ไร้หนี้แต่ไม่มีเงินก้อน กับ มีเงินก้อนแต่เป็นหนี้ แบบไหนดี?

เป็นประเด็นที่ถูกพูดกันมาทุกยุคทุกสมัย เหมือนคำถามที่ว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบตายตัวเลยจริงๆ สำหรับประเด็น “ไม่มีหนี้แต่ไม่มีเงินก้อน กับ มีเงินก้อนแต่เป็นหนี้” ว่าทางเลือกไหนกันแน่นะที่มันจะดีกว่า

งั้นวันนี้เรามาดูไปพร้อมกันค่ะว่าแต่ละตัวเลือกมีรายละเอียดเป็นยังไง แล้วมีหนี้กับไม่มีหนี้ต่างกันยังไงนะ แล้วคนทำงานหาเช้ากินค่ำ มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ เนี่ยจะเหมาะกับการใช้เงินแบบไหนมากกว่า

ไม่มีหนี้ แต่ ไม่มีเงินก้อน

สำหรับตัวเลือกนี้คือการใช้เงินแบบเรื่อยๆ สบายๆ ไม่มีหนี้สิน แต่ก็ไม่มีเงินเก็บเป็นก้อน ดั่งวลีที่กล่าวว่า “ชีวิตที่ไม่มีหนี้คือชีวิตที่ประเสริฐ”  ซึ่งคุณสามารถเลือกการใช้เงินแบบนี้ได้ถ้าคุณเป็นคนที่…

• ใช้เงินคนเดียว หรือ ไม่มีภาระเลี้ยงดูใคร
• มักน้อย ไม่คิดการณ์ใหญ่ เน้นทำแบบค่อยเป็นค่อยไป
• สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว
• มีโอกาสเกิดเหตุฉุกเฉินน้อย ชีวิตไม่ค่อยเจออะไรตื่นเต้น ไม่ได้ทำงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง
• ที่อยู่อาศัยมีสภาพที่ดี ไม่ต้องโยกย้ายไปไหนบ่อย

ไม่มีเงินก้อนแบบนี้ จะทำให้เสียโอกาสหรือเสียเปรียบยังไงบ้างนะ?

• ไม่มีเงินพอที่จะซื้อทรัพย์สินชิ้นใหญ่ๆ เช่น บ้าน รถยนต์ ฯ
• ไม่มีเงินสำรองจ่าย หากอยู่ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น เจ็บป่วย, อุบัติเหตุ หรือค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดฝันอื่นๆ

มีเงินก้อน แต่ เป็นหนี้

ส่วนตัวเลือกนี้คือการใช้เงินแบบนำเงินในอนาคตมาใช้ก่อน เป็นการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง

• มีความมั่นคงในหน้าที่การงาน โอกาสที่จะเปลี่ยนงานหรือตกงานมีน้อย สามารถหาเงินผ่อนชำระหนี้ทุกๆเดือน รวมถึงค่าดอกเบี้ยต่างๆด้วยนะ
• ชอบอะไรที่เห็นเป็นรูปเป็นร่างเร็วๆ แบบขอใช้ก่อนผ่อนทีหลัง(แนวคิดเดียวกับบัตรเครดิต)
• อย่าลืมวางแผนชีวิต เราจะเป็นหนี้อย่างไรไม่ให้การดำเนินชีวิตลำบาก และสามารถบรรลุเป้าหมายของเราได้อย่างมีความสุข
• ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เมื่อคิดจะเป็นหนี้แล้ว จะใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยอย่างที่เคย(หรือไม่เคย) ไม่ได้แล้ว ต้องปรับเปลี่ยนการบริโภคโดยต้องคำนึงถึงความจำเป็นก่อนเลือกจ่ายเงินเพื่อสินค้าหรือบริการนั้น

ถ้าเข้าร่วมสมาคมคนมีหนี้แล้ว ต้องรับภาระอะไรเพิ่มบ้าง?

• ทำงานหนักขึ้น เพื่อที่จะหาเงินมาใช้หนี้ คุณต้องพร้อมที่จะทำงานมากขึ้น เวลาที่เอาไว้พักผ่อนอาจจะหายไปบ้าง
• เก็บเงินได้ยาก การพยายามบริหารรายได้โดยต้องเก็บออมเงินแล้วก็อีกส่วนหนึ่งเอาไว้ใช้ เป็นเรื่องที่ทำได้นะถ้าคุณมีวินัยและมีรายได้มากพอ แต่อย่าลืมว่าเรามีรายจ่ายประจำคือการผ่อนชำระหนี้สิน ซึ่งอาจจะต้องใช้ความอดทนอย่างสูงในการหักห้ามใจว่าเงินส่วนนี้เอาไว้ออมนะ ใช้ไม่ได้

ไร้หนี้แต่ไม่มีเงินก้อน กับ มีเงินก้อนแต่เป็นหนี้ แบบไหนดี?

สำหรับคุณผู้อ่านที่มีคำถามนี้อยู่ในใจ เราขอแนะนำว่า ให้คุณลองทบทวนตัวเองดูว่า ตอนนี้ปัจจัยที่เรามีคืออะไรบ้างและเป้าหมายของเราคืออะไร เงินที่เราหามาจะพาเราไปยังเป้าหมายนั้นได้หรือไม่ ถ้าไม่ก็ลองมองหาตัวช่วยที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น

ดังกรณีตัวอย่าง 2 กรณีนี้

• คุณ A ไม่มีหนี้และไม่มีเงินเก็บ

แม้ว่า คุณ A จะไม่มีหนี้ และไม่มีเงินเก็บ แต่คุณ A แต่มีบ้านเป็นของตัวเองอยู่แล้ว คุณ A เลือกที่จะใช้เงินเท่าที่มีค่อยๆต่อเติมบ้านไปตามกำลัง ไม่รีบร้อน และไม่ได้ต้องการรถยนต์เพราะระยะทางจากบ้านไปที่ทำงานนั้นไม่ไกลมาก

กรณีคุณ A คือมีปัจจัยที่สนับสนุนตัวบุคคลอยู่แล้ว และตัวบุคคลมีความพึงพอใจกับชีวิตแบบนั้น ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีการกู้หนี้ยืมสินเพื่อใช้เพิ่มเติมปัจจัยอื่นๆ

• คุณ B มีเงินก้อน และเป็นหนี้

คุณ B เช่าบ้านพักเดือนละ 3,000 บาท รายได้พอมีเหลือบ้าง แต่ไม่มีทรัพย์สินใหญ่ๆ ที่เป็นของตัวเอง คุณ B จึงคิดว่าจะ กู้เงินธนาคารเพื่อซื้อบ้าน

กรณีของคุณ B คือการคิดลงทุนเพื่ออนาคต หากต้องจ่ายค่าเช่าบ้านเดือนละ 3,000 บาทไปอีก 10 ปี สุดท้ายบ้านก็ยังเป็นแค่บ้านเช่า สู้เอาเงินตรงนี้ไปใช้ผ่อนซื้อบ้านสักหลังจะได้ประโยชน์กว่า ผลที่ได้ในตอนท้ายคือจะมีบ้านอยู่ด้วย

สรุปแล้ว

การเป็นหนี้มีทั้ง “หนี้ที่ดี” และ “หนี้ที่ไม่ดี” เพราะฉะนั้นควรไตร่ตรองให้ดีว่าหากต้องการจะเป็นหนี้ จุดประสงค์การเป็นหนี้ครั้งนี้คือเพื่ออะไร ถ้าเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตในอนาคตให้ดีขึ้น ก็เห็นสมควรที่จะมีการกู้ยืมหนี้สิน แต่ก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความมีวินัยในการชำระหนี้ด้วยนะคะ

กองบรรณาธิการ

ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี