่มาก็ได้ ดังนั้นให้ตอบอย่างมั่นใจว่า “No, I am not carrying the illegal thing” หรือ “Absolutely no”
จะเห็นได้ว่า ตม. ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิด หากเตรียมตัวและเตรียมคำตอบมาอย่างดี เชื่อว่าไม่ต้องเก่งภาษาอังกฤษก็จะสามารถผ่านด่านตม. ไปได้อย่างง่าย ๆ ขอแนะนำให้คุณเตรียมเอกสารให้ครบ เช่น วีซ่าเชงเก้น หนังสือเดินทาง เอกสารการจองที่พักและโรงแรม เป็นต้น
หากมีแพลนไปเที่ยวต่างประเทศ อย่าลังเลที่จะซื้อประกันการเดินทาง กับ แรบบิท แคร์ ติดตัวไว้สักฉบับ เนื่องจากจะได้รับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุในขณะเดินทาง หรือแม้กระทั่งเงินชดเชยกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพขณะเดินทาง หากสนใจโทรเลย 1438
เป็นนักเขียนสายสุขภาพและการเงินที่มีประสบการณ์ในการเขียนมากมาย โดยได้ฝากผลงานในหลากหลายรูปแบบที่เน้นด้านบริหารร่างกายและจิตใจ ทำงานที่ Rabbit Care และ Asia Direct ได้อย่างมืออาชีพ