ไม่จ่ายหนี้บัตรเครดิตได้ไหม?
หลายคนอาจเกิดข้อสงสัย หากมีหนี้บัตรเครดิตแล้ว ถ้าไม่จ่ายหนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง คุ้มกับค่าเสี่ยงไหม? แรบบิท แคร์ ขอแนะนำว่าไม่ควรหยุดจ่ายหนี้ หรือหนีหนี้เด็ดขาด เพราะทันทีที่เราหยุดจ่าย ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินจะทำการทวงบิลทันที ซึ่งการทวงเหล่านี้ จะถูกนับเป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่ลูกหนี้ต้องจ่ายคืนด้วย
และเมื่อไม่จ่ายหนี้ติดต่อกันนานถึง 3 เดือน ประวัติการชำระหนี้ของเราจะกลายเป็นสถานะหนี้เสีย และถูกบันทึกในเครดิตบูโร ทำให้ไม่สามารถกู้และทำธุรกรรมสินเชื่อสถาบันการเงินอื่นได้ ซึ่งการทำแบบนี้ จะทำให้การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ยากขึ้น
เมื่อเราไม่สามารถรวมหนี้เป็นก้อนเดียวได้และไม่สามารถหาเงินมาจ่ายคืนได้ทัน ในที่สุดทางสถาบันการเงินก็จะทำเรื่องฟ้อง และส่งหมายศาลมาที่บ้าน โดยคดีค้างชำระหนี้จะถือว่าเป็นคดีแพ่ง ไม่ว่าคุณจะมียอดหนี้เท่าไหร่ก็สามารถถูกฟ้องได้ และในกรณีที่ลูกหนี้ยังคงเพิกเฉย ไม่ไปศาล หรือไปประนอมหนี้แล้วยังไม่จ่ายอีก ฝ่ายเจ้าหนี้ก็อาจทำเรื่องขอยึดทรัพย์สินหรืออายัดเงินเดือนของเราได้
ดังนั้น เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มจ่ายไม่ไหวแล้ว อย่าหนีหนี้หรือพยายามไม่จ่าย แต่ควรเข้ามาคุยกับทางธนาคาร หรือเริ่มต้นรวมหนี้บัตรเครดิตตั้งแต่เนิ่น ๆ ที่เริ่มมีปัญหาจะดีกว่า
ทำไมถึงควรรวมหนี้เป็นก้อนเดียว? รวมหนี้บัตรเครดิตดีอย่างไร?
มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า การรวมหนี้เป็นก้อนเดียว คือ การสร้างหนี้ก้อนใหม่ โดยการย้ายวงเงินที่ค้างชำระไปยังธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใหม่ที่อนุมัติเงินกู้ แล้วโอนเงินทั้งก้อนเข้าบัญชีออมทรัพย์ รวมหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้สินอื่น ๆ เพื่อมานำไปผ่อนชำระกับเจ้าหนี้คนใหม่ ซึ่งการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว หรือการรวมหนี้บัตรเครดิตนั้น มีข้อดีดังนี้
ช่วยลดภาระยอดผ่อนต่อเดือนได้
เนื่องด้วยบัตรเครดิตจะมีเกณฑ์ผ่อนชำระขั้นต่ำต่อเดือนที่ 10% ของยอดใช้วงเงินในบัตร หรือ 5% สำหรับบัตรกดเงินสด นั่นทำให้หลายคนต้องพบกับปัญหาสภาพคล่อง หมุนเงินไม่ทัน ทำให้เจอปัญหาชำระหนี้ล่าช้า การลดภาระผ่อนหนี้ด้วยวิธีการขอสินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อรถแลกเงิน เพื่อปิดหนี้จะช่วยลดภาระผ่อนต่อเดือนลงได้เหลือเพียงประมาณ 3 % ของยอดหนี้เท่านั้น แลกกับต้องผ่อนระยะเวลาชำระที่นานมากขึ้น ช่วยให้สภาพคล่องระยะสั้นของผู้กู้อีกด้วย
สะดวกในการผ่อนชำระเพียงที่เดียว
การรวมหนี้มาไว้ที่สถาบันการเงินเดียว จะช่วยให้ลูกหนี้อย่างเรา ๆ สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายหนี้เพียงเดือนละครั้ง ช่วยติดตามภาระทางการเงินได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม รวมถึงช่วยให้เราวางแผนการเงินได้สะดวกมากขึ้นด้วย
จะเห็นได้ว่าการรวมหนี้บัตรเครดิต หรือรวมหนี้เป็นก้อนเดียว เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มจ่ายไม่ไหว จะช่วยให้คุณปลดหนี้ได้ง่ายมากกว่าการรอให้ตัวเองติดเครดิตบูโร หรือปล่อยให้เจ้าหนี้ฟ้องถึงขั้นต้องขึ้นศาล
แน่นอนว่าทุกวันนี้ ธนาคารหลายแห่งต่างมีโปรโมชั่นที่น่าสนใจมากมายที่ช่วยให้คุณปิดบัตรเครดิตได้ง่ายดาย สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อย่าง แรบบิท แคร์ ที่พร้อมให้คำแนะนำ รวมถึงบริการด้านสินเชื่อการเงินไว้คอยช่วยเหลือคุณตลอดเวลา คลิกเลย!
เริ่มต้นยังไง ถ้าอยากรวมหนี้บัตรเครดิต?
หากอยากเริ่มต้นรวมหนี้บัตรเครดิต เพื่อปิดบัตรเครดิตทั้งหมดนั้นทำได้ไม่ยาก โดยเราสามารถเริ่มต้นได้ ดังนี้
คำนวณยอดหนี้ที่ต้องจ่ายทั้งหมดเพื่อวางแผน
ทบทวนยอดหนี้สินทั้งหมดให้ดี เพราะนอกจากจะต้องใช้ในการขอสินเชื่อมาใช้ปิดบัตรเครดิตแล่ว ยังช่วยให้คุณวางแผนได้ ว่าจะต้องขอสินเชื่อแบบไหนได้จึงจะเหมาะสม นอกจากนี้ เราควรตั้งวงเงินสินเชื่อเผื่อให้มากกว่าหนี้สินที่มีอยู่ เนื่องจากบางครั้งสถาบันการเงินอาจพิจารณาให้สินเชื่อไม่เต็มจำนวนนั่นเอง
เตรียมเอกสารให้พร้อม
สถาบันการเงินแต่ละที่ นอกจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัว เอกสารที่เกี่ยวข้องกับทางการเงินแล้ว อาจจะมีการขอเอกสารอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่า ผู้ขอกู้จะสามารถเป็นลูกหนี้ที่ดี สามารถจ่ายเงินที่ยืมมาได้ และที่สำคัญ ควรมีประวัติการเงินที่ดี ก็จะช่วยให้การขอรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น และธนาคารบางแห่งยังมีโปรโมชั่นดี ๆ ยื่นข้อเสนอดี ๆ ให้อีกด้วย
เปรียบเทียบสินเชื่อเพื่อรวมหนี้เป็นก้อนเดียวให้ดี
เมื่อรู้ยอดหนี้สินที่แน่นอนแล้ว คุณก็สามารถเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับตัวเองได้ จากนั้น ให้ลองพิจารณาเลือกสินเชื่อที่ให้โปรโมชั่นที่คุ้มค่า และเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
เช่น บางแห่งให้ดอกเบี้ยที่ถูก แต่ใช้เงินเป็นจำนวนมากในการผ่อนแต่ละเดือน อาจจะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน คุณอาจจะเลือกอีกสินเชื่อที่แม้ดอกเบี้ยจะแพงกว่า แต่ยืดหยุ่นได้มากกว่า ทั้งจำนวนที่ใช้ผ่อนต่อเดือน หรือระยะเวลาที่ใช้ในการผ่อน ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ การใช้จ่ายเงินต่าง ๆ ใช้ในการเปรียบเทียบพิจารณาด้วย
เลือกประเภทสินเชื่อรวมหนี้เป็นก้อนเดียว
การรวมหนี้บัตรเครดิตสามารถทำได้หลากหลายสินเชื่อ ซึ่งคุณอาจจะเลือกสินเชื่อเหล่านี้ให้เหมาะกับหนี้ที่เรามีอยู่ เช่น
- สินเชื่อส่วนบุคคล เหมาะสำหรับคนมีหนี้ก้อนเล็ก มีจุดเด่น คือ สามารถขอได้โดยไม่ต้องพึ่งคนค้ำประกัน บางธนาคาร หรือสถาบันการเงิน จะมีสินเชื่อพิเศษที่ให้วงเงินสูง มีดอกเบี้ยต่ำ เพื่อใช้ปิดบัตรเครดิตโดยเฉพาะ
ทั้งนี้ แม้สินเชื่อส่วนบุคคลไม่จำเป็นจะต้องมีผู้ค้ำประกัน แต่ทางสถาบันการเงินจะพิจารณาจากรายได้ของผู้กู้ร่วมกับประวัติการชำระหนี้สินต่าง ๆ หากมีประวัติที่ดี ก็สามารถขอวงเงินได้สูงเพื่อปิดบัตรเครดิตได้ แต่ถ้ามีประวัติที่ไม่ดี หรือฐานรายได้ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ทางสถาบันการเงินต้องการ อาจได้วงเงินน้อยกว่าเกินกว่าจะนำมาปิดรวมหนี้บัตรเครดิต
- สินเชื่อรถแลกเงิน เหมาะสำหรับคนที่เป็นหนี้หลายเจ้าหรือเป็นหนี้ก้อนโต ไม่สามารถใช้เงินจากสินเชื่อส่วนบุคคลในการปิดบัตรเครดิตได้หมด การนำทรัพย์สินมาค้ำประกัน จะช่วยเพิ่มยอดวงเงินที่ขอกู้ยืมได้มากขึ้น
เช่น สินเชื่อส่วนบุคคลอาจจะขอได้สูงสุด 100,000 บาท แต่หากขอสินเชื่อรถแลกเงิน คุณอาจขอวงเงินได้สูงสุด 800,000 บาท ได้ ทั้งนี้อาจจะต้องวางแผนให้ดี เพราะหากเราไม่สามารถหาเงินมาหมุน รถยนต์ หรือสินทรัพย์ที่เรานำไปค้ำประกันอาจถูกยึดได้
เบื้องต้น ทาง แรบบิท แคร์ ไม่แนะนำให้ใช้บัตรกดเงินสด กดเงินเพื่อจ่ายเงินค่าบัตรเครดิต เพราะดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดจะคิดเป็นรายวัน หาหมุนเงินมาจ่ายไม่ทัน อาจจะกลายเป็นการเพิ่มหนี้ก้อนโตได้ หากต้องการใช้บัตรกดเงินสด ควรเป็นหนี้ก้อนเล็ก เป็นหนี้สินที่สามารถจ่ายคืนได้ในเร็ววันจะคุ้มค่ากว่ามาก
ปรึกษา และวางแผนการชำระหนี้
ถึงแม้จะเลือกสินเชื่อได้แล้ว แต่ยอดสินเชื่อบางอย่าง ก็ไม่สามารถใช้ปิดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดได้อยู่ดี ในกรณีแบบนี้แนะนำให้ ลูกหนี้เข้าไปปรึกษาร่วมกันกับสถาบันการเงินโดยตรง เพราะบางสถาบันการเงิน อาจจะเสนอสินเชื่อพิเศษ ดอกเบี้ยพิเศษต่าง ๆ ที่ช่วยให้คุณรวมหนี้เป็นก้อนเดียวได้ทันที!