ในปัจจุบันถือว่าเป็นโลกแห่งเทคโนโลยีที่มีการปรับปรุงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยจะมีนวัตกรรมอยู่หลากหลายประเภทที่เราคุ้นเคย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ NFC ที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่มนุษย์เป็นอย่างมาก และยังถูกนำมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายบริการอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การชำระค่าสินค้าและบริการ ค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS หรือตามห้างสรรพสินค้า เป็นต้น และนอกจากนี้ NFC ยังอยู่ในสมาร์ตโฟนอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการ Android หรือ WindowsPhone ก็สามารถเปลี่ยนสมาร์ตโฟนให้กลายมาเป็นตัวแทนของกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (ElectronicWallet) ได้เช่นเดียวกัน
NFC คืออะไร?
NFC (Near Field Communication) เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายในระยะใกล้ (Short-Range Wireless Technology) ซึ่งจะสามารถส่งข้อมูลได้ในระยะที่ไม่เกิน 4 เซนติเมตร อีกทั้งยังมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดถึง 424 กิโลบิตต่อวินาที และมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลต่ำกว่า 0.1 วินาที โดยการใช้คลื่นความถี่ 13.56 เมกะเฮิรตซ์ บนมาตรฐาน ISO14443 (Philips MIFARE and Sony’s FeliCa) ดังนั้น NFC จึงจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการทำธุรกรรม ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนเนื้อหาดิจิทัล หรือการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการนำมาใช้ส่งข้อมูลในปริมาณที่น้อย ๆ เพื่อการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในระยะใกล้อีกด้วย เช่น การถ่ายโอนข้อมูลระหว่างโทรศัพท์ ป้ายติดราคา IC อุปกรณ์จ่ายเงิน รวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องเสียงภายในบ้าน เป็นต้น
คนส่วนมากมักจะจำสับสนกันระหว่างบัตร EMV และ NFC เนื่องจากว่ามีการใช้งานผ่านการแตะเหมือนกัน แต่จริง ๆ EMV กับ NFC นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยบัตร EMV นั้นจะเป็นเทคโนโลยีในการชำระเงินที่เข้ารหัสและโทเค็นข้อมูล สำหรับการทำธุรกรรมที่ปลอดภัย ส่วน NFC จะเป็นเทคโนโลยีในการสื่อสารที่จะช่วยส่งข้อมูลถึงกันได้ภายในระยะสั้น โดยที่ไม่ต้องมีการติดต่อใด ๆ
EMV | NFC |
เทคโนโลยีเกี่ยวกับการชำระเงินที่ปลอดภัย | เทคโนโลยีการสื่อสาร |
Europay, MasterCard, VISA | การสื่อสารระยะใกล้ |
ทำธุรกรรมระหว่างการ์ดแบบมีชิป และ PIN | ส่งข้อมูลระยะสั้นแบบไร้การสัมผัส ระหว่างอุปกรณ์ที่รองรับ |
ประโยชน์ของ NFC มีอะไรบ้าง?
- ใช้ส่งข้อมูล (Pair the Device) เพียงแค่นำโทรศัพท์หรือ Smart Label มาแตะกัน ก็จะสามารถส่งข้อมูลระหว่างเครื่องได้เลยทันที
- ใช้จ่ายเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment) เพียงแค่นำโทรศัพท์มือถือหรือบัตรเดบิตไปแตะกับเครื่องจ่ายเงิน ก็สามารถจ่ายเงินได้เลย
- ใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ (Send Information) ซึ่งจะเหมือนกับการส่งข้อมูลเลย เพียงแค่นำโทรศัพท์ไปแตะกับอุปกรณ์ ก็จะทำให้เกิดการเชื่อมต่อได้เลยทันที
- ใช้เพื่อรักษาความปลอดภัย (Secure) เช่น การนำ NFC ไปประยุกต์ใช้กับบัตรคีย์การ์ด (Secure Keycards) เพื่อแตะเข้าออกในสถานที่ต่าง ๆ เป็นต้น
NFC มีรูปแบบในการใช้งานทั้งหมดกี่โหมด?
จากข้อมูลในเว็บไซต์ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้พูดถึงรูปแบบในการใช้งานของ NFC ไว้ว่า จะมีรูปแบบการใช้งานทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่
1. Card Emulation Mode
เป็นโหมดที่จะทำให้อุปกรณ์ที่รองรับ NFC อย่างสมาร์ตโฟนนั้นทำงานเหมือนกับเป็นบัตรประจำตัวที่จะใช้แตะกับอุปกรณ์อ่านข้อมูล โดยที่ไม่ต้องมีการสัมผัสกับเครื่องอ่านข้อมูลโดยตรง (Contactless)
2. Peer-to-Peer Mode
เป็นโหมดการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ที่รองรับ NFC ด้วยกัน ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกันกับ Bluetooth โดยการจับคู่ (Pair) แล้วจึงรับส่งข้อมูลกันโดยที่ไม่ต้องใช้สายเชื่อมต่อ เพียงแต่ว่า NFC จะไม่มีขั้นตอนในการจับคู่ แล้วจึงนำอุปกรณ์ที่รองรับ NFC มาแตะกัน ก็จะเป็นการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างเครื่องได้เลยทันที
3. Reader / WriterMode
เป็นโหมดที่อุปกรณ์ NFC นั้นเสมือนกับเป็นเครื่องอ่านข้อมูล NFC ด้วยกันเอง ซึ่งจะสามารถอ่านข้อมูลได้จากชิปพิเศษที่ติดอยู่ในจุดบริการข้อมูลสาธารณะนั่นเอง
RFID คืออะไร?
สำหรับ RFID (Radio Frequency Identification) จะเป็นระบบเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มความสามารถในการคำนวณและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้ และมีการนำคลื่นวิทยุมาเป็นคลื่นพาหะ เพื่อที่จะส่งกำลังไปโดยคลื่นแม่เหล็กหรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแทนการแตะ ดังนั้นเราจึงจะสามารถพบเห็น RFID ได้ในป้ายอิเล็กทรอนิกส์ (RFID Tag)
องค์ประกอบของ RFID มีอะไรบ้าง?
1. ป้าย (RFID Tag, Transponder-Responder)
ซึ่งจะประกอบไปด้วยเสาอากาศ และตัวไมโครชิป โดยที่เสาอากาศนั้นจะทำหน้าที่ในการรับส่งสัญญาณคลื่นวิทยุระหว่างป้ายกับเครื่องอ่าน ยกตัวอย่างเช่น ป้ายกันขโมยในห้างสรรพสินค้า หรือตั๋วรถไฟฟ้าที่เป็นเหรียญวงกลมสีดำ เป็นต้น
2. เครื่องอ่านป้าย (Reader, Interrogator)
จะมีหน้าที่ในการเชื่อมต่อกับป้าย เพื่อทำการอ่านหรือเขียนข้อมูลโดยใช้สัญญาณวิทยุ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องอ่าน Barcode เครื่องอ่านป้ายทะเบียนรถ เครื่องอ่านบัตรเวลาสแกนเข้าทำงาน เป็นต้น
3. ระบบที่ใช้ประมวลผล (Hardware)
จะทำหน้าที่คอยประมวลผลข้อมูลที่ได้มาจากป้าย และใช้เป็นที่เก็บระบบฐานข้อมูล โดยระบบนี้จะนิยมถูกใช้ในการจัดการฟาร์มปศุสัตว์ ระบบการบริหารจัดการทรัพยากร ระบบคลังสินค้า ระบบขนส่ง เป็นต้น
NFC | RFID |
ความถี่ในการทำงานของ NFC คือ 13.56MHz | ความถี่ในการทำงานของ RFID คือ ความถี่ต่ำ ความถี่สูง (13.56 MHz) และความถี่สูงพิเศษ |
ระยะการทำงานของ NFC คือ 0-10 เซนติเมตร | ระยะการทำงานของ RFID มีตั้งแต่หลายเซนติเมตรไปจนถึงหลายสิบเมตร อันเนื่องมาจากความถี่ที่แตกต่างกัน ดังนั้นระยะการทำงานจึงแตกต่างกันด้วย |
NFC จะทำงานโดยการควบคุมการเข้าถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ | RFID จะใช้ในการผลิตโลจิสติกส์ และการจัดการสินทรัพย์ |
NFC จะรองรับทั้งโหมดอ่านเขียนและโหมดการ์ด | RFID จะถูกฝังอยู่ในอุปกรณ์แต่ละชิ้นโดยสิ้นเชิง และจะทำงานเฉพาะอย่างเท่านั้น |
ข้อควรระวังในการใช้ NFC มีอะไรบ้าง?
- ควรตั้งรหัสผ่านในโทรศัพท์เอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกโจรกรรมข้อมูลภายในโทรศัพท์
- ควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่าไม่มีอุปกรณ์แปลกปลอมติดตั้งซ้อนกันอยู่ หากจะนำโทรศัพท์ไปแตะบนอุปกรณ์ต่าง ๆ
- ไม่ควรนำโทรศัพท์ไปแตะกับตัวรับสัญญาณอื่น ๆ หรืออุปกรณ์ที่น่าสงสัย
- เมื่อใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรปิดการเชื่อมต่อ NFC ด้วยทุกครั้ง
บัตรเครดิตที่มีสัญลักษณ์ Contactless ถือว่าเป็น NFC หรือไม่?
สำหรับบัตรเครดิตที่มีสัญลักษณ์ Contactless ถือว่าเป็นเทคโนโลยี NFC เพราะว่าสามารถชำระเงินแบบไร้การสัมผัสได้ เพียงแค่นำบัตรเครดิตไปแตะที่เครื่องรับชำระเงินที่รองรับ ก็จะสามารถชำระสินค้าและบริการได้เลยทันที โดยที่ไม่ต้องมีการรูดบัตรหรือเสียบบัตรเครดิต ซึ่งเราจะสามารถสังเกตบัตรเครดิตประเภทนี้ได้จากสัญลักษณ์ Contactless ที่ปรากฏอยู่บนบัตรเครดิต ซึ่งจะเป็นรูปคลื่น 4 ขีด อยู่ในลักษณะแนวนอน (คล้ายกันกับสัญลักษณ์ของสัญญาณ WiFi)
เปรียบเทียบบัตรเครดิตกับแรบบิท แคร์ ดีอย่างไร?
ที่แรบบิท แคร์ เรามีข้อเสนอและสิทธิพิเศษให้คุณได้เลือกสรรมากมายจากหลากหลายธนาคารชั้นนำของประเทศไทย โดยคุณสามารถเข้าไปดูข้อมูลและเปรียบเทียบบัตรเครดิตในเว็บไซต์ของแรบบิท แคร์ เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลภายใน 30 วินาที ซึ่งถ้าหากถูกใจข้อเสนอรูปแบบใด ก็สามารถที่จะสมัครบัตรเครดิตออนไลน์ได้ทันที และนอกจากนี้แรบบิท แคร์ ยังมีบริการให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำ และช่วยประสานงานยื่นเรื่องสมัครบัตรให้กับคุณตั้งแต่ต้นจนจบ ดังนั้นคุณจึงสามารถไว้วางใจให้แรบบิท แคร์ เป็นผู้ช่วยทางการเงินได้อย่างเต็มที่
สมัครบัตรเครดิตผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
ลูกค้าสามารถมั่นใจในความปลอดภัยได้เลย เนื่องจากแรบบิท แคร์ มีการเชื่อมต่อระบบกับทางธนาคารโดยตรง จึงทำให้ในทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความปลอดภัยและประหยัดเวลา อีกทั้งยังสามารถติดตามสถานะได้ตลอด และนอกจากนี้แรบบิท แคร์ ยังมีบริการให้คำปรึกษา เพื่อที่คุณจะได้เตรียมเอกสารประกอบการสมัครบัตรเครดิตออนไลน์ได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลทำให้ทางธนาคารอนุมัติได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ดังนั้นลูกค้าจึงสามารถไว้วางใจได้เลยว่าจะได้รับการอนุมัติที่ไวแน่นอน อีกทั้งยังจะได้วงเงินบัตรเครดิตที่สูงอีกด้วย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ แรบบิท แคร์
บัตรเครดิต เคทีซี ดิจิทัล แพลตินัม วีซ่า
KTC / VISA
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
- ปลอดภัยกว่า ช้อปออนไลน์มั่นใจขั้นสุดด้วย Dynamic CVV รหัสหลังบัตรที่เปลี่ยนทุกครั้งที่ขอ
- สบายใจกว่า เมื่อใช้จ่ายที่ร้านค้าทั่วไป ด้วย Numberless Physical Credit Card บัตรพลาสติกไร้หมายเลขที่สามารถขอได้ผ่านแอป KTC Mobile
- รับส่วนลดตลอดปีที่ห้องอาหารในโรงแรมชั้นนำทั่วไทย และใช้ง่ายสะดวกรอบโลก
บัตรเครดิต เคทีซี วีซ่า แพลตทินั่ม
KTC / VISA
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
- ผ่อนชำระด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0.74%
- ประกันการเดินทาง 8 ล้านบาท
- รับส่วนลดตลอดปีที่ห้องอาหารในโรงแรมชั้นนำทั่วไทย และใช้ง่ายสะดวกรอบโลก
บัตรเครดิต เคทีซี บางจาก แพลตทินั่ม
KTC / Mastercard
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
- รับเครดิตเงินคืน 1% เมื่อเติมน้ำมันที่ปั๊มบางจาก
- ประกันการเดินทาง 8 ล้านบาท
- รับส่วนลดร้านค้าออนไลน์ทุกเดือน พร้อมรับสิทธิพิเศษที่ร้านอาหารหรูในไทยตลอดปี
บัตรเครดิต เคทีซี แคชแบ็ค แพลตทินัม มาสเตอร์การ์ด
KTC / Mastercard
- ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
- รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 0.8%
- ประกันการเดินทาง 8 ล้านบาท
- รับส่วนลดร้านค้าออนไลน์ทุกเดือน พร้อมรับสิทธิพิเศษที่ร้านอาหารหรูในไทยตลอดปี
บัตรเครดิต เคทีซี อโกด้า แพลทินัม มาสเตอร์การ์ด
KTC / Mastercard
- รับสิทธิ์ AgodaVIP Platinum
- รับเพิ่ม 250 คะแนน KTC FOREVER เมื่อใช้จ่ายที่ Agoda ตามกำหนด
- ใช้คะแนนน้อยกว่า 800 คะแนน KTC FOREVER แลกได้ 100 บาท AgodaCash
- รับส่วนลดร้านค้าออนไลน์ทุกเดือน พร้อมรับสิทธิพิเศษที่ร้านอาหารหรูในไทยตลอดปี
บัตรเครดิต ยูโอบี เลดี้ แพลตทินัม
UOB / Mastercard
- รับคะแนนสะสม 10 บาท = 1 คะแนน
- แลกรับเครดิตเงินคืน 15% เพียงใช้คะแนนสะสมเท่ายอดซื้อที่ EVEANDBOY, Cental&Zen, The mall, Paragon, Emporium, EmQuartier, Blueport และ Robinson
- แลกรับเครดิตเงินคืน 15% เมื่อใช้คะแนนสะสม ยูโอบี รีวอร์ด พลัส เท่ากับยอดใช้จ่ายในหมวดร้านอาหาร
- รับเครดิตเงินคืน 3% เมื่อชำระค่าเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ทุก 800 บาท/เซลล์สลิป
บัตรเครดิต ยูโอบี โยโล่ แพลตทินั่ม
UOB / VISA
- รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% เมื่อใช้จ่ายที่รถไฟฟ้า BTS MRT 7-11, All Online by 7-Eleven ร้านบูทส์ ร้านวัตสัน ร้านมัตสึโมโตะ คิโยชิ เบอร์เกอร์ คิง, Shopee, Grab และ Atome
- แบ่งชำระ 0% นาน 3 เดือน เมื่อมียอดใช้จ่ายในหมวดท่องเที่ยวและออนไลน์
- 1 ฟรี 1 เมื่อซื้อบัตรชมภาพยนตร์ในเครือ SF
- เครดิตเงินคืน 3% เมื่อชำระค่าเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ทุก 800 บาท/เซลล์สลิป เฉพาะสถานีที่ร่วมรายการ
บัตรเครดิตไทเทเนียม โรงพยาบาลรามาธิปดี
BBL / Mastercard
- รับเงินคืนสูงสุด 2% ทุกรอบบัญชี
- บริจาคสมทบ 0.2% ทุกยอดใช้จ่าย
- ให้แก่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
- เอกสิทธิ์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี
บัตรเครดิต แอร์เอเชีย
BBL / Mastercard
- บริการเลือกที่นั่ง Hot Seat ฟรี
- บริการฝากสัมภาระใต้ท้องเครื่อง ฟรี
- บริการเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นบนเครื่อง ฟรี
- รูดช้อปรับคะแนน BIG Points สูงสุด 3 เท่า
- แบ่งชำระสบายๆ 0% หรือ 0.79% นานสูงสุดถึง 10 เดือน
บัตรเครดิต วีซ่า แพลทินัม
BBL / VISA
- รับคะแนนสะสมทุกการใช้จ่าย 25 บาท รับคะแนนสะสม 1 คะแนน ทั้งในและต่างประเทศ
- สะสมไมล์เดินทางคะแนนสะสมสามารถแลกเป็นไมล์เดินทางจากสายการบินชั้นนำ
บัตรเครดิต ทีทีบี โซ ชิลล์
TTB / VISA
- ผ่อน 0% 3 เดือน
- ฟรีค่าธรรมเนียมทุกการกดเงินสด 3%
- ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี
- รับดอกเบี้ยพิเศษ 3 รอบบัญชีแรก