ทำความรู้จัก FICO® Score สิ่งสำคัญในการเช็คเครดิตความน่าเชื่อถือ
ทุกวันนี้ หากเราต้องการจะสมัครบัตรเครดิตกับสถาบันทางการเงินไหนก็ตาม ก่อนที่จะมีการอนุมัติบัตรเครดิต ทางสถาบันทางการเงินจะต้องเช็คเครดิต (Credit Score) หรือความน่าเชื่อถือทางการเงินของเราก่อน โดยที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีระบบกลางที่ไว้ให้ทุกสถาบันทางการเงินใช้ ซึ่งมีชื่อว่า FICO® Score วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก FICO® Score คือ สิ่งสำคัญในการเช็คเครดิตทางการเงิน ในเรื่องของ ความหมาย วิธีการนับคะแนน และรูปแบบการคิดคะแนนแบบอื่น ๆ นอกเหนือจาก FICO® Score
FICO® Score คืออะไร ?
Fair Isaac Corporation หรือ FICO® คือวิธีคำนวณคะแนนแบบหนึ่ง ที่ใช้คำนวณเพื่อใช้ประเมิณผู้คนในเรื่องการกู้ยืมเงินโดนเฉพาะ โดยระบบนี้ได้รับการยอมรับจากสถาบันทางการเงินหลากหลายแห่ง ตั้งแต่ปี 1989 จนมาเป็นระบบกลางที่ใช้กันทั่วไปโดยคะแนน FICO® Score จะมีตั้งแต่ 300 ไปจนถึง 850 แต่ทุกคนจะเริ่มต้นด้วย 500-700 แล้วค่อยเพิ่มหรือลดลงตามพฤติกรรมการใช้งาน หากเรามีความต้องการจะสมัครบัตรเครดิตโปรโมชั่นเด็ด ๆ หรือโปรโมชั่นสุดคุ้ม เราก็จะต้องมี FICO® Score ที่สูงในระดับที่บัตรเครดิตนั้น ๆ กำหนด ถึงจะสามารถสมัครได้ โดยปัจจุบันวิธีการคิดคะแนนแบบ FICO® Score เริ่มมองว่าไม่ค่อยเหมาะกับยุคสมัยใหม่ ส่งผลให้มีหลาย ๆ Start Up ต้องการที่จะเสนอไอเดียใหม่ ๆ ในการคิดคะแนน
ปัจจัยในการคำนวณ FICO® Score
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น FICO® Score จะปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมการใช้งานบัตรเครดิตในการใช้จ่ายสิ่งต่าง ๆ โดยปัจจัยที่จะนำมาคิดคะแนน FICO® Score มี 4 อย่างดังนี้
- ความตรงต่อเวลาในการชำระเงิน : ยิ่งชำระเงินตรงเวลามาก จะยิ่งได้คะแนนมากเท่านั้น
- อัตราในการใช้จ่าย : สำหรับข้อนี้ไม่ใช่ยิ่งจ่ายมาก ยิ่งได้คะแนนเยอะ แต่เป็นการรักษาอัตราส่วนในการใช้จ่ายให้ไม่เกิน 30% ของวงเงิน เพื่อรักษาคะแนนเครดิต
- หนี้บัตรเครดิต : ยิ่งมีหนี้บัตรเครดิตน้อย หรือไม่มีเลย คะแนนเครดิตจะยิ่งสูงขึ้น
- ระยะเวลาในการอยู่ในระบบ FICO® Score : ยิ่งนาน ยิ่งมีความน่าเชื่อถือสูง คะแนนเครดิตยิ่งสูงตามไปด้วย ดังนั้นยิ่งเริ่มไว ยิ่งได้เปรียบในอนาคต
จุดบอดของระบบ FICO® Score
ไม่ใช่ว่าอะไรที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน จะไม่มีข้อเสีย หรือจุดบอดอะไร ในส่วนของ FICO® Score ก็เช่นกัน โดยจุดบอดของระบบ FICO คือการสร้างเครดิตให้กับผู้ที่มีชื่ออยู่ในระบบเท่านั้น ถึงจะสามารถประเมินการกู้ยืม หรืออนุมัติบัตรเครดิตให้ได้ แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีเงินจำนวนมาก หรืออารมณ์ First Jobber ของประเทศไทย หรือผู้ที่ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่มีเงิน อาจจะทำให้ยากต่อการขออนุมัติในการกู้ยืมเงิน หรือทำบัตรเครดิตนั่นเอง
พูดง่าย ๆ คือ ถ้าจนก็ยากที่จะกู้เงินมาทำธุรกิจเพื่อก่อร่างสร้างตัวนั่นเอง จากจุดบอดนี้ส่งผลให้คนที่ยากจนไม่มีโอกาสในการกู้ยืมเงินเผื่อมาหมุนเวียน หรือสร้างธุรกิจเพื่อสร้างกำไร หรือสร้างเครดิตให้กับตัวเองได้เลย ทำให้หลาย ๆ คนไม่เห็นด้วยกับการคิดคะแนนแบบ FICO® Score
รวมรูปแบบการคิด FICO® Score แบบใหม่จากเหล่า Start Up
ด้วยจุดบอดของ FICO® Score ทำให้เหล่า Start Up จากคนยุคใหม่ที่มีความคิดความครีเอทีฟในการสร้างสรรค์ และออกแบบการคิดคะแนนเครดิต (Credit Score) รูปแบบใหม่ ๆ ออกมา เพื่อตอบสนองความต้องการของคนส่วนมาก ตามความเป็นไปของโลกในปัจจุบันดังนี้
- ไอเดียของ Altro คือการสร้างคะแนนเครดิต (Credit Score) ผ่านรูปแบบการชำระเงินทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น การซื้ออาหาร, การจ่ายค่าสมาชิก Platform ดูหนังต่าง ๆ หรือ การซื้อของออนไลน์ทั่วไป
- ไอเดียของ Petal คือการยึดรูปแบบการคิดคะแนนของ FICO® Score แต่เพิ่มข้อเสนอบัตรเครดิตให้กับผู้มีฐานเงินเดือนน้อย ให้สามารถสร้างเครดิตได้ โดยการกู้ยืมและใช้จ่าย โดยต้องชะระยอดเงินคืนเต็มจำนวน ถึงจะสามารถเพิ่มคะแนนเครดิต (Credit Score) ได้
- ไอเดียจาก แพลทฟอร์ม X1 คือการพิจารณาจากรายได้จริง มากกว่าคะแนน FICO® Score
วิธีอ่านค่าคะแนนเครดิต (Credit Score)
วิธีการอ่านคะแนนเครดิต จำเป็นอย่างมากสำหรับใคร ๆ ที่อยากยื่นเรื่องทำบัตรเครดิต หรือขอสินเชื่อ เพราะหากค่าเครดิตของคุณต่ำกว่ามาตรฐาน ก็จะมีโอกาสอย่างมากที่คุณอาจขอสินเชื่อ หรือไม่ถูกอนุมัติในการทำบัตรเครดิต
ช่วงเครดิตสกอริ่ง (Score Range) และระดับความเสี่ยง (Risk Grade)
- 753 - 900 : AA เครดิตสกอริ่งดีที่สุด
- 725-752 : BB
- 699-724 : CC
- 681-698 : DD
- 666-680 : EE
- 646-665 : FF
- 616-645 : GG
- 300-615 : HH เครดิตสกอริ่งแย่ที่สุด
FICO® Score มีผลในการขอสินเชื่อ หรือทำบัตรเครดิตหรือไม่ ?
ต้องบอกตามตรงว่า FICO® Score ไม่ได้มีผลต่อการขอสินเชื่อ หรือทำบัตรเครดิตแล้ว เพราะว่าระบบการเงินสมัยใหม่ แทบทั้งหมดจะเปลี่ยนไปใช้การคำนวณคะแนนเครดิต (Credit Score) หากแต่ก็ยังเป็นระบบที่คงพื้นฐานมาจาก FICO® Score โดยหากคะแนนเครดิตที่ดี (ระดับ BB-AA) ย่อมมีผลดีต่อการขอสินเชื่อ หรือทำบัตรเครดิตดังนี้
- เพิ่มโอกาสที่จะได้รับบริการสินเชื่อ พร้อมทั้งโอกาสขอสินเชื่อให้ได้วงเงินที่มากยิ่งขึ้น
- มีโอกาสได้รับการอนุมัติบัตรเครดิตได้ง่ายขึ้น และบัตรเครดิตมีโอกาสที่จะได้วงเงินแต่ละเดือนสูงกว่าบุคคลที่คะแนนเครดิตไม่ดี
ไม่ว่าจะใช้ระบบไหนก็แล้วแต่ พึงระลึกไว้ว่าการทำตัวเองให้มีความน่าเชื่อถือ หรือมีเครดิตทางการเงินที่ดี หากรีบสร้างได้ให้สร้างเลยเพื่อเก็บเกี่ยวความน่าเชื่อถือไปเรื่อย ๆ ในอนาคตหากเราจะต้องทำการกู้เงินเพื่อซื้อรถหรือบ้าน หรือต้องการก่อตั้งธุรกิจ เราก็จะเป็นผู้ที่มีเครดิตเพียงพอในการกู้ยืม เพื่ออำนวยความสะดวกในการบริหารเงินในอนาคต ฉะนั้น หากใครสนใจสินเชื่อ อนุมัติง่าย ไม่ต้องค้ำประกัน เครดิตไม่ดีก็ยังมีโอกาส แรบบิท แคร์ แนะนำ สินเชื่อส่วนบุคคล ที่จะเพิ่มอิสระทางการเงินให้กับคุณ
สินเชื่อที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ