ตรวจสอบสถานะกรมธรรม์ สายมูต้องรู้! นอนโลงศพ “สะเดาะเคราะห์ต่อชะตา” บังสุกุลเป็น-ตาย แก้เคล็ด เปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี
ถ้าพูดถึงความตายแล้วละก็ แม้ว่าจะเป็นเพียงคำสั้น ๆ ที่เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน แต่แน่นอนว่า หากยังไม่ถึงเวลาอันสมควร ก็คงจะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองเป็นแน่ หากความตายถือเป็นเคราะห์อย่างหนึ่งของมนุษย์ พิธีการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา นอนโลงศพ บังสุกุลเป็น บังสุกุลตาย ก็คือวิธีการแก้เคล็ด แก้เคราะห์ชั้นดี! ที่เชื่อว่าจะช่วยให้รอดพ้นจากเคราะห์ร้ายภยันตรายทั้งปวงได้
เคราะห์ คือ อะไรกัน?
คำว่าเคราะห์ ในทางพุทธศาสนา ก็คือ ผลแห่งกรรมทั้งดีและไม่ดี ที่ได้กระทำขึ้นตั้งแต่ชาติปางก่อนจนถึงปัจจุบันชาติ เคราะห์ จึงเป็นเสมือนสัญญาณเตือนล่วงหน้า ให้เราได้ตระหนักว่า เรากำลังบกพร่องเรื่องใดเรื่องหนึ่งในชีวิตอยู่ เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ถูกให้ควร ซึ่งหากเผลอเรอไม่มีการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการส่งสัญญาณเตือนที่หนักหรือรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือที่เรียกกันว่าเคราะห์หนัก อาจนำมาซึ่งความเสียหายสูงสุด แก้ไขอะไรอีกไม่ได้ก็เป็นได้ ดังนั้นคำว่าเคราะห์จึงหมายถึง ความไม่ดี ความอัปมงคล และความหายนะทั้งปวง มาพร้อมคำว่าสะเดาะเคราะห์ ซึ่งก็คือ วิธีการหนึ่ง ๆ ในการช่วยบรรเทาสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ให้ทุเลาลง ทำให้หลุดพ้นจากสิ่งไม่ดีต่าง ๆ
เลือกแผนประกันสุขภาพที่คุณสนใจ
จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังมีเคราะห์?
บุคคลที่กำลังมีเคราะห์ที่เกิดมาจากกรรมทั้งดีและไม่ดีที่เคยได้กระทำไว้ ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ มักจะแสดงอาการหรือความผิดปกติบางอย่างออกมา เป็นเสมือนสัญญาณเตือนว่าเคราะห์ร้ายกำลังจะมาเยือนเราแล้ว! สังเกตุได้ง่าย ๆ เช่น
- หน้าตาหมองคล้ำไม่สดใส ปลายจมูกคล้ำ ตาขาวไม่สดใสสีขุ่นมัว
- ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะเกิดแต่ปัญหาอุปสรรคไม่จบไม่สิ้น
- ไร้สติ เหม่อลอย ไม่มีสมาธิหรือไม่มีกระจิตกระใจในการกระทำสิ่งใด ใจคอไม่ค่อยดี
- มีสัญญาณเตือนต่าง ๆ เกิดขึ้นบอกลางร้ายเป็นนัย ๆ เช่น จิ้งจกร้องทัก นกอุจาระรดศรีษะ หรือมีอาการตาเขม่น ตากระตุกแบบผิดปกติ
และหากอาการเหล่านี้เริ่มหนักขึ้นจนคนอื่น ๆ รอบข้างสังเกตเห็นได้ถึงความผิดแปลกไปจากปกติ นั่นเป็นสัญญาณเตือนขั้นสูงสุดว่าเราอาจจะกำลังเผชิญกับเคราะห์หนักเอาเรื่อง อาจมีผลถึงชีวิต จนจะต้องหาทางแก้ไขไม่ว่าจะเป็นการทำบุญ ไหว้พระ ประกอบกรรมดี อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรแต่ชาติปางก่อนที่เราเคยได้ก่อกรรมกันมา ไปจนถึงการทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา เพื่อเป็นการแก้เคล็ดเสมือนการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายหายไปกลายเป็นเรื่องดี มีแต่ความสุขในชีวิตนั่นเอง
การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา คืออะไร?
ที่จริงแล้วความหมายของคำว่า สะเดาะเคราะห์ อาจจะไม่ได้มีการแปลความอย่างตรงตัวแน่ชัด แต่มีที่มาจากรากศัพท์คำว่า สะเดาะ ซึ่งแปลว่า การทำให้หลุดออก การทำให้หมดสิ้นไปหรือเบาบางลง คำว่าสะเดาะเคราะห์ จึงมีความหมายโดยรวมว่า เป็นวิธีการหนึ่ง ๆ ในการช่วยบรรเทาสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้น ให้ทุเลาเบาบางลง ทำให้หลุดพ้นจากสิ่งไม่ดีต่าง ๆ หลุดพ้นจากอันตราย และก่อให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นตามมา
ส่วนคำว่าต่อชะตา หรือ สืบชะตา ก็คือ พิธีโบราณในการต่ออายุให้ยืดยาวต่อไป เป็นพิธีมงคลที่เชื่อว่าจะทำให้มีชีวิตสุขสบายปราศจากโรคภัยภยันตรายทั้งหลาย ชีวิตเจริญรุ่งเรืองสืบไป เป็นพิธีกรรมของชาวพุทธแถบเอเชียทั้งไทย จีน ไปจนถึงทิเบต โดยรูปแบบก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น ชาวไทยเชื้อสายจีน เรียกพิธีสืบชะตาต่ออายุนี้ว่า “พิธีแซกี” สำหรับพิธีการต่อชะตาหรือสืบชะตานี้ ถือเป็นการสะเดาะเคราะห์ แก้เคล็ดให้พ้นเคราะห์ทั้งปวง
การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาด้วยการบังสุกุลเป็น บังสุกุลตาย ทำอย่างไร?
การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาด้วยการบังสุกุลเป็น บังสุกุลตาย หรือเรียกอีกอย่างว่า “พิธีบังสุกุล” เป็นการทำบุญต่ออายุที่มักจะทำในช่วงที่กำลังมีเคราะห์ หรือถึงคราวเคราะห์ อย่างเช่น ช่วงวัยเบญจเพศ ที่มีความเชื่อว่าเป็นช่วงวัยที่มักจะมีเคราะห์หนัก เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต คำว่าบังสุกุล มีที่มาจากภาษบาลีที่มีความหมายว่า ผ้าเปื้อนฝุ่น เป็นคำที่ใช้ในการเรียกผ้าที่พระภิกษุชักจากศพ หรือผ้าที่ทอดไว้หน้าศพ เรียกว่า บังสุกุลตาย ส่วนคำว่า บังสุกุลเป็น จะเป็นคำเรียกวิธีการบังสุกุลให้แก่คนที่ยังไม่ตาย หรือคนที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง
การสะเดาะเคราะห์ด้วยการบังสุกุลเป็น ถือเป็นพิธีการบังสุกุลที่ถูกนำมาใช้เป็นกรณีพิเศษกับคนที่กำลังมีเคราะห์หนัก หรือป่วยหนัก เพื่อเป็นการแก้เคล็ด แก้เคราะห์ เปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดี ปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากตัว
โดยพิธีการสะเดาะเคราะห์ด้วยการบังสุกุลเป็น จะประกอบพิธีด้วยพระสงฆ์ ทำตามขั้นตอน ดังนี้
- ให้บุคคลผู้ที่ต้องการทำพิธีลงไปนอนหงายในโลงศพ พร้อมประนมมือ หันศีรษะไปทางทิศตะวันตก ในลักษณะคล้ายคนตาย
- จากนั้นจะใช้ผ้าขาวที่เปรียบเสมือนเป็นผ้าคลุมศพมาห่มตัวผู้สะเดาะเคราะห์ไว้ทั้งตัว
- พระสงฆ์จำนวน 4 รูป จะเริ่มทำพิธีโดยการจับชายผ้าที่ผูกด้วยสายสิญจน์ สวดบทบังสุกุลตาย “อะนิจจา วะตะ สังขารา อุปปาทะวะยะธัมมิโน อุปปัชชิตฺวา นิรุชฌันติ เตสัง วูปะสะโม สุโขฯ สัพเพ สัตตา มะรัน ติจะ มะริงสุ จะ มะริสสะเร ตะเถวาหัง มะริสสามิ นัตถิ เม เอตถะสังสะโยฯ” เสมือนผู้สะเดาะเคราะห์ได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว
- หลังจากพระสงฆ์สวดบทบังสุกุลตายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะให้ผู้สะเดาะเคราะห์เปลี่ยนทิศนอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันออก
- จากนั้นพระสงฆ์จะเริ่มสวดบทบังสุกุลเป็น “อะจิรัง วะตะยัง กาโย ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโน นิรัตถังวะ กะลิงคะลังฯ” เสมือนได้เปลี่ยนชีวิตใหม่ ล้างสิ่งอัปมงคลทั้งหลาย
- เมื่อสวดบทบังสุกุลเป็นเสร็จ พระสงฆ์ก็จะให้ศีล ให้พร ประพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการสะเดาะเคราะห์
ส่วนโลงศพที่นำมาประกอบพิธีก็จะมีการนำไปเผาหรือฌาปณกิจ เพื่อให้สิ่งชั่วร้ายไม่ดีมอดไหม้ไปกับกองเพลิง และผู้สะเดาะเคราะห์ที่เข้าร่วมพิธีบังสุกุลเป็น บังสุกุลตายทุกคน ก็จะต้องไปทำบุญปล่อยปลาหน้าเขียง เพื่อไถ่ชีวิตสัตว์เสมือนเป็นการทำบุญใหญ่ต่ออายุให้ตนเอง
การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาด้วยการนอนโลงศพ บังสุกุลเป็น บังสุกุลตายนี้เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งที่นอกจะเป็นการสะเดาะเคราะห์แล้ว ยังสื่อให้ผู้สะเดาะเคราะห์ตระหนักรู้ถึงสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ทุกคนว่าไม่มีผู้ใดสามารถหนีพ้นไปจากความตายได้ การประกอบพิธีนี้จึงเป็นเสมือนการซ้อมตายก่อนความตายจริง ๆ จะมาเยือน
การสะเดาะเคราะห์ด้วยวิธีอื่น ๆ
นอกจากวิธีการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาด้วยการนอนโลงศพ ทำพิธีบังสุกุลเป็น บังสุกุลตายแล้ว ก็ยังมีการสะเดาะเคราะห์ แก้เคล็ดด้วยวิธีการอื่น ๆ ที่สามารถทำได้อีกหลายหลายวิธี โดยเริ่มจากวิธีที่ง่ายที่สุดที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง ประกอบพิธีได้ด้วยตนเอง ไปจนถึงให้พระภิกษุสงฆ์เป็นผู้ประกอบพิธี อย่างเช่น
- ถวายเครื่องสังฆทาน พร้อมผ้าไตรจีวร ต่อเนื่องกันทุกเดือน
การถวายสังฆทาน พร้อมผ้าไตรจีวรแก่พระภิกษุสงฆ์ ในทางพระพุทธศาสนา เปรียบเสมือนเป็นการช่วยให้พระสงฆ์ใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย ไม่มีอันตราย อานิสงฆ์จากการถวายนี้จะช่วยขจัดความยากลำบาก และความยากจนแสนเข็ญ เคราะห์กรรมใดๆที่มีอยู่จะทุเลาเบาบางลง
- ไถ่ชีวิตสัตว์
การไถ่ชีวิตสัตว์ใหญ่ อย่าง โค กระบือ หรือสัตว์เล็กทั่วไปที่กำลังชะตาขาด เช่น ปลา แล้วอุทิศผลบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร เปรียบเสมือนเราได้ช่วยชีวิตสัตว์โลกให้ได้มีชีวิตใหม่ที่ดี รอดพ้นจากความตาย อานิสงฆ์ผลบุญนี้จะช่วยทำให้ชีวิตของเราหลุดพ้นจากสิ่งชั่วร้ายเหมือนได้มีชีวิตใหม่เหมือนกันชีวิตสัตว์ที่เราได้ไถ่ชีวิต
- ถือศีลกินเจ ละเว้นเนื้อสัตว์ กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล
เป็นการแก้เคล็ดสะเดาะเคราะห์ที่ละเว้นการพรากชีวิตสรรพสัตว์ร่วมโลกทั้งหลาย ถือเป็นบุญกุศลใหญ่ที่เราสามารถกรวดน้ำอุทิศผลบุญที่ได้จากการละเว้นการพรากชีวิตผู้อื่นให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่นำพาเคราะห์ร้ายมาสู่เรา
- การบวชเป็นเพศบรรพชิต
การบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์รักษาศีล 227 ข้อ ถือเป็นการอุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนาในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้อยู่ต่อสืบไป ผู้ที่บวชเป็นเพศบรรพชิตจึงเปรียบเสมือนได้รับผลบุญใหญ่ที่ได้ทำให้พระพุทธศาสนายังคงอยู่ เชื่อกันว่าชายผ้าเหลืองจะทำให้ชีวิตมีแต่ความเจริญ หลุดพ้นจากมารผจญและเคราะห์ภัยทั้งปวง
- สวดภาณยักษ์
การสวดภาณยักษ์ หรือ บทอาฏานาฏิยปริตรตัง เป็นพิธีที่มีความเชื่อกันว่าสามารถขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และปกป้องคุ้มครองผู้สวดให้อยู่ดีมีสุข เนื้อความที่นำมาสวดมาจากบทอาฏานาฏิยสูตร ที่กล่าวถึงเหตุการณ์การเข้าเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา และผู้ดูแลปกครองยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ และนาค ผู้ที่เข้าพิธีสวดบทภาณยักษ์จะช่วยปัดความรังควาน เสนียดจัญไรต่าง ๆ ให้พ้นจากตัว เป็นทางหนึ่งที่ช่วยแก้เคล็ดเสริมดวงชะตาให้รอดพ้นจากเคราะห์ร้ายได้
- อาบน้ำมนต์ 9 วัด
เป็นพิธีสะเดาะเคราะห์ที่ทำโดยพระสงฆ์ หรือผู้มีวิชาอาคม เพื่อชำระล้างเอาความไม่ดีทั้งปวงออกจากตัว โดยน้ำมนต์ที่ใช้จะต้องเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่รวบรวมมาจากวัด 9 แห่ง นำมาเทรวมกันแล้วนำมาตักอาบ ไล่เคราะห์ร้ายตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า โดยพระสงฆ์ หรือผู้มีวิชาอาคม
- ตัดผมลอยเคราะห์
เป็นพิธีสะเดาะเคราะห์อีกรูปแบบหนึ่งตามตำราพิชัยสงครามโบราณ เชื่อว่า หากใครที่กำลังดวงตก มีเคราะห์ เมื่อได้ทำพิธีนี้แล้ว ชีวิตจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น พิธีประกอบพิธีโดยพระสงฆ์ เริ่มจากผู้สะเดาะเคราะห์นำเครื่องบูชาไปถวายแก่พระสงฆ์ เพื่อเป็นการขออโหสิกรรมแก่เจ้ากรรมนายเวร จากนั้นพระสงฆ์จะทำการสวดพระคาถา และหักดอกบัวให้ผู้สะเดาะเคราะห์ถือไว้ สวดพระคาถาพร้อมตัดผมผู้สะเดาะเคราะห์ แล้วนำผมใส่ดอกบัวไปลอยในแม่น้ำเพื่อสะเดาะเคราะห์ให้สิ่งชั่วร้ายหลุดพ้นไปลอยไปกับแม่น้ำ
และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการแก้เคล็ด เมื่อมีเคราะห์ ชีวิตสะดุดไม่ราบรื่น ที่น้องแคร์รวบรวมนำมาฝากทุก ๆ คน ซึ่งน้องแคร์ก็ไม่สามารถที่จะรับรองได้ว่า หากทำพิธีสะเดาะเคราะห์ตามวิธีต่าง ๆ ที่นำมาฝากนี้แล้วจะสามารถช่วยทำให้ชีวิตพลิกผันจากร้ายกลายเป็นดีได้จริง ๆ หรือไม่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละท่านว่าจะพิจารณาเรื่องพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตานี้เป็นอย่างไร
แต่วิธีแก้เคล็ดที่น้องแคร์สามารถคอนเฟิร์มได้ว่า หากชีวิตของคุณบังเอิญจะต้องประสบกับเคราะห์ร้ายใด ๆ ก็ตาม คุณจะยังสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่มีผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น นั่นก็คือ การซื้อประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันสุขภาพไว้ติดตัว เป็นการแก้เคล็ดโดยการเตรียมความพร้อมกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เราไม่สามารถล่วงรู้ได้ในอนาคต วิธีการนี้คือวิธีการแก้เคล็ดที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้มากที่สุด เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีเหตุทำให้คุณจะต้องบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วย เมื่อนั้นประกันต่าง ๆ ที่คุณมีอยู่ ก็จะสามารถช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาลงได้ ในรูปแบบความคุ้มครองหรือเงินชดเชยจากการเกิดเหตุร้ายไม่คาดฝัน ทำให้คุณหรือคนที่คุณรักยังสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัด เปรียบเสมือนเคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้นได้ผ่านพ้นไปด้วยดีแล้วนั่นเอง เริ่มต้นแก้เคล็ดวันนี้ที่แรบบิท แคร์!
บทความสายมูน่าอ่าน
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี
