Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
info

💙 แจก Starbuck Voucher มูลค่า 800 บาทฟรี! เพียงเปิดบัญชี Webull ผ่านช่องทางของ Rabbit Care สนใจ คลิก! 💙

เลือกประกันสุขภาพที่ใช่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา

เปรียบเทียบแผนง่าย
ไม่ต้องติดต่อตัวแทนขายประกัน

ข้อมูลส่วนตัวของท่านปลอดภัยแน่นอน

โรคที่ประกันสุขภาพไม่คุ้มครองมีอะไรบ้าง
user profile image
เขียนโดยNok Srihongวันที่เผยแพร่: May 31, 2024

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบเกิดจากอะไร และมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง?

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบเกิดจากอะไร?

จากบทความสุขภาพเรื่อง “ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ” ในเว็บไซค์ของ รพ.แมคคอร์มิค กล่าวถึงโรคต่อมน้ำเหลืองอักเสบ (Lymphadenitis) ว่าเป็นภาวะที่เกิดมีการอักเสบขึ้นมาของต่อมน้ำเหลืองหรือเนื้อเยื่อในระบบน้ำเหลือง ซึ่งอาจจะเกิดการติดเชื้อของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่าง ๆ ได้ด้วย และจะไปส่งผลทำให้ต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงนั้นเกิดการอักเสบตามมาด้วยโดยไม่มีการติดเชื้อในต่อมน้ำเหลือง เช่น ฟันผุ โรคเหงือก มีไข้ อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ แล้วไปส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองที่คอนั้นอักเสบขึ้นมา หรือจากการติดเชื้อของต่อมน้ำเหลืองอักเสบเอง เช่น การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ วัณโรคต่อมน้ำเหลือง โรคหัด โรคหวัด ต่อมน้ำเหลืองโต บวม แดง เจ็บ เป็นหนองที่มีสาเหตุมาจากต่อมน้ำเหลืองติดเชื้อแบคทีเรีย หรือจากการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ เช่น โรคออโตอิมมูน เป็นต้น

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบมีลักษณะเป็นอย่างไร?

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบจะมีลักษณะเป็นก้อนเล็ก ๆ รูปไข่ จับแล้วนุ่ม สามารถเคลื่อนที่ได้เล็กน้อย ซึ่งจะมีขนาดเล็กมิลลิเมตรในภาวะปกติที่คลำดูแล้วไม่พบ เพราะว่าต่อมน้ำเหลืองอักเสบนั้นไปปนอยู่กับเนื้อเยื่อไขมันและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่าง ๆ หรืออาจจะเกิดเป็นต่อมเดียวพร้อมกันในหลาย ๆ ตำแหน่ง เช่น คอ รักแร้ ฝีที่รักแร้ ขาหนีบ เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะขึ้นอยู่กับสาเหตุและตำแหน่งของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่เกิดการอักเสบอีกด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วโรคต่อมน้ำเหลืองอักเสบนี้มักจะพบได้ในทุกเพศทุกวัย และมักจะพบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะแล้วไปส่งผลกระทบก่อให้เกิดการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เคียงตามมานั่นเอง โดยที่ต่อมน้ำเหลืองนั้นจะกระจายไปอยู่ทั่วทุกอวัยวะในร่างกาย ยกเว้นในสมอง ซึ่งจะมีหน้าที่หลักในการไปดักจับสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่เข้ามาในร่างกายโดยเฉพาะเชื้อโรค และยังมีหน้าที่ในการช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและภูมิต้านทานให้กับร่างกายของเราอีกด้วย

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ อาการเป็นอย่างไร?

  1. มีอาการบวมหรือกดแล้วเจ็บบริเวณที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบ เช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ เป็นต้น

  2. ต่อมน้ำเหลืองเกิดการแข็งตัวหรือเกิดการขยายตัวแบบผิดปกติ
  3. มีหนองในต่อมน้ำเหลือง
  4. ผิวหนังบริเวณที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบจะมีสีแดง หรือมีริ้วสีแดงเกิดขึ้นมา

  5. มีของเหลวไหลออกมาจากต่อมน้ำเหลืองแล้วไปคั่งอยู่ที่ผิวหนัง
  6. ผิวหนังบริเวณรอบ ๆ ต่อมน้ำเหลืองอักเสบนั้นจะมีอาการบวมร่วมด้วย
  7. อาจพบว่าระบบทางเดินหายใจส่วนบนนั้นผิดปกติไป เช่น มีไข้ คัดจมูก มีอาการเจ็บคอ แขนหรือขาบวม มีเหงื่อออกขณะที่กำลังนอนหลับ เป็นต้น
  8. มีน้ำหนักที่ลดลง
  9. มีระบบการขับถ่ายที่ผิดปกติ เช่น ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย เป็นต้น
  10. มีอาการทางระบบประสาทบางอย่าง เช่น รู้สึกมึนงง ไม่ค่อยจดจำสิ่งต่าง ๆ หรือมีอาการซึมเศร้า เป็นต้น
  11. รู้สึกอ่อนเพลียและหนาว ที่เป็นผลกระทบมาจากการเปลี่ยนแปลงการผลิตของฮอร์โมน

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดต่อมน้ำเหลืองอักเสบ

  • เป็นผู้ป่วยมะเร็ง
  • มีภูมิคุ้มกันหรือมีภูมิต้านทานโรคที่ต่ำ เช่น โรค HIV เป็นต้น
  • มีการติดเชื้อในเนื้อเยื่อหรือในอวัยวะของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย
  • มีแผลหรือมีการอักเสบในเนื้อเยื่อหรือในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ผิวหนัง ช่องปาก อวัยวะเพศ เป็นต้น

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ห้ามกินอะไรบ้าง?

  1. ไม่ควรกินอาหารที่ค่าดัชนีน้ำตาลสูง หลีกเลี่ยงข้าวแป้งที่ขัดสี
  2. ควรงดการรับประทานชีส ผลิตภัณฑ์จากนม รวมไปถึงสัตว์เนื้อแดงด้วย
  3. งดรับประทานผลไม้ที่มีรสชาติหวานหรือมีค่าดัชนีน้ำตาลสูง นอกจากนั้นรับประทานได้ทุกชนิดและควรรับประทานแต่พอดี ไม่ควรทานเยอะจนเกินไป เพราะหากได้รับผลไม้เกินความจำเป็นก็จะไปส่งผลให้ร่างกายได้รับพลังงานที่มากจนเกินไป และทำให้ไปเพิ่มปัจจัยกับเซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้
  4. ควรรับประทานผักให้มากกว่า 5 ทัพพีต่อวัน เพราะจะสามารถช่วยในเรื่องของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้ แนะนำให้รับประทานผักในกลุ่มของกะหล่ำ บร็อกโคลี เพราะจะมีฤทธิ์ช่วยควบคุมเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย
  5. ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีไขมันเยอะเกินไปในแต่ละวัน เพราะจะทำให้ไปเพิ่มพลังงานมากจนเกินความจำเป็นและความต้องการของร่างกายได้

วิธีการรักษาโรคต่อมน้ำเหลืองอักเสบมีอะไรบ้าง?

การรักษาโรคต่อมน้ำเหลืองอักเสบนั้นจะเป็นการรักษาสาเหตุ คือ

  • มีการหยุดยาหรือปรับเปลี่ยนตัวยา เมื่อมีสาเหตุมาจากยาที่รับประทานเข้าไป
  • มีการทำฟัน เมื่อมีสาเหตุมาจากฟันผุ
  • การทำแผลและรักษาแผลต่าง ๆ เมื่อสาเหตุมาจากแผล
  • การให้ยาปฏิชีวนะ เมื่อสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • การรักษาวัณโรค เมื่อสาเหตุมาจากเชื้อวัณโรค
  • การรักษาโรคมะเร็ง เมื่อสาเหตุมาจากโรคมะเร็ง
  • การรักษาตามอาการ คือ เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบ กินยาอะไร? ก็จะต้องกินตามสาเหตุ เช่น หากมีอาการปวดต่อมน้ำเหลือง ก็ให้กินยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดไปก่อน

วิธีป้องกันต่อมน้ำเหลืองอักเสบ

  • ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือการรีบไปพบแพทย์โดยทันทีเมื่อมีอาการไข้ เพราะนี่เป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือการอักเสบเบื้องต้น
  • ถ้าหากว่ามีอาการปวดบวม กดเจ็บ หรือคลำเจอก้อนใต้ผิวหนังร่วมด้วยก็ไม่ควรไปเจาะ แกะ เกา หรือทำอะไรด้วยตนเอง เพื่อป้องกันการอักเสบที่อาจจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น หรืออาจจะเกิดเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายขึ้นมาได้นั่นเอง
  • สำหรับผู้ป่วยโรคต่อมน้ำเหลืองอักเสบนั้นก็สามารถที่จะป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ด้วยการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งและทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาอะไรก็ตามที่ยังไม่ได้มีการปรึกษาแพทย์มาก่อน เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนอันตรายอื่น ๆ ตามมาในภายหลัง
  • หากมีอาการปวดบวมหรือเจ็บปวดบริเวณที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ให้ใช้ของเย็นประคบเพื่อบรรเทาอาการปวดบวมในเบื้องต้น
  • ควรปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม และทำตามคำแนะนำของแพทย์โดยเคร่งครัด เพื่อที่อาการต่อมน้ำเหลืองอักเสบนั้นจะหายได้เร็วมากยิ่งขึ้น แต่ก็อาจจะต้องใช้เวลาในการพักฟื้นสักพักในการที่ต่อมน้ำเหลืองนั้นจะบวมน้อยลง ซึ่งตัวผู้ป่วยจะต้องสังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าหากว่ามีอาการที่บ่งบอกว่าจะกลับมาเป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบซ้ำขึ้นมาอีก ก็ควรที่จะรีบไปพบแพทย์โดยทันที เพื่อหาวิธีและวางแผนป้องกันความรุนแรงของต่อมน้ำเหลืองอักเสบที่อาจจะเกิดขึ้นมาอีกครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • พยายามรักษาสุขอนามัยขั้นพื้นฐานให้ดี
  • พยายามดูแลรักษาความสะอาดต่อมน้ำเหลือง ไม่ไปคลำบ่อย หรือพยายามไม่ไปเกา เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อขึ้นมาได้
  • กินอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ และมีสารอาหารครบถ้วน
  • หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ

ดังนั้นเรื่องสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศใดหรือจะมีอายุเท่าไหร่ก็ตาม การวางแผนป้องกันไว้ก่อนจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งการทำประกันสุขภาพไว้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีในการเริ่มต้นวางแผนในตอนที่เรายังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอยู่ เพื่อการได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่ในตอนที่เกิดเจ็บป่วยกะทันหันขึ้นมา ดังนั้นการวางแผนเตรียมตัวไว้ก่อนจึงทำให้เรานั้นสามารถมั่นใจได้มากกว่าการไม่เตรียมตัวเลยนั่นเอง อีกทั้งยังช่วยรองรับความเสี่ยงด้วยวงเงินคุ้มครองในยามที่เราเจ็บป่วยได้อีกด้วย เพราะค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการรักษาที่มีประสิทธิภาพนั้นจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นในเรื่องของสวัสดิการด้านสุขภาพทั่วไปจึงยังไม่สามารถครอบคลุมในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลได้อย่างเต็มที่เหมือนกับการทำประกันสุขภาพนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ประกันสุขภาพสามารถลดภาระค่ารักษาพยาบาลได้ ประกันสุขภาพสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ และประกันสุขภาพสามารถเคลมในกรณีที่เจ็บป่วยเล็กน้อยได้ เป็นต้น

โดยทาง แรบบิท แคร์ ก็ได้มีบริการเปรียบเทียบแผนประกันสุขภาพที่ใช่สำหรับคุณ โดยที่ไม่ต้องติดต่อตัวแทนขายประกันแต่อย่างใด ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าข้อมูลส่วนตัวของทุกท่านจะปลอดภัยและมั่นใจได้โดยที่ไม่ต้องเป็นกังวลอีกด้วย ซึ่งแรบบิท แคร์ นั้นได้มีทุกแผนประกันสุขภาพที่คุ้มครองครบ และตอบโจทย์ทุกความต้องการรวมอยู่ในที่นี่ที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพผู้ป่วยใน (IPD) ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก (OPD) และประกันสุขภาพโรคร้ายแรง (Critical illness Insurance) อีกทั้งลูกค้ายังสามารถปรึกษาปัญหาสุขภาพกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก Chiiwii ผ่านการวิดีโอคอลออนไลน์ได้อีกด้วย เพื่อเป็นการมอบความสะดวกสบายและความสบายใจให้กับลูกค้าอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งบริการรับใบสั่งยาออนไลน์แล้วให้คุณไปรับยาได้เองที่ร้านเภสัชใกล้บ้าน หรือจะเลือกเป็นบริการจัดส่ง (มีค่าจัดส่ง) ให้ถึงที่บ้านก็ทำได้เช่นเดียวกัน โดยสามารถใช้บริการนี้ได้ที่ Rich menu ใน Line official account ของแรบบิท แคร์

ประกันสุขภาพที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ

Generali Health Lump Sum Plus ประกันสุขภาพเหมาจ่ายGenerali Health Lump Sum Plus

เหมาจ่าย

  • สมัครง่าย เบี้ยเริ่มต้นเพียง 22 บาท/วัน
  • เหมาจ่ายรักษาสูงสุด 1,000,000 บาท
  • ดูแลค่าห้อง รพ. สูงสุด 8,000 บาท/วัน
  • คุ้มครองค่าพยาบาลพิเศษ สูงสุด 1,000/วัน
  • คุ้มครองทันตกรรม สูงสุด 1,000 บาท/ปี
  • คุ้มครอง OPD รับค่ารักษาสูงสุด 1,500 บาท
  • ลดหย่อนภาษี สูงสุด 25,000 บาท
Delight Care ประกันสุขภาพเหมาจ่ายDelight Care

เหมาจ่าย

  • เบี้ยประหยัด คุ้มครองครบ เริ่มเพียง 53 บาท/วัน
  • เหมาจ่ายค่ารักษา สูงสุด 1.25 ล้าน ไม่จำกัดครั้ง
  • ค่าห้องครอบคลุม สูงสุด 3,000 บาท/วัน
  • สมัครได้ทุกวัย ตั้งแต่ 1 เดือน - 60 ปี
  • เจอมะเร็งลุกลาม รับผลประโยชน์เพิ่ม 1 เท่า
  • คุ้มครองชีวิตสูงสุด 150,000 บาท
  • นอนรพ.ทั่วไทย ไม่ต้องสำรองจ่าย
AIA Health Saver ประกันสุขภาพเหมาจ่าย AIA Health Saver

เหมาจ่าย

  • เบี้ยประหยัด เริ่มต้นเพียง 575 บาท/เดือน
  • คุ้มครองเหมาจ่าย สูงสุด 500,000 บาท
  • คุ้มครอง OPD สูงสุด 30 ครั้ง/ปี
  • สมัครได้ทุกวัย ตั้งแต่อายุ 15 วัน - 75 ปี
  • คุ้มครอง 2 เท่า ตรวจพบ 6 โรคร้ายแรง
  • คุ้มครอง OPD สูงสุด 1,500 บาท/ครั้ง
  • ลดหย่อนภาษีคุ้มๆ สูงสุด 25,000 บาท
PRUHealthcare Plus ประกันสุขภาพเหมาจ่ายPRUHealthcare Plus

เหมาจ่าย

  • เบี้ยฯ สุดคุ้ม เริ่มต้นเพียง 20 บาท/วัน
  • เจ็บป่วยอุ่นใจ คุ้มครองค่ารักษา 500,000 บาท
  • คุ้มครองค่าห้องผู้ป่วยใน สูงสุด 5,000 บาท/วัน
  • สมัครได้ตั้งแต่อายุ 20-60 ปี ต่ออายุถึง 64 ปี
  • เจอ จ่าย จบ มะเร็ง คุ้มครองสูงสุด 1 ล้าน
  • คุ้มครองชีวิต เสียชีวิตรับสูงสุด 100,000 บาท
  • เพิ่มคุ้มครอง 2 เท่า เมื่อรักษาใน ICU

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา