รวม 10 ที่เที่ยวธรรมชาติ ที่ไม่น่ามีอยู่จริง เหลือเชื่อที่สุดในโลก!
เบื่อหรือยัง ? กับการที่ต้องไปที่เที่ยวธรรมชาติ ป่า เขา น้ำตก ธรรมดา ตลอดเวลา ถ้าคุณเริ่มรู้สึกจำเจแล้ว บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่คุณจะต้องออกไป พบเจอจุดหมายใหม่ ๆ ท่าทาย อันตราย แต่ก็สวยงาม น่าหลงไหล พิศวงสุด ๆ วันนี้ แรบบิท แคร์ ได้รวบรวม 10 สถานที่เที่ยวธรรมชาติ ที่มองยังไงมันก็ไม่น่ามีอยู่จริงได้ แต่มันก็มีอยู่จริงๆ อย่าไม่น่าเชื่อ จะเป็นสถานที่แบบไหนบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลย
1. แม่น้ำร้อนเดือดปุด ๆ Shanay-Timpishka
เมือง Agua Caliente ประเทศเปรู
ใจกลางป่าอะเมซอน ของประเทศเปรู มีแม่น้ำยาวขนาด 4 ไมล์ ที่ชื่อว่า Shanay-Timpishka ซ่อนตัวอยู่ ซึ่งความพิสดารของแม่น้ำแห่งนี้ คือ มันมีอุณหภูมิที่ร้อนจนเดือดอยู่ตลอดเวลา ชนิดที่ว่าใครพลาดตกลงไป โดนต้มสุกได้แบบทันทีเลย! นับเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวธรรมชาติที่ลึกลับสุด ๆ
แม่น้ำ Shanay-Timpishka มีอุณหภูมิสูงลิ่วอยู่ที่ 91 องศาเซลเซียล ซึ่งในปัจจุบันนักวิทยาศาตร์เอง ก็ยังคงหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมแม่น้ำสายนี้ถึงเดือดได้ขนาดนั้น ทั้งๆที่ข้างใต้ก็ไม่ได้อยู่ใกล้ภูเขาไฟแต่อย่างใด
2. ถ้ำกำมะถัน Movile Cave
เมืองกอนสตันซา ประเทศโรมาเนีย
ที่เที่ยวธรรมชาติแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศโรมาเนีย มีถ้ำอายุเก่าแก่แห่งหนึ่ง ที่ถูกปิดตายจากแสงแดดมาเป็นเวลากว่า 5.5 ล้านปี ทำให้ภายในของถ้ำแห่งนี้ถูกปนเปื่อนด้วยสารกำมะถัน แบบรุนแรงและมีอันตรายกว่าสารคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 100 เท่า ทั้งบ่อน้ำภายในและอากาศในถ้ำต่างก็มีกำมะถันอยู่ทั้งนั้น ทำให้ทั้งถ้ำกลิ่นเหม็นเหมือนกับไข่เน่าเลย
นอกจากนั้นอีกสิ่งที่น่าอัศจรรย์ของที่เที่ยวธรรมชาติแห่งนี้ คือระบบนิเวศในถ้ำ ซึ่งนักวิทยาศาตร์ได้ค้นพบสัตว์ประหลาดถึง 33 สายพันธ์ุใหม่ ที่ไม่เคยมีที่ไหนบนโลกนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นแมลง และแบคทีเรียสายพันธ์ุแปลก ๆ เรียกว่า น่าพิศวงแบบสุด ๆ
3. น้ำตกที่เสกทุกอย่างเป็นหิน The Petrifying Well
เมืองนิว ยอร์คเชีย สหราชอาณาจักร
ที่เที่ยวธรรมชาติที่เหมือนหลุดมาจากนิทานปรัมปรา แต่ที่ไหนได้ มีน้ำตก ที่สามารถเสกทุกอย่างเป็นหินได้จริงๆ เหมือนใช้เวทมนต์เลย น้ำตกพิศวงแห่งนี้อยู่ที่ North Yorkshire ประเทศอังกฤษ ว่ากันว่า ไม่ว่าคุณจะนำสิ่งของอะไรก็ตามไปวางไว้ใต้น้ำตกที่ไหลออกมาจากหน้าผาแห่งนี้ พอผ่านไป 3-5 เดือน ทุกอย่างก็จะถูกสาปให้เป็นหินแข็งกันหมดเลย
โดยความลับเบื้องหลังน้ำตกแห่งนี้ ก็ไม่ใช่เวทมนต์หรือคำสาปหรอก เพราะ มีงานวิจัยบอกว่า แหล่งน้ำที่นี่มีแร่ธาตุอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เมื่อมันสัมผัสกับวัตถุใดๆ มันก็จะสร้างเกราะแข็งขึ้นมาล้อมรอบ ทำให้เหมือนสิ่งของทั้งหลายถูกสาปเป็นหินนั่นเอง
4. ป่าเอเลี่ยนที่หลอนที่สุดในยุโรป Hoia Baciu Forest
เมืองกลุฌ-นาปอกา ประเทศโรมาเนีย
มาพูดถึงที่เที่ยวธรรมชาติอีกที่หนึ่งจากโรมาเนียตอนเหนือ กับป่าที่น้อยคนนักจะเคยได้ยินชื่ออย่าง Hoia Baciu ที่เป็นหนึ่งในป่าที่หลอนที่สุดในโลก มีรายงานว่าเป็นบริเวณที่เห็นยูเอฟโอมากที่สุด ทั้งยังมีบรรยากาศที่แทบจะเต็มไปด้วยเมฆหมอกอยู่ตลอดเวลา เป็นป่าที่อยู่ในแถบ Transylvania อันเป็นต้นกำเนิดของตำนานแดร็กคูล่า และแม่มดมนดำต่าง ๆ
โดยไฮไลท์ของป่าคือจะมีบางบริเวณที่ลำต้นของต้นไม้จู่ ๆ ก็มีลักษณะผิดแปลกไป นั่นคือลำต้นจะมีความโค้งงอเหมือนพระจันทร์เสี่ยว ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ต้นเดียว แต่เป็นลักษณะแบบนี้หลาย 10 ต้นติด ๆ กัน จนดูเหมือนถูกสร้างขึ้นโดยพลังงานเหนือนธรรมชาติบางอย่าง ใครที่ชอบเที่ยวธรรมชาติแบบหลอน ๆ บอกเลยว่ามีทัวร์กลางคืนให้ขนหัวลุกกันไปเลย
5. สวนสาธารณะที่ต้องจมน้ำทุกๆปี Grüner Lake
รัฐสตีเรีย ประเทศออสเตรีย
นอกจากจะเที่ยวเวียนนาแล้ว ที่ประเทศออสเตรียก็มีสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ที่บรรยากาศดีเหมาะสำหรับการไปเดินผา หรือจะนั่งชมวิวแบบชิลๆที่สุด แต่มันก็ทำได้แค่ช่วงหน้าร้อนเท่านั้น เพราะ เมื่อไหร่ก็ตามที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ สวนสาธารณะแห่งนี้จะจมอยู่ใต้น้ำแบบทันทีเลย
เนื่องจากสวนแห่งนี้ ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขา Hochschwab ซึ่งมีหิมะปกคลุมอย่างหนาแน่น ทำให้เมื่อไหร่ที่มันละลาย มันก็จะทำให้น้ำท่วมสวนแห่งนี้นั่นเอง ถ้าคุณมีโอกาสไปลองดำน้ำเล่นในช่วงนี้ คุณก็จะได้พบกับเหล่าดอกไม้ที่บานสวยอยู่ใต้น้ำหรือจะว่ายไปดูม้านั่งและสะพานในสวนแบบบรรยากาศใต้ทะเลก็เปลี่ยนบรรยากาศ เป็นที่เที่ยวธรรมชาติที่เหลือเชื่อจริง ๆ
6. ต้นไม้ซ้อน The Double Tree of Casorzo
เมืองคาซอโซ่ ประเทศอิตาลี
แถบชานเมืองของประเทศอิตาลี มีต้นไม้ประหลาดอยู่ 1 ต้น เอ้ยย!! ต้องบอกว่า 2 ต้นต่างหาก เพราะ มันคือต้นมัลเบอร์รี่ขนาดใหญ่แสนอุดมสมบูรณ์ ที่บนต้นของมันก็มีต้นเชอร์รี่ขนาดใหญ่เติบโตซ้อนอยู่ด้วยนั่นเอง
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมต้นไม้ทั้ง 2 จึงเติบโตซ้อนกันได้ขนาดนี้ แต่ก็มีชาวท้องถิ่นบอกว่า อาจจะเป็นเพราะนกน้อยบางตัว ได้นำเมล็ดของต้นเชอร์รี่มาทิ้งไว้ จึงทำให้มันเติบโตเคียงข้างกันและกันมาจนใหญ่โตและสวยงามขนาดนี้ เป็นที่เที่ยวธรรมชาติน่ารัก ๆ
7. สายฟ้าที่ผ่าแบบไม่มีวันหยุด The Beacon of Maracaibo
เมืองมาราไกโบ ประเทศเวเนซุเอลา
เวลาฝนตกฟ้าผ่าครั้งนึง ก็ว่าน่ากลัวแล้ว แล้วลองคิดสภาพที่มีฟ้าผ่าตลอดทั้งคืนแบบ 260 วันต่อปี ที่เที่ยวธรรมชาติแสนอันตราย และน่าเหลือเชื่อนี้อยู่ที่ริมแม่น้ำ Catatumbo ประเทศเวเนซูเอล่า เป็นพื้นที่ที่มักเกิดพายุสายฟ้าฟาดขึ้นซ้ำ ๆ หนักหน่วงแทบจะทุกคืนของปีเลยทีเดียว โดยนักวิทยาศาสตร์มากมายพยายามหาคำอธิบาย แต่ก็ไม่อาจอธิบายได้แบบแน่นอน แต่ก็สันนิษฐานว่า อาจจะเพราะ ที่ตั้งของมันบวกกับแร่ธาตุบางอย่างที่อยู่ในน้ำ จึงทำให้มันมีสภาพคล้ายสายล่อฟ้าและทำให้ฟ้าผ่าไม่หยุดแบบนี้นั่นเอง ซึ่งถ้ามองข้ามความอัตรายต่างๆไป การที่ได้ไปเห็นภาพพายุสายฟ้ากับตาสักครั้งในชีวิตก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย
8. ทะเลสาบสีแดงฉาน Red Beach of Panjin
เมืองผานจิ่น ประเทศจีน
นับเป็นที่เที่ยวธรรมชาติอีกที่ที่สวยงามเหมือนหลุดออกมาจาหวรรณกรรมจีนโบราณ ตั้งอยู่มณฑลเหลียวหนิง ณ ปากแม่น้ำที่ในขณะที่อากาศเริ่มหนาวเย็นตั้งแต่กลางเดือนกันยายนถึงกลางเดือนตุลาคม พื้นทรายชายหาดตรงนั้นจะเริ่มปกคลุมด้วยสาหร่ายแดงที่เรียกว่า seuda สาหร่ายจะเติบโตเต็มที่ และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มทั่วทั้งบึง สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนั้นยังเป็นจุดชมนักชั้นเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นนกกระยาง หรือนกกระเรียนที่ต่างบินมาเป็นฝูงเพื่อหากิน เรียกได้ว่าสีขาวบริสุทธิ์ของนก ตัดกับสีแดงของสาหร่ายอย่างลงตัว สวยงาม เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวธรรมชาติที่เหมือนหลุดมาจากภาพวาด
9. ป่าหินเฉียงฉาบ The Ringing Rocks of Pennsylvania
รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา
บนยอดเขาของรัฐ Pennsylvania เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวธรรมชาติที่ไม่น่าเชื่อที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา มีป่ากว้างแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยก้อนหินรูปร่างแปลกๆ ทั้งก้อนใหญ่ก้อนเล็กเรียงรายอยู่มากมาย
ซึ่งความประหลาดของมัน มาจากเสียงเวลาที่มันกระทบกับอะไรบางอย่าง โดยมันจะส่งเสียงดังเหมือนกับเสียงฉาบบนกลองชุดเลย และหินแต่ละก้อนก็จะมีเสียงที่แตกต่างกันไปตามขนาดของมันด้วย ถ้าได้ลองไปตีหินเล่นที่นี่สักครั้งคงสนุกไม่น้อยเลย
10. ลาวาสีฟ้า Kawah Ijen
เมืองจาวา ประเทศอินโดนีเซีย
ถ้าพูดถึงภูเขาไฟ ทุกคนก็คงต้องนึกถึงลาวาสีแดงฉานอย่างแน่นอน แต่ใครจะไปรู้ว่ามันมีลาวาสีฟ้านีออนสดใสอยู่บนโลกใบนี้จริง ๆ ด้วย ภูเขาไฟ Kawah Ijen เป็นที่เที่ยวธรรมชาติสายตะลุยที่ตั้งอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยจริงๆแล้ว เจ้าสารสีฟ้าที่ปะทุออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟ มันไม่ใช่ลาวา แต่มันเกิดจากก๊าซซัลเฟอร์ในภูเขาไฟ ซึ่งเมื่อมันเกิดความร้อนและปะทุออกมา เจ้าก๊าซตัวนี้จะกลายเป็นของเหลวสีฟ้านีออนและไหลลงมาจากภูเขาไฟเหมือนลาวา ทำให้ใครๆต่างก็เรียกมันว่า ลาวาสีฟ้า นั่นเอง
ไม่น่าเชื่อเลยว่าโลกของเราจะมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอันน่าเหลือเชื่อ แบบนี้อยู่จริงๆด้วย แล้วจะรออะไรอยู่ รีบเก็บกระเป๋าและออกไปเดินทางสำรวจความน่าอัศจรรย์ของโลกใบนี้กันดีกว่า แต่แน่นอนว่าแต่ละที่ก็ไม่ได้ไปได้ง่าย ๆ ชิล ๆ เพราะอยากเห็นของแปลกก็ต้องลุย ก็ต้องสู้กันหน่อย ฉะนั้น แรบบิท แคร์ จึงอยากแนะนำ ประกันเดินทาง สำหรับไปท่องเที่ยวต่างประเทศ คุ้มครองปลอดภัยหายห่วง สนใจคลิกเลย
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี