ฟังเพลงตอนขับรถช่วยให้ผ่อนคลาย ขับรถทางไกลไม่ง่วงนอน จริงหรือไม่ หรือเสี่ยงอันตรายกันแน่ ?
‘ฟังเพลงตอนขับรถ’ ถือเป็นกิจกรรมขณะขับรถที่เชื่อว่าหลายคนคงทำกันจนติดเป็นนิสัย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกฟังเพลงตอนขับรถผ่านวิทยุ หรือเปิดเพลงอัลบั้มโปรดด้วยตนเองเพราะสามารถเลือกฟังเพลงได้ตามใจ แล้วรู้หรือไม่ว่าความจริงแล้วการฟังเพลงตอนขับรถนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำไหม ถือเป็นพฤติกรรมขณะขับรถที่เพิ่มความเสี่ยงอันตรายในการขับขี่หรือไม่ ในวันนี้ แรบบิท แคร์ ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการฟังเพลงตอนขับรถมาให้ จะได้ทราบกันไว้ และสามารถฟังเพลงตอนขับรถได้อย่างถูกต้องปลอดภัยตลอดการเดินทาง
ฟังเพลงตอนขับรถ ดีหรือไม่ ?
หากถามว่าฟังเพลงตอนขับรถดีหรือไม่ แน่นอนว่าหลายคนคงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ดี’ เพราะนอกจากการฟังเพลงตอนขับรถนั้นจะช่วยให้เราเกิดความผ่อนคลายและเพลิดเพลินในขณะที่ขับขี่ ยังมีข้อดีในด้านที่เปิดเพลงไว้เป็นเพื่อนขณะขับรถเพื่อแก้ง่วง หรือคอยเตือนสติ โดยสิ่งที่ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าการเปิดเพลงฟังขณะขับรถนั้นดี ก็คือการที่มีสถานีวิทยุมากมายที่มีดีเจคอยพูดคุย และเปิดเพลงเป็นเพื่อนให้กับผู้ที่ต้องใช้รถใช้ถนนมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ฟังเพลงตอนขับรถ อันตรายไหม ?
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าการฟังเพลงตอนขับรถ อันตรายหรือไม่ เป็นการทำลายสมาธิของผู้ขับและเพิ่มความเสี่ยงระหว่างขับขี่ไหม การฟังเพลงตอนขับรถนั้นได้มีการถูกทำการศึกษาและวิจัยออกมามากมาย โดยมีผลวิจัยหลายที่ออกมาว่าหากเปิดเพลงที่มีจังหวะเร็วเกินไปอาจส่งผลต่อพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับได้ อีกทั้งยังมีปัจจัยเสี่ยงอันตราย แต่ขณะเดียวกันก็ได้มีผลการวิจัยที่มีการสรุปผลออกมาว่าการเปิดเพลงตอนขับรถในจังหวะที่เหมาะสมนั้นมีข้อดีต่อการขับขี่ของผู้ขับอย่างมากมาย จึงอาจสรุปได้ว่าการฟังเพลงตอนขับรถนั้นไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใดหากเลือกฟังเพลงตอนขับรถอย่างถูกต้องเหมาะสมนั่นเอง
ฟังเพลงตอนขับรถ มีข้อดีอย่างไร ?
ทราบกันไปคร่าว ๆ แล้วว่าการฟังเพลงในจังหวะที่เหมาะสม หรือเลือกแนวเพลงที่เหมาะสมในการฟังขณะที่ขับรถนั้นมีข้อดีอยู่มากมาย ทั้งนี้ แรบบิท แคร์ เชื่อว่าหลายคนคงอาจเริ่มเกิดความสงสัยว่าเจ้าข้อดีของการฟังเพลงตอนขับรถที่ว่ามีมากมายนั้นคืออะไร โดยข้อดีของการฟังเพลงตอนขับรถ คือ
- ฟังเพลงตอนขับรถช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้แก่ผู้ขับเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสภาพการจราจรที่ติดขัด
- ฟังเพลงตอนขับรถช่วยลดความเครียด ความฉุนเฉียว ความรุนแรงของอารมณ์ผู้ขับได้
- ฟังเพลงตอนขับรถช่วยคลายความเบื่อหน่ายให้แก่ผู้ขับและผู้โดยสารเมื่อต้องเดินทางไกล
- ช่วยกระตุ้นให้ผู้ขับตื่นตัวตลอดการขับขี่ ลดโอกาสในการเกิดเหตุการณ์หลับใน
- ฟังเพลงตอนขับรถช่วยทำให้อารมณ์ดี ลดโอกาสในการเกิดเหตุทะเลาะวิวาทบนท้องถนน
- ฟังเพลงตอนขับรถช่วยเรียกสมาธิให้กลับมาระหว่างที่ขับรถในระยะไกล ๆ
- ฟังเพลงตอนขับรถช่วยให้เกิดความสนุกสนานในการขับรถ
ข้อดีเหล่านี้คือข้อดีหลัก ๆ ที่ผู้ขับขี่รวมถึงผู้โดยสารจะได้รับจากการฟังเพลงขณะขับรถ ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและสร้างความเพลิดเพลิน แต่แน่นอนว่าการจะฟังเพลงตอนขับรถให้ได้รับข้อดีก็จะต้องฟังให้ถูกต้องรวมถึงมีสิ่งที่ต้องระวังซึ่งจะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป
ฟังเพลงตอนขับรถ มีข้อควรระวังอย่างไร ?
อย่างที่ได้กล่าวไปตั้งแต่ในช่วงต้นของบทความว่าการฟังเพลงตอนขับรถให้ได้ประสิทธิภาพและไม่เกิดความเสี่ยงอันตรายนั้นจะต้องมีการฟังอย่างถูกต้องเหมาะสมอีกทั้งยังมีสิ่งที่ต้องระวังควบคู่กันไปด้วย โดยข้อควรระวังในการฟังเพลงตอนขับรถ มีดังนี้
- ควรเปิดเพลงให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง : การเปิดเพลงให้เรียบร้อยตั้งแต่ก่อนออกเดินทางจะทำให้เราสามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลงในขณะขับรถโดยที่ไม่ต้องแบ่งสมาธิจนหลุดโฟกัสจากการขับขี่บนท้องถนนมาเลื่อนหาเพลง หรือเลือกเพลงที่อยากฟังในขณะที่กำลังขับขี่อยู่บนท้องถนน ซึ่งการแบ่งสมาธิมาเลือกเพลงหรือหาเพลงฟังขณะขับขี่ถือว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงอันตรายเป็นอย่างมาก
- ระวังการเลือกเพลงให้มีจังหวะเหมาะสม : สำหรับการฟังเพลงตอนขับรถนั้นอีกสิ่งที่ถือว่าสำคัญมากก็คือการเลือกจังหวะของเพลงที่ถูกต้องเหมาะสม โดยจังหวะเพลงที่ปลอดภัยที่สุดในการฟังเพลงตอนขับรถ คือ ดนตรีที่มีจังหวะ 60-80 ครั้งต่อนาที (BPM) ซึ่งเป็นจังหวะที่เลียนแบบอัตราการเต้นของหัวใจของมนุษย์ ไม่ควรเลือกฟังเพลงที่มีจังหวะรวดเร็วจนเกินไป เนื่องจากอาจส่งผลต่อพฤติกรรมการขับขี่ให้ขับเร็วขึ้นตามจิตสำนึกที่ต้องการเข้ากับจังหวะเพลง และไม่ควรเลือกเพลงจังหวะช้าจนเกินไปเพราะอาจทำให้ง่วงได้นั่นเอง
- ระวังการเลือกเพลงให้มีระดับเสียงเหมาะสม : การฟังเพลงตอนขับรถที่มีระดับความดังมากจนเกินไป จะส่งผลให้ปฏิกิริยาการตอบสนองต่อสิ่งรอบข้าง และสภาพแวดล้อมการขับขี่ลดลงซึ่งถือว่าอันตรายมาก โดยเพลงทุกเพลงที่มีเสียงดังเกิน 85 เดซิเบลนั้นจะส่งผลให้ประสิทธิภาพและพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับแย่ลง
- ระวังไม่โฟกัสกับเพลงมากจนเกินไป : ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าเราเปิดเพลงฟังขณะขับรถเพื่อความผ่อนคลาย เปิดไว้เพลงตอนขับรถเป็นเพื่อคลายเหงา ดังนั้นไม่จำเป็นต้องไปโฟกัสกับเพลงมาก ไม่จำเป็นต้องร้องตาม เต้นตาม คิดตามเนื้อหาของเพลง แต่ควรโฟกัสกับการขับรถให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ระวังไม่ให้การฟังเพลงเป็นตัวกระตุ้นให้เริ่มพฤติกรรมอื่น : หลายครั้งที่ได้ฟังเพลงโปรดหรือบังเอิญเจอเพลงใหม่ ๆ โดนใจ เหล่าผู้คนสมัยใหม่ที่ชีวิตติดโซเชียลทั้งหลายก็อยากจะยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายวิดีโอหรือถ่าย Story IG กันเอาไว้ ซึ่งถือเป็นการชี้นำไปยังพฤติกรรมการเล่นโทรศัพท์ระหว่างขับรถที่เป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรทำและอันตรายเป็นอย่างมาก
ข้อควรระวังเหล่านี้ถือเป็นข้อควรระวังหลัก ๆ สำหรับการฟังเพลงตอนขับรถที่ทุกคนต้องจดจำและนำไปปรับใช้ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถฟังเพลงตอนขับรถกันได้แบบสบาย ๆ ได้รับประโยชน์มากมาย และไม่เสี่ยงอันตรายนั่นเอง
ขับรถทางไกล-ขับรถเล่น ควรเลือกฟังเพลงแนวไหน ?
หลังจากที่ได้อ่านข้อควรระวังรวมถึงทราบหลักในการฟังเพลงที่ถูกต้องเหมาะสมกันไปเป็นที่เรียบร้อย หลายคนอาจจะยังไม่มีไอเดียว่าแล้วเพลงจังหวะที่เหมาะสมที่ได้บอกไปนั้นจะต้องเป็นการฟังเพลงแนวไหน ขับรถทางไกล และขับรถเล่นทั่วไปต้องฟังเพลงจังหวะเดียวกันหรือไม่ ? โดยคำตอบคือไม่ว่าจะขับรถแบบไหนทางใกล้-ทางไกล-ขับรถเล่น จังหวะเพลงที่เหมาะสมในการฟังนั้นก็คือจังหวะเดียวกัน คือ 60-80 BPM และแนวเพลงที่มีจังหวะดังกล่าวก็คือเพลงแนว แจ๊ส (Jazz) ป๊อป (Pop) และ ซอฟต์ร็อก (Soft Rock) นั่นเอง
แนะนำช่องทางฟังเพลงตอนขับรถ
- สถานีวิทยุกระจายเสียง
- แอปพลิเคชัน Spotify
- แอปพลิเคชัน Youtube
- แอปพลิเคชัน Apple Music
- แอปพลิเคชัน Joox
- ฯลฯ
สรุป
และทั้งหมดนี้ก็ถือเป็นข้อมูลที่น่าสนใจมากที่เกี่ยวกับการฟังเพลงตอนขับรถ จะสามารถเห็นได้ว่าสำหรับการฟังเพลงตอนขับรถนั้นมีข้อดีมากมาย หากเลือกฟังอย่างถูกต้องและเหมาะสม ขณะเดียวกันก็มีข้อควรระวังในการฟังเพลงในขณะขับรถเช่นกัน ทั้งนี้นั้นหัวใจสำคัญก็คือการตั้งสติ มีสมาธิ ขับขี่ทุกครั้งด้วยความไม่ประมาท สำหรับใครที่มักจะต้องเดินทางไกลหรือขับรถกันเป็นประจำลองเอาวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ในการฟังเพลงขณะขับรถกันได้ และต้องไม่ลืมทำประกันรถยนต์ กับ แรบบิท แคร์ เอาไว้ เป็นการป้องกันเหตุสุดวิสัย ขับขี่ได้อย่างสบายใจเพราะมี แรบบิท แคร์ ช่วยดูแล
ทำงานเกี่ยวข้องกับวงการประกันรถยนต์และยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2019 ในหลากหลายตำแหน่งทั้ง SEO Specialist, Senior Executive, SEO / Web Analytics และ SEO Content Writer ในบริษัทประกันรถยนต์่และรถมือสองชั้นนำ นอกจากนั้น ยังเคยอยู่ในแวดวงสื่อมวลชนนานถึง 3 ปีในตำแหน่งนักข่าวไอทีนิตยสารชื่อดังแวดวง E-Commerce ด้านการศึกษาจบระดับชั้นปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย