Agile VS Scrum คำมาแรงในแวดวงธุรกิจ คืออะไร ? เหมือนและแตกต่างกันอย่างไร ?

คะน้าใบเขียว
ผู้เขียน: คะน้าใบเขียว Published: พฤษภาคม 19, 2023
คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
agile

เชื่อว่าหลายคนที่ทำงานมาซักระยะ โดยเฉพาะทำงานในองค์กรสมัยใหม่ คงเคยได้ยินคำว่า Agile ไม่ก็ Scrum มาบ้าง โดยเฉพาะช่วงต้นปี 2020 ที่คำเหล่านี้บูมสุด ๆ ซึ่งมาจนถึงปัจจุบันก็ยังมีหลายบริษัทที่ใช้แนวคิดเหล่านี้ในการทำงาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของงานออกมาได้อย่างดีเยี่ยมที่สุด และต่อยอดมาถึงปัจจุบัน ปรัชญาการทำงานของ Agile นำพาไปสู่อาชีพใหม่ได้เลยทีเดียว อย่าง Scrum Master เราจึงอยากมาอัปเดทว่า Agile หรือ Scrum คืออะไร ? นำมาใช้ได้จริงทางใดบ้าง ? และหากอยากยกระดับตนเองขึ้นมาเป็น Scrum Master เรามีวิธีการอย่างไรบ้าง ?

agile

Agile คือ

Agile คือแนวคิด ปรัชญาการทำงาน เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วที่สุด โดยคำว่า Agile แปลตรงตัวเลยแปลว่า ‘ความกระฉับกระเฉง รวดเร็ว คล่องตัว’ โดยหัวใจสำคัญของการทำงานแบบ Agile คือจะต้องมีโครงสร้างที่ยืดหยุ่น (Flexibility) / การทำงานแบบอิสระ (Self-organization) / มีความโปรงใส ทุกคนในทีมสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ทั้งหมด (Transparency) และสุดท้ายคือสามารถร่วมมือกันได้อย่างอิสระ (Collaboration) 

Scrum คือ

Scrum คือความคิดต่อยอดมาจากหลักการ Agile เป็นสิ่งที่ทำให้หลักการของ Agile สามารถเป็นจริงขึ้นมาได้ หรือจะให้พูดง่าย ๆ ที่สุด Agile คือวิธีคิด ส่วน Scrum คือเครื่องมือต่าง ๆ ในการที่จะทำให้การทำงานรวดเร็ว และได้ประสิทธิภาพมากขึ้น

สิ่งที่ทำให้ Scrum แตกต่างจากการทำงานทั่วไป ก็คือความรวดเร็ว โดยการทำงานทั่วไป หรือที่เราเรียกว่าแบบ Waterfall คือการทำงานเป็นระดับขั้น ขั้นที่ 1 เสร็จ ก็ค่อยไปทำขั้นที่ 2 ต่อ เช่น ขั้นตอนการวางแผน 1 อาทิตย์ การลงมือทำ 2 อาทิตย์ และการทดลองแก้ไข 2 อาทิตย์ แล้วจึงปล่อยใช้งานจริง แต่การ Scrum อาจทำให้ทุกอาทิตย์ จะต้องเกิดขั้นตอนของการวางแผน การทำงาน การแก้ไข ขึ้นตลอด ทุกอาทิตย์ จนผลงานถูกขัดเกลาไปเรื่อย ๆ จนไม่มีข้อผิดพลาด

waterfall vs agile

 

ทำไมต้อง Agile 

ยิ่งเทคโนโลยีถูกพัฒนามากขึ้น การทำงานของมนุษย์ก็จะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะในโลกสายเทค เขียนโปรแกรม พัฒนา Software ต่าง ๆ ที่คนกลุ่มเล็ก ๆ 5-6 ไปจนถึงคน ๆ เดียว สามารถสร้างโปรเจกต์ขึ้นมาได้เลย ฉะนั้นแนวคิดการบริหาร Agile จึงถูกพัฒนาขึ้นมาในกลุ่มบริษัทสายเทคก่อน เพื่อทำให้สามารถพัฒนาระบบการทำงานที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และไม่ต้องขึ้นอยู่กับคนใดคนหนึ่งมากจนเกินไป สามารถสร้างทีมย่อย และบริหารงาน บริหารโปรเจกต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการเบื้องต้น นำ Agile มาใช้จริงกับงานของเรา

ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องบอกก่อนเลยว่าแต่ละองค์กรก็อาจจะมีรูปแบบการทำงาน การใช้หลัก Agile ที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม จึงจะยกตัวอย่างการใช้ Scrum พื้นฐานเพื่อให้เห็นภาพ และเข้าใจหลักการของ Agile มากขึ้น 

ขั้นที่ 1 : สร้าง Scrum Workflow

อาจใช้ Spreadsheet หรือ Figma เพื่อวางแผนการทำงานในแต่ละโปรเจกต์ พร้อมระบุรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นในโปรเจ็คนั้น ๆ เช่น

  • วัน/เวลา ในการทำงาน
  • ขั้นตอนการทำงาน
  • สมาชิกภายในทีม (Product Owner / Scrum Master / Team Member)

ขั้นที่ 2 : สร้าง Product Backlog

นำโจทย์มาแตกต่อว่าในโปรเจกต์นี้เราควรจะทำอะไรบ้าง ซึ่งการสร้าง Product Backlog จะแตกต่างจากการ Brainstrom ตรงที่จะเน้นความรวดเร็ว เน้นหลัก objective แต่ละอย่างที่จะต้องทำขึ้น หากใครยังคิดภาพไม่ออก การทำ Product Backlog สามารถเริ่มต้นด้วยแค่ 3 คำถามง่าย ๆ

ในการที่จะ ………. ฉันต้อง ………. เพื่อที่จะ ……….

เช่น

ในการที่จะ พัฒนาแอป ฉันต้อง แก้ UX / UI เพื่อที่จะ ให้คนใช้งานได้ง่ายขึ้น

โดยเราจะมี Product Backlog ที่เป็นหัวใจสำคัญ และรายละเอียดยิบย่อย เขียนออกมาให้หมด จนเห็นภาพที่ชัดเจน รวดเร็วว่าเราจะต้องทำอะไรบ้างภายใน 1 โปรเจกต์

ขั้นที่ 3 : ทำ Sprint

การทำงานแบบ Sprint คือทำทุกงานภายใน Product Backlog ให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาสั้น ๆ เหมือนกับการขึ้นโครงขึ้นมา ให้ครบหมดทุกฟังก์ชันของสิ่งที่เราอยากจะสร้าง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่จะซับซ้อนขึ้นตามความใหญ่ และละเอียดอ่อนของโปรเจกต์ แต่ Sprint ที่ดี จะต้องมีการระบุแต่ละหน้าที่ให้ชัดเจน เช่น

  • จัดลำดับความสำคัญของแต่ละงาน โดยตั้งคำถามว่า งานไหนสำคัญที่สุด ? และ งานไหนทำงานที่สุด ? ให้จัดการงานสำคัญที่ง่ายที่สุดก่อน เป็นต้น
  • Scrum Master จะต้องรีวิวการทำงานทุกวัน แบ่งออกเป็น Sprint 3 รูปแบบ : ที่กำลังทำอยู่ / ที่จะทำ / ที่ทำเสร็จแล้ว

ขั้นที่ 4 : การทดลอง

เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ๆ โดยเฉพาะในสายงานการเขียนโปรแกรม หรือพัฒนาซอร์ฟแวร์ เพราะสามารถมีข้อผิดพลาดได้เรื่อย ๆ หรือตอนแรกอาจไม่ผิดพลาดแต่หากเอาหลายส่วนมารวมกันกลับกลายเป็นว่าเกิดข้อผิดพลาดซะงั้น ซึ่งเมื่อผิดพลาด ก็จะต้องกลับไปเข้าสู่ขั้นที่ 1 ใหม่ สร้าง workflow ไปเรื่อย ๆ จนโปรเจกต์สมบูรณ์ไม่มีข้อผิดพลาด

agile

บริษัทไหนบ้างที่เหมาะกับการนำหลัก Agile มาใช้

หลายบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ ประสบความสำเร็จในการนำหลัก Agile มาใช้ในการจัดการโครงการและกระบวนการพัฒนาหลักการ Agile ถึงแม้ว่าไม่ได้มีข้อกำหนดแน่ชัดว่าบริษัทควร บริษัทไหนไม่ควรนำ Agile มาใช้ แต่ก็มีอุตสาหกรรมที่จะได้ประโยชน์มากเป็นพิเศษ จากแนวการปฎิบัติงานแบบ Agile ดังนี้

บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์

เดิมทีการทำงานแบบ Agile ได้รับการออกแบบมาสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ และยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงในอุตสาหกรรมนี้ บริษัทที่สร้างผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์หรือให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์มักพบว่า Scrum ช่วยให้พวกเขาส่งมอบซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพสูงขึ้นในลักษณะที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยี 

สตาร์ตอัปมักจะยอมรับหลัก Agile เนื่องจากความยืดหยุ่น ความสามารถในการปรับตัว และความสามารถในการรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลง ช่วยให้สตาร์ตอัปทำซ้ำได้อย่างรวดเร็ว รับคำติชมจากลูกค้าบ่อยๆ และทำการปรับเปลี่ยนที่จำเป็นไปพร้อมกัน

หน่วยงานดิจิทัล

Agile มักใช้ในหน่วยงานดิจิทัลที่จัดการการพัฒนาเว็บ การพัฒนาแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ หรือโครงการการตลาดดิจิทัล วิธีการทำซ้ำและการทำงานร่วมกันช่วยให้เอเจนซีจัดการความคาดหวังของลูกค้าและส่งมอบโครงการได้ตรงเวลาและอยู่ในงบประมาณ

หน่วยงานสร้างสรรค์และการออกแบบ

Agile ยังเป็นประโยชน์สำหรับหน่วยงานสร้างสรรค์และการออกแบบที่ทำงานในโครงการต่างๆ เช่น การออกแบบกราฟิก การสร้างแบรนด์ หรือการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันระหว่างนักออกแบบ ลูกค้า และนักพัฒนา ทำให้กระบวนการออกแบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เอเจนซีการตลาดและโฆษณา

Agile สามารถนำไปใช้กับแคมเปญการตลาดและโฆษณา ทำให้เอเจนซีสามารถแบ่งโครงการที่ซับซ้อนออกเป็นงานที่เล็กลงและสามารถจัดการได้ ช่วยให้ทีมสามารถจัดลำดับความสำคัญและนำเสนอความคิดริเริ่มด้านการตลาดในลักษณะซ้ำๆ ซึ่งนำไปสู่ความคล่องตัวที่เพิ่มขึ้นและผลลัพธ์ของแคมเปญที่ดีขึ้น

agile

เป็น Scrum Master ได้อย่างไร ?

การเป็น Scrum Master เช่นเดียวกับสายอาชีพอื่น ๆ จะต้องผ่านการเทรนด์ และเรียนรู้เฉพาะด้าน เพราะ Scrum Master ถือว่าเป็นอาชีพหนึ่งที่เป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะในหมู่เทคสตาร์ตอัปต่าง ๆ ซึ่งคนที่อยากก้าวเป็น Scrum Master ควรมี

  • ประสบการณ์เป็น Project Manager คุมทีมขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่
  • มีการเปิดรับข้อมูลใหม่ ๆ ใช้เครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ได้อย่างชำนาญ
  • ทำงานได้อย่างยืดหยุ่น
  • มีวาทศิลป์ในการสื่อสารกับผู้คน

นอกจากนั้นการจะได้ชื่อว่าเป็น Scrum Master ยังต้องอาศัยการสอบเพื่อให้ได้ไปยืนยันว่าคุณเป็น Professional Scrum Master™ โดยต้องสอบ PSM ซึ่งจะมี 3 ระดับ 

  • PSM I : เข้าใจหลักการของ Scrum พร้อมทั้งคำที่ใช้ประกอบในการทำ Scrum ต่าง ๆ
  • PSM II : มีความเชี่ยวชาญด้านการทำ Scrum และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในสถานการณ์จริง
  • PSM III : มีความชำนาญในการนำ Scrum ไปใช้นำทีมได้จริง ๆ เหมาะสมกับการเป็นผู้นำทีม ทำโปรเจกต์ที่ยากและมีความซับซ้อนมาก ๆ 

โดยสามารถทดสอบออนไลน์ได้ที่บ้าน ซึ่งหากผ่านก็จะสามารถรับบัตร Certificate ได้ออนไลน์ ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถเลือกเรียนรู้และใช้งานได้จริง ถือว่าเป็นแต้มต่อสำหรับใครที่อยากจะขึ้นไปเป็นระดับ Manager รู้ไว้ก็จะเป็นภาษีต่อตนอย่างแน่นอน

อ่านมาถึงตรงนี้ หวังว่าทุกคนคงจะเข้าใจความหมายของวิธีคิดงานอย่าง Agile และการใช้เครื่องมืออย่าง Scrum ในการทำให้โปรเจกต์ลุล่วงด้วยความรวเร็ว และประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งบอกเลยว่าความรู้แค่นี้ถือว่าเป็นอะไรที่ผิวเผินมากสำหรับใครที่อยากนำ Agile มาใช้ในออฟฟิศ หรืออยากเป็น Scrum Master สำหรับคนวัยทำงานทั้งหลาย ก็จะต้องลงทุนเพื่ออนาคตตนเอง แรบบิท แคร์ จึงอยากเป็นอีกกำลังใจหนึ่ง ทำให้ทุกการใช้จ่ายของคุณ คุ้มค่ายิ่งขึ้น กับบัตรเครดิตสำหรับวัยทำงาน ยิ่งรูด ยิ่งคุ้ม ยิ่งได้พอยต์

  
เปรียบเทียบบัตรเครดิตที่ใช่ ง่ายๆ แค่ 30 วิ คลิกเลย!
icon angle up or down

สามารถเลือกได้มากกว่า 1 ข้อ

เด็กจบใหม่ รักการท่องเที่ยว รักการช้อปปิ้ง รักความหรูหรา รักสุขภาพ รักการกิน
  

บทความแนะนำอื่นๆ : ธุรกิจและการตลาด

โพสต์ Content ลง เพจร้านค้า สร้างความสัมพันธ์ POS ตัวช่วยด้านการจัดการสำหรับเจ้าของกิจการ

บทความแคร์การเงิน

Rabbit Care Blog Image 101965

แคร์การเงิน

ดอกเบี้ยลอยตัว คืออะไร? ต่างกับดอกเบี้ยคงที่อย่างไร? มาลองคำนวณกัน

ดอกเบี้ยลอยตัว คืออะไร? ดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Interest Rate) หรือที่เรียกว่า อัตราดอกเบี้ยผันแปร คือ อัตราดอกเบี้ยที่มีการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะเศรษฐกิจ
กองบรรณาธิการ
09/06/2025
Rabbit Care Blog Image 101805

แคร์การเงิน

คำนวณยอดเงินดาวน์ที่เหมาะสม ง่ายๆ ในไม่กี่คลิก!

ทำไมต้องวางเงินดาวน์ให้เหมาะสม? การวางเงินดาวน์ที่เหมาะสมช่วยลดภาระดอกเบี้ยและค่างวดผ่อนชำระในอนาคต
กองบรรณาธิการ
06/06/2025
Rabbit Care Blog Image 99755

แคร์การเงิน

การโปะงวดรถ คืออะไร เหมือนการปิดงวดรถก่อนกำหนดไหม มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?

เรื่องสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนจะต้องรู้ไว้โปะงวดรถ คืออะไร จ่ายค่างวดรถเกินยอด ทำได้หรือไม่ การโปะรถยนต์มีข้อดี หรือข้อเสียอย่างไร ควรทำไหม ?
คะน้าใบเขียว
11/03/2025