ดูแลรถยนต์หลังน้ำท่วมด้วยเคล็ดลับง่ายๆ
ช่วงนี้หน้าฝนแล้วเตรียมตัวรับมือกับภาวะน้ำท่วมขังระบายไม่ทันกันบ้างหรือยังคะ ถ้าใครยังไม่คิดละก็ คิดกันได้แล้วนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้เส้นทางไหนก็เสี่ยงน้ำท่วมขังด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมงานเองนี่ผ่านประสบการณ์มาอย่างช่ำชองเลยล่ะค่ะ เนื่องจากบ้านนั้นเป็นบ้านเก่าอยู่หมู่บ้านดังแถวลาดพร้าว (แต่เดี๋ยวนี้เขาดีขึ้นแล้วนะ ไม่ท่วมหนักเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะ)
ก่อนจะดูแลหลังจากน้ำท่วมรถยนต์ คุณควรดำเนินการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการน้ำท่วมตรงหน้าคุณ ดังนี้
- หยุดใช้งานทันที: หากรถยนต์ของคุณอยู่ในสภาวะน้ำท่วม หยุดใช้งานทันทีและปิดสวิตช์สตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อป้องกันการเสียหายจากการใช้งานรถยนต์ในสภาวะน้ำท่วมขัง
- ถอดแบตเตอรี่: ถอดสายบวกและลบของแบตเตอรี่เพื่อป้องกันการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้าและความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าของรถยนต์
- ไม่เร่งเครื่องยนต์: อย่าพยายามเร่งเครื่องยนต์ในสภาวะน้ำท่วม เนื่องจากน้ำที่เข้าสู่ระบบเชื้อเพลิงอาจทำให้เกิดความเสียหายและไม่ปลอดภัย
- รีบแจ้งประกันภัย: หากรถยนต์ของคุณได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม คุณควรรีบแจ้งบริษัทประกันภัยเพื่อเริ่มกระบวนการส่งซ่อมและค่าเสียหาย
มาดูกันดีกว่าว่า ถ้าหากเราหลีกเลี่ยงการขับรถลุยน้ำไม่ได้ เราจะมีวิธีการดูแลรักษารถยนต์หลังรับศึกน้ำท่วมได้อย่างไร วันนี้ทีมงานได้เตรียมข้อมูลดี ๆ มาให้ทุกท่านได้ทราบกันแล้ว
วิธีการดูแลรถยนต์หลังน้ำท่วม
- เวลาที่เราลุยน้ำท่วม เราไม่มีทางที่จะทราบเลยใช่ไหมคะว่า ถนนที่เราขับลุยฝ่าไปนั้นมีใบไม้ เศษหญ้า ขยะ ถุงพลาสติก หรือเศษหินดินทรายบ้างหรือเปล่า ดังนั้น หลังจากที่เราลุยน้ำกันมาแล้ว แนะนำให้นำรถยนต์ไปล้างให้สะอาดค่ะ เพื่อจะได้กำจัดเอาสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่ตามท้องรถ หรือล้อรถออกไปถ้าหากเศษเหล่านี้เข้าไปติดอยู่ในเบรกละก็ อาจทำให้เบรกเกิดความชื้น ส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันเบรกค่ะที่อาจจะเสื่อมคุณภาพเอาได้ง่าย ๆ ซึ่งอาจเกิดอันตรายตามมาภายหลัง
- ลูกปืนล้อ คือหนึ่งในชุดล้อรถยนต์ที่ช่วยทำให้ล้อรถยนต์นั้นสามารถหมุนได้อย่างอิสระ ซึ่งภายในของลูกปืนจะมีจาระบีคอยหล่อลื่นอยู่ ดังนั้น การที่รถยนต์ของเราไปลุยน้ำท่วมก็อาจส่งผลทำให้น้ำมันหล่อลื่นที่ว่านี้เสื่อมคุณภาพ หรือละลายไปกับสายน้ำได้ จึงเป็นต้นเหตุของอาการลูกปืนดัง หรืออาจทำให้ลูกปืนล้อแตก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นได้นั่นเอง
- ตรวจสอบพื้นพรมภายในรถก่อนเลยค่ะว่ามีน้ำซึม หรือเปียกชื้นบ้างหรือไม่ เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นอาจเป็นบ่อเกิดของเชื้อรา ซึ่งนำไปสู่โรคต่าง ๆ ได้ เจ้าของรถควรถอดไปซักล้างให้สะอาด แล้วตากแดดให้แห้งสนิทก่อนนำมาเก็บเข้าที่เดิม
- ถ้าหากน้ำที่เราลุยผ่านมานั้นท่วมสูงถึงขนาดมิดใต้ท้องรถละก็ ห้ามมองข้ามโดยเด็ดขาดนะคะ เพราะความเสี่ยงที่จะทำให้เพลาและเฟืองท้ายมีปัญหานั้นมีสูง ยกตัวอย่างเช่น ยางหุ้มเพลาเสื่อมฉีกขาด ส่งผลทำให้น้ำเข้าและชะล้างจาระบีที่มีอยู่ออกไปได้ง่ายด้วยเช่นกัน
- อีกหนึ่งเรื่องที่เราต้องทราบกันก็คือ ระบบปรับอากาศภายในรถยนต์ หลายครั้งที่การลุยน้ำท่วมส่งผลทำให้รถยนต์ของเรานั้นมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ติดอยู่ ยกตัวอย่างเช่น กลิ่นเหม็นอับชื้น หรือกลิ่นเหม็นสาบ เป็นต้น อาจจะให้วิธีนำรถยนต์ไปล้างอัดฉีดที่ร้าน หรือจะลองเปิดประตูรถให้อากาศถ่ายเท แล้วใช้สเปรย์ดับกลิ่นช่วยก็ได้นะคะ
- สิ่งสุดท้ายที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือน้ำมันเครื่อง หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เพิ่งไปลุยน้ำท่วมสูงมา หรือลุยบ่อย ๆ ละก็ แนะนำให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องกันเสียแต่เนิ่น ๆ เพราะถ้าหากน้ำแอบเล็ดลอดเข้าไปในเครื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้าไปในส่วนของน้ำมันเครื่องละก็ บอกเลยว่า นอกจากรถยนต์จะได้รับความเสียหายแล้ว โอกาสที่จะเสียทรัพย์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ทราบแบบนี้แล้ว อย่าลืมช่วยกันยืดอายุการใช้งานรถยนต์ของเราด้วยการดูแลเขาให้ดีกันนะคะ หรือถ้าหากใครไม่มั่นใจโดยเฉพาะคุณผู้หญิงละก็ การนำรถเข้าไปตรวจสภาพรถยนต์ที่ศูนย์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเช่นกัน
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี