Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้
ซื้อประกันชีวิตแบบออมทรัพย์

Passive Income คืออะไร ทำอย่างไรถึงจะมีเยอะ?

Passive Income คืออะไร?

Passive Income คือรายได้ที่เกิดขึ้นจากสินค้า บริการ การทำงานอื่น ๆ หรือการลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ โดยรายได้ประเภท Passive Income คือรายได้ที่สามารถสร้างรายรับกลับมาให้เราได้อย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญ รายได้ Passive Income เป็นรายได้ที่สามารถสร้างได้โดยที่ไม่ต้องใช้เวลาหรือการใช้แรงกายหรือแรงใจเหมือนกับรายได้ที่เราได้จากการทำงานหลัก หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Active Income” ผลตอบแทนที่ได้จาก Passive Income คือผลตอบแทนที่อยู่ในรูปแบบต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับว่ารายได้เหล่านั้นมาจากช่องทางใด เช่น รายได้ที่มาจากการขายลิขสิทธิ์ผลงาน รายได้ที่มาจากการให้เช่าสินค้าหรืออสังหาริมทรัพย์ รายได้ที่มาจากการลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ เป็นต้น Passive Income สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ Passive Income ที่มาจากการผลิตสินค้าและบริการ และ Passive Income ที่มาจากการลงทุน


Passive Income ที่มาจากการผลิตสินค้าและบริการ

Passive Income ประเภทนี้คือรายได้ที่มาจากการได้รับผลตอบแทนจากสินค้าหรือบริการที่เราเป็นผู้สร้าง คิดค้น และลงมือสร้างสรรค์ขึ้นมา ซึ่งสินค้าหรือบริการดังกล่าวเป็นสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคสามารถบริโภคได้ซ้ำ ๆ โดยที่เราไม่ต้องลงมือสร้างสรรค์สินค้าหรือบริการนั้น ๆ ใหม่ทั้งหมด หรือไม่ต้องใช้แรงกายหรือแรงใจกับสินค้าหรือบริการนั้น ๆ มากเท่าไรนัก ยกตัวอย่างเช่น ศิลปินเพลงวงหนึ่งสร้างสรรค์ผลงานเพลงออกมา 1 อัลบั้ม แล้วนำไปวางขายในช่องทางต่าง ๆ เช่น แอปพลิเคชันออนไลน์ต่าง ๆ ร้านขายเพลง เป็นต้น จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่า ผู้บริโภคสามารคซื้อเพลงที่วางขายในช่องทางต่าง ๆ ได้ รวมไปถึงปัจจุบันที่ค่ายเพลงต่าง ๆ มักจะนำเพลงของศิลปินไปเผยแพร่ในช่องทางออนไลน์เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถฟังเพลงของศิลปินนั้น ๆ ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แล้วช่องทางออนไลน์ก็จะนำรายได้ที่เกิดจากการเข้าชมหรือเข้าฟังเพลงของศิลปินส่งไปยังค่ายเพลงและศิลปินต่อไป อีกทั้ง หากมีผู้สนใจนำเพลงไปจัดแสดงตามงานคอนเสิร์ตต่าง ๆ ที่มีเรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง จะต้องทำการซื้อลิขสิทธิ์เพลงกับทางค่ายเพลงหรือศิลปินนั้น ๆ ตามแต่ตกลงกัน ดังนั้น ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า Passive Income ที่มาจากผลงานเพลง 1 อัลบั้มสามารถมีรายได้เข้ามาหลากหลายช่องทาง โดยที่ผู้ผลิต ในที่นี้คือศิลปิน ไม่จำเป็นที่จะต้องลงแรงกายหรือแรงใจเพื่อสร้างสรรค์ผลงานเดิมซ้ำ แต่สามารถมีรายได้จากช่องทางต่าง ๆ ที่มีการเผยแพร่ผลงานได้

อีกหนึ่งตัวอย่างของ Passive Income ที่มาจากการผลิตสินค้าและบริการของคือการให้เช่าพื้นที่หรือสินค้าต่าง ๆ เช่น เช่าห้องพัก เช่าคอนโด เช่ายืมกล้องถ่ายรูป เป็นต้น โดยเราจะต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น ๆ ก่อน จึงจะสามารถสร้าง Passive Income จากทรัพย์สินนั้น ๆ ได้ ในกรณีของการให้เช่าห้องพัก เราอาจจะต้องเป็นเจ้าของหอพักที่ลงทุนสร้างหอพักในสถานที่หนึ่ง แล้วให้บริการห้องพักในหอพักที่เราเป็นเจ้าของอยู่ โดยเราจะได้ค่าตอบแทนเป็นค่าเช่ารายเดือนหรือรายปี ขึ้นอยู่กับสัญญาที่ตกลงกันไว้กับผู้เช่า ในกรณีของการให้เช่าคอนโด เราจะต้องเป็นเจ้าของห้องในคอนโดก่อน แล้วทำการปล่อยเช่าให้กับผู้เช่ารายอื่นต่อไป Passive Income ที่มาจากการให้บริการเช่าต่าง ๆ จะต้องพิจารณาถึงค่าเสื่อมสภาพต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินนั้น ๆ ได้ หากเป็นทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์อย่างห้องพักหรือคอนโด จะต้องพิจารณาถึงสภาพภายในห้องพักที่อาจทรุดโทรมจากกาลเวลา หรือจากตัวผู้เช่าเอง จึงต้องหาวิธีที่ทำให้เราเสียค่าใช้จ่ายเพื่อบำรุงซ่อมแซมห้องพักหรือคอนโดให้น้อยที่สุด รวมไปถึงการให้เช่าทรัพย์สินที่เป็นสังหาริมทรัพย์ เช่น กล้องถ่ายรูป รถยนต์ ก็จะต้องพิจารณาถึงค่าเสื่อมสภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานต่าง ๆ จากผู้เช่า วิธีที่สามารถป้องกันค่าเสื่อมสภาพที่ได้ผลวิธีหนึ่ง คือการระบุไว้ในสัญญาว่าหากเกิดความเสียหายใด ๆ ที่เกิดมาจากตัวผู้เช่า ผู้เช่าจะต้องเป็นผู้ชดใช้และรับผิดชอบค่าเสียหายนั้น ๆ แต่ไม่รวมไปถึงค่าเสื่อมสภาพที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามลักษณะการใช้งานโดยปกติ


Passive Income ที่มาจากการลงทุน

Passive Income ประเภทนี้คือรายได้ที่มาจากการลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ หรือช่องทางการลงทุนต่าง ๆ เช่น การลงทุนด้วยการออมเงินในธนาคาร การลงทุนในประกันออมทรัพย์/ประกันสะสมทรัพย์ การลงทุนในตราสารหนี้และกองทุนรวมตราสารหนี้ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงหุ้นและกองทุนรวมหุ้น เป็นต้น โดยการสร้างรายได้ Passive Income จากการลงทุนมักจะต้องใช้เงินทุนค่อนข้างมาก ขึ้นอยู่กับว่าผู้ลงทุนจะต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนมากน้อยเพียงใด อีกทั้งผู้ลงทุนจะต้องพิจารณาความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในการลงทุนประเภทต่าง ๆ โดยการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อย อาจให้ผลตอบแทนกลับคืนมาไม่มากเท่าไรนัก ส่วนการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง อาจให้ผลตอบแทนกลับคืนมามาก แต่อาจต้องเสี่ยงว่าจะได้เงินลงทุนกลับมาเต็มจำนวนหรือไม่

วิธีสร้าง Passive Income

สร้าง Passive Income จากสินค้าและบริการ

ในปัจจุบัน มีวิธีการสร้าง Passive Income อยู่หลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ของแต่ละคน เราอาจเลือกสร้างสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ที่สามารถให้ผลตอบแทนเราอย่างสม่ำเสมอได้ เช่น ผลิตผลงานประเภทหนังสือ รูปถ่ายที่เผยแพร่ในช่องทางดิจิตอล ผลงานเพลง รวมไปถึงการขายลิขสิทธิ์ผลงานต่าง ๆ หรือเราอาจเลือกเป็นผู้ให้บริการต่าง ๆ เช่น ให้บริการเช่าห้องพัก ให้บริการเช่าคอนโด รวมไปถึงบริการเช่าสินค้าอื่น ๆ ก็สามารถทำได แต่จะต้องแน่ใจว่าสินค้าหรือบริการที่มาจากเราจะดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการกับเราได้ตลอด หลาย ๆ คนจึงเลือกอีกหนึ่งวิธีที่สามารถสร้าง Passive Income ได้ นั่นคือการสร้าง Passive Income ที่มาจากการลงทุน


สร้าง Passive Income จากการลงทุน

ในด้านของการลงทุนเพื่อ Passive Income แล้ว มีช่องทางการลงทุนมากมายที่สามารถนำผลตอบแทนกลับมาให้เราได้ การนำเงินไปฝากธนาคารเพื่อได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยเป็นวิธีการสร้าง Passive Income ได้ และมีความเสี่ยงต่ำที่สุด เพราะไม่มีทางที่เงินลงทุนของเราจะหายไปได้ แต่ก็เป็นวิธีที่ได้รับผลตอบแทนน้อยที่สุดเช่นกัน เพราะในปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารส่วนใหญ่โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 0.5% ต่อปีเท่านั้น หมายความว่า หากเราฝากเงินไว้ในธนาคาร 100 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปี จะได้ดอกเบี้ยเพียงแค่ 50 สตางค์เท่านั้น

หรือหากต้องการนำเงินไปลงทุนในช่องทางอื่น ๆ เช่น ตราสารหนี้และกองทุนรวมตราสารหนี้ ก็จะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมาจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร หากเป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชน หรือหุ้นกู้ โดยเฉลี่ยแล้ว อัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้จะอยู่ที่ 2-7% ขึ้นอยู่กับประกาศของแต่ละบริษัท ทั้งนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชนจะมีความเสี่ยงที่สูงขึ้น เพราะขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการภายในองค์กรนั้น ๆ ว่าสามารถทำกำไรจากธุรกิจตนเองได้มากน้อยเท่าไร และถ้าหากต้องการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำลงมา สามารถเลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล หน่วยงานรัฐ และรัฐวิสาหกิจได้

สำหรับผู้ที่ต้องการผลกำไรที่สูงขึ้นมากกว่านั้น อาจพิจารณาลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมหุ้นได้ ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ แต่ก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่มากขึ้นเช่นกัน โดยการลงทุนในหุ้นจะต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ในตลาดหุ้นพอสมควร เพราะต้องวิเคราะห์และคาดการณ์แนวโน้มที่มูลค่าหุ้นของแต่ละบริษัทจะขึ้นหรือจะลงด้วย ทั้งนี้ เราสามารถศึกษาการลงทุนในหุ้นได้จากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีหลักสูตรต่าง ๆ ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น และวิธีการซื้อหุ้นต่าง ๆ ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับหลักสูตรเหล่านี้ หากสนใจเกี่ยวกับการสร้าง Passive Income จากการลงทุนในหุ้น สามารถศึกษาตามหลักสูตรต่าง ๆ โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่นับเป็นตัวเลือกที่ดีมากทางหนึ่งในการสร้าง Passive Income คือการเลือกซื้อประกันสะสมทรัพย์ ซึ่งจะได้รับความคุ้มค่ามากถึง 3 ต่อด้วยกัน คือ

  • ได้รับความคุ้มครองเหมือนการซื้อประกันชีวิต
  • เป็นเหมือนการออมเงินที่จะได้รับทุนประกันคืนเมื่อเก็บออมเงินจนถึงจำนวนที่ได้เลือกไว้
  • ได้รับดอกเบี้ยที่ทางบริษัทประกันจะมอบให้ ซึ่งในส่วนนี้สามารถเลือกได้ว่าจะรับเป็นก้อนทีเดียวเมื่อครบกำหนดสัญญา หรือรับเป็นเงินปันผลระหว่างการส่งเบี้ยประกัน

เรียกได้ว่าเป็น Passive Income ที่มีแต่ได้กับได้ทุกประการ ไม่มีความเสี่ยง กลับกันยังเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการความเสี่ยงในชีวิตอีกด้วย โดยเฉพาะหากคุณเลือกซื้อประกันสะสมทรัพย์ กับ แรบบิท แคร์ เรามีแผนประกันจากบริษัทชั้นนำที่มีรายละเอียดและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้เลือกมากมาย และยังคอยเป็นผู้ช่วยที่จะแนะนำการเลือกแผนประกันให้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณให้ คอยเป็นที่ปรึกษาแนะนำและอำนวยความสะดวกสบาย มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล

โดยสรุปแล้ว Passive Income คือรายได้ที่เราสามารถได้จากผลตอบแทนที่เราเป็นผู้ลงทุน ลงแรงกับสินค้า-บริการ หรือช่องทางการลงทุนต่าง ๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เรามักจะคุ้นชินกับการสร้าง Passive Income จากการลงทุนมากกว่า เพราะเป็นวิธีที่ไม่จำเป็นต้องใช้แรงกายหรือแรงใจมากนักเมื่อเทียบเท่ากับการสร้าง Passive Income ที่มาจากสินค้าและบริการที่เราสร้างขึ้น ทั้งนี้หากต้องการลงทุนเพื่อสร้าง Passive Income ควรหาความรู้และศึกษาเกี่ยวกับช่องทางต่าง ๆ ที่เราจะตัดสินใจลงทุน เพื่อเป็นป้องกันความเสี่ยงทางสถานภาพทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นได้กับตัวเรา

เมื่อเข้าสู่ชีวิตวัยทำงานแล้ว บางคนอาจรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานที่ต้องรับภาระและความรับผิดชอบในแต่ละวัน อีกทั้งยังต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็น จนทำให้หลาย ๆ คนสนใจเรื่องของ Passive Income ว่าเป็นอย่างไร สามารถเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถหาเงินได้หรือไม่ รวมไปถึงวิธีต่าง ๆ ที่สามารถทำให้ตัวเองมี Passive Income ได้ เพราะรายรับอาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับในแต่ละเดือน ในบทความนี้ เราจะพูดถึงว่า Passive Income คืออะไร รายละเอียดของ Passive Income และวิธีที่สามารถสร้าง Passive Income ในชีวิตได้

ประกันออมทรัพย์ที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ

ไทยประกันชีวิต “แฮปปี้มีเงินใช้”

ประกันชีวิต

  • จ่ายเบี้ย 5 ปี คุ้มครองนาน 15 ปี
  • รับเงินคืนทุกปีตลอดสัญญารับเงินคืน 521%
  • การันตีเงินคืน 3% ทุก 2 ปี
  • ลดหย่อนภาษี สูงสุดปีละ 1 แสนบาท
  • สมัครได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน - 65 ปี
  • เลือกชำระเบี้ยได้ รายเดือน, 3 เดือน และรายปี
ไทยประกันชีวิต ทรัพย์ปันผล

ประกันชีวิต

  • ชำระเบี้ยแค่ 10 ปี คุ้มครองถึงอายุ 85 ปี
  • รับเงินปันผลทุกปี ปีละ 1%
  • ครบสัญญารับเงินก้อนคืน 110%
  • ลดหย่อนภาษีได้ สูงสุด 1 แสนบาท
  • สมัครได้ตั้งแต่ อายุ 1 เดือน - 60 ปี
ประกันชีวิต “ไทยประกันชีวิต”

ประกันชีวิต

  • คุ้มครองจากอุบัติเหตุ เพิ่มสูงสุด 1 แสนบาท
  • กรณีนอน รพ. รับเงินชดเชย 500 บาท/วัน
  • รับเงินคืนตลอด สัญญารวม 174%
  • เบี้ยเริ่มต้นวันละ 16 บาท
  • สมัครได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน - 55 ปี
  • ลดหย่อนภาษี ได้สูงสุด 1 แสนบาท
ประกันชีวิตสะสมทรัพย์

ประกันชีวิต

  • การันตีรับเงินคืน 3% ทุกปี
  • กรณีมีชีวิตอยู่รับเงิน สูงสุด 310%
  • จ่ายค่า เบี้ยคงที่ ไม่ปรับเพิ่มตามอายุ
  • จ่ายค่าเบี้ย 10 ปี คุ้มครองนาน 20 ปี
  • รับสิทธิลดหย่อนภาษี สูงสุด 100,000 บาท

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา