รู้จักสินทรัพย์หมุนเวียน เพื่อสร้างสภาพคล่องทางการเงินให้ธุรกิจของคุณ!
การที่เราจะตัดสินสภาพการเงินของบริษัทสักแห่งหนึ่ง เราไม่สามารถดูเพียงว่าบริษัทนั้น ๆ มีสินทรัพย์เท่าไหร่เท่านั้น หากแต่จะต้องดูสภาพคล่องทางการเงิน เช่นสินทรัพย์ที่บริษัทนั้น ๆ ถือครองอยู่ สามารถผันเปลี่ยนเป็นเงินได้มากน้อยขนาดไหน นั่นคือสามารถว่าทำไม่สินทรัพย์หมุนเวียนจึงสำคัญมาก ๆ สำหรับบริษัท มีหลากหลายประเภท และสามารถนำไปต่อยอดคิดค่าตัวเลขที่สำคัญมาก ๆ ต่อไป สินทรัพย์หมุนเวียน จึงเป็นอีกหนึ่งข้อที่มองข้ามไม่ได้เลยสำหรับบริษัท และนักลงทุนทุกคน !
สินทรัพย์หมุนเวียน คือ
สินทรัพย์หมุนเวียน (Current Asset) คือสินทรัพย์สภาพคล่องที่บริษัทสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราได้รวดเร็วภายใน 1 ปีหรือน้อยกว่านั้น พร้อมกับเมื่อปรับเปลี่ยนเป็นเงินแล้วจะไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงในเชิงมูลค่าเท่าไหร่ ซึ่งแต่ละบริษัท จะสามารถตรวจสอบได้ภายในบัญชีดุลการค้า ระบุจำนวนสินทรัพย์หมุนเวียน และหนี้สิน
สินทรัพย์หมุนเวียน มีอะไรบ้าง
หากจะให้จำแนกสินทรัพย์หมุนเวียนอย่างละเอียด จะมีเยอะมาก ๆ เพราะในแต่ละธุรกิจก็จะแตกต่างกันออกไป ฉะนั้นส่วนมากบริษัทจะจับกลุ่มทรัพย์สินหมุนเวียนไว้เป็นหัวข้อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจของแต่ละอุตสาหกรรม
เงินสด พันธบัตร หรือบัตรเงินสดอื่น ๆ (Cash / Cash Equivalent)
สินทรัพย์หมุนเวียนในรูปแบบที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือเงินสด หรือเรียกได้ว่ามีความหมุนเวียนมากที่สุด เพราะเป็นเงินที่สามารถตีความมูลค่า และนำไปใช้ต่อได้เลยในทันที โดยสินทรัพย์หมุนเวียนรูปแบบอื่น ๆ ก็จะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงินได้ด้วย ซึ่งเงินอาจอยู่ในรูปแบบธนบัตร หรือเหรียญ เงินในบัญชี เงินในกองทุนรวมบริษัท พันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้เป็นต้น
หลักทรัพย์ (Marketable Securities)
หลักทรัพย์ของบริษัท สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ แต่ก็จะต้องมีข้อแม้ เพราะในกรณีของบางบริษัทที่หากนำหลักทรัพย์มาแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดแล้ว มูลค่าของบริษัทตกลง ในกรณีนี้หลักทรัพย์จะไม่ถือว่าเป็นสินทรัพย์หมุนเวียน แต่โดยทั่วไปแล้วก็จะสามารถนับรวมได้ว่าเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนได้
ลูกหนี้การค้า (Accounts Receivable)
บางครั้งหลักทรัพย์ของบริษัทก็จะอยู่ในรูปแบบของเงินค้างจำหน่ายของลูกค้า หรือคู่ค้า เช่นลูกค้าซื้อบริการของเรา โดยยังจ่ายค่าสินค้า หรือบริการไม่ครบ สิ่งนี้จะถูกเรียกว่าหนี้การค้า (Account Recievable) แต่ก็จะมีบางกรณีที่หนี้การค้ามีอายุเกินปี เช่นโปรเจ็คใหญ่ ๆ ที่กินเวลาเป็นปี ค่าจ้างทั้งหมดอาจไม่สามารถจ่ายใน 1 ปี ฉะนั้นอาจยังไม่ต้องระบุหนี้การค้าลงในสินทรัพย์
สินค้าคงคลัง (Inventory)
สินค้าที่ค้างอยู่ในคลังในรูปแบบของวัตถุดิบ ชิ้นส่วน หรือสินค้าที่สามารถค้าขายออกได้ภายใน 1 ปี ก็สามารถตีความได้ว่าเป็นทรัพย์สินหมุนเวียน แต่จะต้องคำนึงด้วยว่าสินค้าคงคลังนั้น ๆ เป็นสินค้าที่มีสภาพคล่องทางการค้ามากน้อยขนาดไหน เช่นหากเป็นสินค้าราคาสูงเช่นรถขุดเจาะ หรือเครื่อง 3D Printer ก็อาจไม่สามารถขายได้ภายใน 1 ปี และไม่ถือว่าเป็นสินทรัพย์หมุนเวียน แต่หากเป็นน้ำมัน หรือเส้นใยสำหรับทำเสื้อ ที่อย่างไรก็ขายได้ และจำเป็น ก็อาจถือว่าเป็นทรัพย์สินหมุนเวียนได้
ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า (Prepaid Liabilities)
คือค่าใช้จ่ายที่ลงทุนไปกับสินค้า หรือบริการในอนาคต ซึ่งควรจะได้ แต่ยังไม่ได้ ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายเช่น ค่าประกันของพนักงาน ไปจนถึงค่าที่ ค่าออฟฟิศใหม่ในกรณีของบริษัทที่วางแผนจะย้ายที่ประกอบการทำงาน เป็นต้น
สินทรัพย์หมุนเวียน vs สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
ต่อไปเราลองมาเปรียบเทียบสินทรัพย์หมุนเวียน กับไม่หมุนเวียนกันก่อนดีกว่า โดยหากจะให้เข้าใจง่ายที่สุด สินทรัพย์หมุนเวียน สามารถซื้อขายออกได้รวดเร็วภายใน 1 ปี หากแต่สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนไม่สามารถขายได้ง่ายภายในระยะ 1 ปี แต่ก็อาจจะมีสินค้าบางอย่างที่คาบเกี่ยวกัน เป็นได้ทั้งหมุนเวียน และไม่หมุนเวียน เช่นหลักทรัพย์ และสินค้าคงคลัง
แต่โดยทั่วไปแล้วสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนจะจัดในกลุ่มเช่น ที่ดิน ต้นไม้ ตึก โรงงาน อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบงานต่าง ๆ ซึ่งจะไม่ขายง่ายเท่ากับทรัพย์สินหมุนเวียน พร้อมกับเป็นสินทรัพย์ที่เสื่อมสภาพ เสื่อมราคาได้ ฉะนั้นสินทรัพย์หมุนเวียนจึงจะถูกตีราคาที่ราคาต้นในการซื้อ ในขณะเดียวกันสินทรัพย์หมุนเวียนก็จะถูกตีราคาตามราคาตลาด เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ไม่เสื่อมสภาพนั่นเอง
สินทรัพย์หมุนเวียน มีประโยชน์อย่างไร ?
ตัวเลขสินทรัพย์หมุนเวียน เป็นอีกหนึ่งตัวเลขที่สำคัญมาก ๆ เพราะเป็นเหมือนกับตัวเลขตั้งต้น ที่สามารถนำไปใช้คำนวณดัชนีต่าง ๆ ที่สามารถชี้วัดดุลการเงิน สภาวะคล่องตัวทางการเงิน และค่าอื่น ๆ อีกมากมาย
ใช้หาอัตราส่วนภาพคล่อง (Current Ratio)
อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) = สินทรัพย์หมุนเวียน (CA) / หนี้สินหมุนเวียน (CL)
อัตราส่วนสภาพคล่อง บ่งบอกว่าบริษัทนั้น ๆ มีสภาพคล่องขนาดไหน เช่นหากไม่คล่องแสดงว่าบริษัทมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินหมุนเวียน โดยยิ่งตัวเลขเยอะ (เกิน 1 มาเยอะ ๆ) แสดงว่าความคล่องต่ำ แต่หากตัวเลขน้อย หมายถึงความคล่องสูง มีสินทรัพย์มากกว่าหนี้ และเป็นสินทรัพย์ที่เปลี่ยนเป็นเงินได้ง่าย
หาอัตราส่วนทุนหมุนเวียนเร็ว (Quick Ratio)
อัตราส่วนทุนหมุนเวียนเร็ว (Quick Ratio) = (สินทรัพย์หมุนเวียน - สินค้าคงคลัง) / หนี้สินหมุนเวียน
เป็นการคำนวณสภาพคล่อง (Current Ratio) โดยไม่คิดรวมสินค้าคงคลัง เพื่อที่จะนับดูที่เม็ดเงินจริง ๆ ไปเลยว่าหาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนแล้วบริษัทมีความคล่องเท่าไหร่ ซึ่งทางด้านการบัญชีแล้วเป็นการคิดสภาพคล่องที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเพราะเน้นไปที่เงินได้ของบริษัทโดยตรงเลย หรือใช้ในกรณีที่สินค้าในคลังมีความฝืดเคือง ขายออกยาก เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีค่าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์หมุนเวียน เช่น อัตราส่วนเงินสด, อัตราหมุนเวียนของลูกหนี้, อัตราหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ, อัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์รวม, อัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์ถาวร และอื่น ๆ อีกมากมาย
วิธีการเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ
จะเห็นว่าสินทรัพย์หมุนเวียน มีผลอย่างมากกับสภาพคล่องการเงินของธุรกิจ โดยเฉพาะในกรณีของธุรกิจขนาดเล็ก และกลาง (SME) ซึ่งบริษัทที่มีสภาพคล่องทางการเงิน แน่นอนว่าจะนำมาซึ่งโอกาสในการเติบโตขยายกิจการให้ใหญ่โตมากขึ้น พร้อมกับสะท้อนว่ากิจการไปได้ด้วยดี สินทรัพย์หมุนเวียนมีมากกว่าหนี้สิน มาดูกันเลยว่าหากบริษัทอยากจะมีความคล่องการเงิน ต้องใส่ใจอะไรบ้าง
ทำงบประมาณการเงินให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
อันนี้อาจเป็นกฎเหล็กสำหรับบริษัททุกบริษัท แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทขนาดเล็ก ที่กำไรอาจไม่เยอะ และมีกฎแบบหลวม ๆ บางครั้งใช้เงินบริษัท จ่ายของเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วไม่รวมไว้ในบัญชี พอมารู้ตัวอีกทีรายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจสะสมจนทำให้บัญชีผิดเพี้ยน จากที่ดูเหมือนดุลการค้าดี กลับกลายเป็นมีความฝืดเคืองทางการเงินซะงั้น เพราะฉะนั้นความละเอียดในการทำงบประมาณจึงเป็นดั่งจุดที่คอยเตือนเจ้าของกิจการให้มีความระมัดระวังทางการเงินมากขึ้น
ตรวจสถานะเงินสดของกิจการเป็นประจำ
การตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพจะต้องนำสถานะการเงินปัจจุบัน ไปเทียบกับอดีต ไปเทียบกับ Benchmark ที่อยากได้ในอนาคต และวิเคราะห์ว่ามีเงินส่วนใดรั่วไหลออกไป หรือเราลงทุนไปกับสินไหน แล้วไม่ได้สร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น ดูสินทรัพย์หมุนเวียนว่ามีเท่าไหร่ หากอยากให้เพิ่มขึ้นต้องตัดหนี้ตรงไหนออก หรือลงทุนตรงจุดใดเพิ่ม
หา Supplier ที่ให้ราคาต่ำ และทำสัญญาระยะยาว
หากธุรกิจของคุณต้องพึ่งพาวัสดุ หรือวัตถุดิบตั้งต้น ให้หาเจ้าที่ให้ราคา และข้อเสนอที่ถูกที่สุด พร้อมสินค้าที่มีคุณภาพ หรือมีเครดิตเสริม โปรโมชั่นพิเศษ และให้สร้างความสัมพันธ์กับ Supplier เพื่อจะได้เป็นคู่ค้าแบบระยะยาว เพราะนอกจากจะได้ต้นทุนที่ถูกลง ยังง่ายในการทำงบทุกเดือน และสามารถคาดการณ์สินทรัพย์หมุนเวียนของบริษัทในแต่ละมาตราได้อีกด้วย
พยายามลดปริมาณสินค้าคงคลังลง
อีกหนึ่งเหตุผลที่บริษัทไม่ค่อยมีความคล่องตัวทางการเงินก็เพราะเงินอาจไปจมกับสินค้าคงคลัง ซึ่งหากเป็นสินค้าจำเป็น ที่มีคู่ค้าแน่นอนอยู่แล้ว ก็อาจไม่ได้เป็นปัญหา แต่หากเป็นสินค้าที่สามารถเสื่อมสภาพ และไม่ได้ขายออกง่ายขนาดนั้น เช่นรถจักร หรือเฟอร์นิเจอร์ การมีสินค้าค้างคลังมากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้
สำรองเงินสดไว้ให้เพียงพอ ไม่ลงทุนเกินตัว
บริษัทขนาดกลาง และเล็กบางบริษัทตกหลุมพลาง พอได้เงินสดมาจำนวนหนึ่งจะเกิดความรู้สึกต้องการขยาย เช่นหากเป็นร้านอาหารก็จะขยายสาขา โรงงานก็จะขยายแหล่งผลิตใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าเราสามารถขยายกิจการได้ แต่จะต้องมีเงินสด หรือต้องมีสินทรัพย์หมุนเวียนในบริษัทเยอะเพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ เพราะต้องจำไว้ว่าอย่างไรก็ตาม อาคาร หรือเครื่องมือการผลิต คือสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน การจะเปลี่ยนให้สินทรัพย์เหล่านั้นกลับมาเป็นเงิน ไม่ใช่เรื่องง่าย
เลือกลูกค้าที่มีคุณภาพ
แน่นอนว่าลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญของทุกธุรกิจ แต่ก็ต้องขอเน้นย้ำว่าลูกค้าก็จะต้องมีมาตรฐาน หรือเราจะต้องมีปฎิบัติการที่รัดกุม มีการเซ็นต์สัญญาที่ชัดเจน เพื่อรับมือกับกรณีที่ลูกค้าไม่ยอดจ่ายค่าบริการ หรือจ่ายช้า ซึ่งมีสิทธิ์ทำให้เกิดความฝืดเคืองทางก้านการเงินในบริษัทได้เลย
อ่านมาจนถึงตรงนี้หวังว่าทุกท่านคงจะได้รู้จักความหมายที่แท้จริงของสินทรัพย์หมุนเวียน และประโยชน์ต่อธุรกิจ โดยเฉพาะในการรักษาสภาพความคล่องทางการเงินของบริษัท ซึ่งสำหรับใครที่เริ่มมีธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงกลาง อยากได้เงินทุนไปต่อยอดธุรกิจ แนะนำสินเชื่อส่วนบุคคล สมัครง่าย วงเงินเยอะ ไม่ต้องค้ำประกัน คลิกเลย
ค้นหาสินเชื่อ
สินเชื่อที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ