Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
info

💙 แจก Starbuck Voucher มูลค่า 800 บาทฟรี! เพียงเปิดบัญชี Webull ผ่านช่องทางของ Rabbit Care สนใจ คลิก! 💙

user profile image
เขียนโดยTawan A.วันที่เผยแพร่: Feb 07, 2023

อาการที่กำลังบ่งบอกว่ารถของคุณ "วาล์วรั่ว"

วาล์ว ทำมาจากวัสดุที่เป็นโลหะ โดยจะมีการออกแบบให้ลักษณะก้านวาล์วจะกลมเป็นทรงกระบอกคล้าย ๆ ทรงกรวย ซึ่งตำแหน่งที่ก้านวาล์วติดตั้งอยู่บนฝาสูบปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ต้องมีการสึกหรอจากการใช้งานเป็นระยะเวลานาน ๆ จนเป็นอาการวาล์วรั่ว วาล์วยันนั้นเอง

ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลยเมื่อใช้งานรถยนต์เป็นระยะเวลานาน ๆ ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา สิ่งนั้นก็คือระบบวาล์ว โดยหน้าที่ของวาล์วก็คือ ทำหน้าที่ควบคุมการเปิดปิดอากาศ (ไอดี) และไอเสีย ให้เข้าออกตามรอบตามจังหวะการทำงานที่ได้ออกแบบไว้ เรียกง่าย ๆ ว่า จังหวะดูด อัด ระเบิด และคาย ซึ่งเป็นรูปแบบการทำงานของเครื่องยนต์ 4 จังหวะ

อาการวาล์วรั่ว


1. เครื่องยนต์มีความผิดปกติไปจากเดิม (วาล์ว รั่ว)

มันปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อเกิดความผิดปกติใด ๆ อาการวาล์วรั่วเกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์ไม่มากก็น้อย การทำงานของเครื่องยนต์จะเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นปกติ แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความเสียหายนั้นเอง ซึ่งอาการวาล์วรั่ว วาล์วยันก็เช่น เครื่องยนต์จะผิดความผิดปกติไปจากเดิม หากเครื่องยนต์ของคุณใช้งานเป็นระยะทางหลายแสนกิโล ถ้าเปิดเครื่องดูยังไงก็พบว่าวาล์วที่เสื่อมสภาพอย่างแน่นอน แต่มันอาจเล็กน้อยจนยังไม่ถึงเวลาซ่อมแซมนั้นเอง

2. เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง (อาการวาล์วรั่ว)

ความผิดปกติแรก ๆ ของอาการวาล์วรั่ว ที่จะสามารถรับรู้ได้ก็คือ เครื่องยนต์ไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนแต่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการออกตัวที่ใช้รอบเครื่องเพิ่มขึ้น การเร่งสร้างที่มีความหน่วงมากกว่าเดิม อาการเหล่านี้อาจมีสาเหตุมาจากอาการวาล์วรั่ว วาล์วยัน

3. อาการเดินเบาสั่น (วาล์วรั่ว)

อีกหนึ่งความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอาการวาล์วรั่ว วาล์วยัน ก็คืออาการเครื่องยนต์เดินเบาสั่น ซึ่งว่ากันตามตรงถ้าเป็นคนปกติทั่ว ๆ ไปบอกได้เลยว่า จับอาการความผิดปกติได้ยากมาก ๆ จำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนตรวจสอบ

4. อาการเดินเบาดับ (เปลี่ยน วาล์ว)

อาการวาล์วรั่ว มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่สตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ เรียกง่าย ๆ ว่าช่วงตอนที่เครื่องยนต์เย็นนั้นเอง อาจจะเกิดอาการเครื่องยนต์เดินเบาและดับได้ ตลอดจนเดินเบาและสั่นนั้นเอง

5. เครื่องยนต์กินน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ (อาการวาล์วรั่ว)

เกี่ยวโยงอย่างปฏิเสธไม่ได้ในเรื่องนี้ เมื่อเครื่องยนต์ทำงานไม่สมบูรณ์ การเค้นกำลังออกมาก็จำเป็นจะต้องใช้เชื้อเพลิงมากกว่าปกติ ส่งผลทำให้เครื่องยนต์มีการกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ

6. ไฟสัญลักษณ์แจ้งเตือน (เปลี่ยน วาล์ว)

บอกได้เลยว่าไม่ใช่รถยนต์ทุกคันจะมีการแจ้งไฟเตือนปัญหาเรื่องวาล์ว ซึ่งเป็นเรื่องง่ายของผู้ใช้ที่จะทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นตรงจุด

เรียกได้ว่าวิธีสังเกตอาการวาล์วรั่วนั้น บอกได้เลยว่าถ้าเป็นคนทั่ว ๆ ไปไม่มีความรู้เรื่องรถยนต์ เครื่องยนต์ในระดับหนึ่ง อาการวาล์วรั่วจะไม่สามารถวิเคราะห์อาการที่เกิดขึ้นได้ว่าเกิดจากอะไร เรียกได้ว่าจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ ในการวิเคราะห์สาเหตุ ทั้งนี้อีกข้อสังเกตว่ารถยนต์ของเกิดอาการ วาล์วรั่วรึไม่ สามารถตรวจสอบได้ที่เชื้อเพลิง หากเครื่องยนต์ยังคงใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นปกติ อาการ วาล์วรั่วจะเกิดขึ้นได้หลังจากการใช้งานเป็นระยะทางหลายแสนกิโลเมตร กลับกันในส่วนของระบบเชื้อเพลิงเป็นแก๊ส โอกาสจะเกิดอาการวาล์วรั่ว วาล์วยันจะมีมากกว่าพอสมควร ทำไมรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเป็นแก๊สถึงมีโอกาสเกิดอาการวาล์วรั่ว วาล์วยันกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงก็มาจาก องศาในห้องจุดระเบิดของเครื่องยนต์มีความร้อนที่สูงกว่านั้นเอง โดยรถยนต์ที่ใช้แก๊ส LPG เป็นเชื้อเพลิงจะมีองศาเผาไหม้อยู่ 600 องศาเซลเซียส ในส่วนของแก๊ส NGV มีองศาเผาไหม้ถึง 800 องศาเซลเซียส แต่สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงปกติทั่วไปจะอยู่ที่ 600 องศาเซลเซียสโดยประมาณเพียงเท่านั้น เมื่อความร้อนในห้องเผาไหม้สูงมากเท่าไหร่ เครื่องยนต์จะสึกหรอมากเป็นปกตินั้นเอง เปรียบเสมือนเหล็กแข็ง ๆ ที่โดนความร้อนสูงเป็นระยะเวลานาน ๆ จากเหล็กที่แข็งก็จะมีการยืดหด อ่อนตัวเป็นปกติ

อาการวาล์วยัน

วาล์วยัน” สาเหตุเกิดจากอะไร หรือชิ้นส่วนไหนของรถกันแน่ โดยหลัก ๆ อาการวาล์วยันจะมาในรูปแบบของเครื่องยนต์ไม่มีกำลัง เร่งไม่ขึ้นบ้าง เครื่องยนต์สั่นเบา ดับ ซึ่งมักจะเกิดบ่อยๆ ในช่วงตอนเช้า เครื่องยนต์สั่น กระตุก รอบต่ำกว่าเดิม ฯลฯ

อาการวาล์วยันจะมาในรูปแบบของเครื่องยนต์ไม่มีกำลัง เร่งไม่ขึ้นบ้าง เครื่องยนต์สั่นเบา ดับ ซึ่งมักจะเกิดบ่อย ๆ ในช่วงตอนเช้า (ลองสังเกตดูครับ) เครื่องยนต์สั่น กระตุก รอบต่ำกว่าเดิม บลา หากเจออาการแบบนี้ต้องรีบตรวจสอบและปรับตั้งวาล์วใหม่ก่อนเป็นอันดับแรกครับ รถใช้น้ำมันให้ตรวจเช็กทุก ๆ 80,000 กิโลเมตร ส่วนรถใช้แก๊สให้ตรวจเช็กทุก ๆ 40,000 – 60,000 กิโลเมตร ถ้าการปรับตั้งไปแล้วอาการยังไม่หาย ให้ดูในส่วนของระบบบ่าวาลว์ โดยทำการเจียบ่าวาล์ว หรือตีบ่าวาล์วใหม่ แต่ถ้าจะให้มั่นใจมากที่สุดคือต้องทำการเปลี่ยนฝาวาล์วใหม่เลยครับ แต่ค่าใช้จ่ายจะสูงมากหน่อย

รถมีอาการวาล์วยันนาน ๆ จะเกิดอะไรขึ้น?

บ่าวาล์วที่เกิดอาการยันจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติหลายเท่า เนื่องจากตอนเผาไหม้มีมวลไอดีหลุดออกมาจากจุดที่รั่ว หรือบริเวณวาล์วยันอยู่ ทำให้เกิดความร้อนสะสมสูงขึ้น วาล์วและบ่าจึงเกิดการเสียหายหนักมาก

สาระน่ารู้ เกี่ยวกับ “วาล์วยัน”

  • นอกจากอาการเครื่องยนต์ไม่มีกำลัง เร่งไม่ออก ดับ เดินเบาไม่เรียบ เครื่องกระตุก สั่น อาการวาล์วยันยังทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าเดิม อาจมีสัญญาณไฟเตือนโชว์ขึ้นในรถบางรุ่น ซึ่งอาการทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งรถที่ใช้แก๊สและน้ำมัน ถ้าอาการวาล์วยันมากก็จะเกิดอาการมาก ถ้าวาล์วยันน้อยก็เกิดอาการเล็กน้อย
  • รถติดแก๊สมักวาล์วยันเร็วกว่าทั่วไป เนื่องจากรถที่ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง จะมีความร้อนในห้องเผาไหม้ที่สูง อยู่ที่ประมาณ 400 องศาเซลเซียส แก๊สแอลพีจี 600 องศาเซลเซียส และแก๊สเอ็นจีวี 800องศาเซลเซียส ยิ่งความร้อนสูงจะยิ่งทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็ว และส่งผลให้วาล์วยันเร็วขึ้นตามไปด้วย
  • วาล์วไอเสียจะยันเร็วกว่าไอดี สาเหตุเกิดจากการต้องรองรับอุณหภูมิที่สูงกว่านั่นเอง
  • ถ้ารถเกิดอาการวาล์วยันมาก จนบ่าหรือตัววาล์วเริ่มเสียหาย ต้องทำการเปิดฝาสูบ เจียร์บ่า เจียร์วาล์วใหม่ หรืออาจต้องสวมบ่าวาล์วและเปลี่ยนวาล์ว ใหม่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการสึกหรอ อย่าลืมรีบนำรถเข้าศูนย์บริการทันทีดีกว่ารอให้วาล์วยันมากแล้วจึงค่อยนำไปซ่อมเพราะมันอาจจะปรับตั้งหรือแก้ไขไม่ทันแล้วนั่นเอง

การแก้ปัญหาอาการวาล์วรั่ว วาล์วยัน

  • 1. ปรับตั้งวาล์วใหม่ โดยตรวจเช็กทุก ๆ 80,000 กิโลเมตร สำหรับรถใช้น้ำมัน ส่วนรถใช้แก๊สให้ตรวจเช็กทุก ๆ 40,000 - 60,000 กิโลเมตร
  • 2. เจียบ่าวาล์ว หากปรับตั้งวาล์วใหม่แล้วยังกลับมาเป็นอาการเดิมอีก
  • 3. ตีบ่าวาล์วใหม่ โดยการนำวัสดุที่ทนความร้อนได้ดี และแข็งแรงกว่าใส่เข้าไปแทน
  • 4. เปลี่ยนฝาสูบใหม่ไปเลย แม้วิธีนี้จะใช้เงินมากสุด แต่ก็ถือว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาได้ชัวร์ที่สุดเหมือนกัน

การแก้ปัญหาอาการวาล์วรั่ว วาล์ยัน ที่ดีที่สุดนั้นคือการเปลี่ยนฝาสูบใหม่ และอย่างที่บอกคือใช้เงินมากที่สุด แต่ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อจะคลายความกังวลที่จะทำให้ไม่เกิดปัญหากับรถยนต์ของท่านอีก เรามาดูกันว่าถ้าหากจะทำให้อาการวาล์วรั่ว วาล์วยันนี้ หายไปจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายจนกระเป๋าแห้งเลยที่เดียว แต่ถ้าท่านมีประกันชั้น 1 จะเคลมปัญหาอาการวาล์วรั่ว วาล์วยันได้ไหม หากได้จะได้ใช้ประโยชน์จากประกันรถยนต์ที่มีมาแบ่งเบา วันนี้เราจะรวบรวมให้ท่าน

กรณีที่มีอาการวาล์วรั่ว วาล์ยัน จนถึงขั้นต้องเปลี่ยนฝาสูบใหม่แบบไหนเคลมประกันได้

  • ต้องเป็นประกันชั้น 1 เท่านั้น และต้องอยู่ในช่วงที่มีผลบังคับอยู่
  • ต้องเป็นอาการวาล์วรั่ว วาล์ยัน จากการผิดปกติเอง ไม่ใช่เกิดจากการดัดแปลง
  • อยู่กับการประเมินของเจ้าหน้าที่ช่าง

กรณีที่วาล์วรั่ว วาล์ยัน จนถึงขั้นต้องเปลี่ยนฝาสูบใหม่แบบไหนเคลมประกันไม่ได้

  • เกิดจากการดัดแปลง ปรับแต่งเองของเจ้าของรถ
  • เกิดจากการใช้งานเป็นระยะเวลานาน เกิดการสึกหรอตามกาลเวลา
  • ไม่สามารถเข้าเปลี่ยนตามใจอยากของเจ้าของรถเองทั้งต้องขึ้นอยู่กับอาการของรถยนต์

พูดถึงตรงคงจะเข้าใจมากขึ้นว่าอาการวาล์วรั่วนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย ส่งผลกระทบหลายอย่างหากปล่อยไว้ให้บานปลาย นอกจากที่ต้องทำการรักษาและระวังอะไรหลายอย่างไปหมด ควรมีประกันครอบคลุมถึงชิ้นส่วนที่เรียกว่าตัววาล์วต่าง ๆ เพราะถ้าหากเกิดปัญหาขึ้นแล้วท่านจะได้คลายกังวลไปได้เพราะเป็นส่วนสำคัญของรถยนต์แล้วการทำประกันอะไหล่รถยนต์ก็สามารถคุ้มครองทั้งท่านและรถยนต์ของท่านได้ด้วยเช่นกัน ให้คุณได้หมดปัญหากังวลใจระหว่างการเดินทาง หากเกิดเหตุไม่คาดฝันก็สามารถเรียกใช้บริการฉุกเฉินได้ 24 ทาง หากใครยังตัดสินในไม่ได้ว่าจะใช้ ประกันภัยรถยนต์ ของบริษัทไหน วันนี้ขอแนะนำประกันอะไหล่รถยนต์จาก แรบบิท แคร์ ช่วยเปรียบเทียบประกันแต่ละประเภทให้เหมาะสำหรับรถคุณได้แบบเข้าใจง่าย รวดเร็วอีกด้วย

ถ้าวาล์วรั่ว วาล์วยันทำให้เกิดอุบัติเหตุ ประกันรถยนต์จะคุ้มครองหรือไม่

ถ้าวาล์วรั่วหรือวาล์วยันส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ การคุ้มครองจากประกันรถยนต์ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่คุณทำและเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์:

1. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ประกันภัยชั้น 1 มักจะครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ทั้งของผู้เอาประกันและบุคคลภายนอก รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุทั่วไป ดังนั้น หากวาล์วรั่วหรือวาล์วยันส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ ประกันชั้น 1 มักจะคุ้มครอง แต่เงื่อนไขเฉพาะอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน

2. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 และ 2+ ประกันชั้น 2 และ 2+ มักจะไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของคุณเอง ยกเว้นกรณีที่เกิดจากการชนกับยานพาหนะอื่น ดังนั้นหากเกิดอุบัติเหตุจากวาล์วยัน แต่ไม่มีการชนกับรถคันอื่น ประกันชั้นนี้อาจไม่คุ้มครอง

3. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 และ 3+ ชั้นนี้คุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอกเท่านั้น ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกัน ดังนั้น ถ้าวาล์วยันเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ ประกันชั้นนี้จะไม่คุ้มครองรถของคุณ

ควรตรวจสอบรายละเอียดในกรมธรรม์หรือสอบถามบริษัทประกันเพื่อความแน่ชัด

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา