ขับรถชนท้ายประกันจ่ายไหม ดูอย่างไรว่าใครเป็นฝ่ายผิด

การขับชนท้าย เป็นอุบัติเหตุทางถนนที่อาจเกิดจากการเบรกรถหรือไม่สามารถหยุดรถกระทันหันได้ อุบัติเหตุชนท้ายจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความเสียหายได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายทางร่างกาย ความเสียหายทางทรัพย์สิน หรือความเสียหายทางจิตใจ การชนท้ายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ที่มีการขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นทางหลวง ถนนในเมือง หรือทางเข้าออกจากโรงงาน การเกิดอุบัติเหตุชนท้ายสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในสภาพทางอากาศที่ดีและไม่ดี แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีการเกิดอุบัติเหตุชนท้ายมากขึ้นในช่วงเวลาที่มีการเดินทางหนาแน่น เช่น เวลาเช้าและเย็นของวันธรรมดา หรือช่วงวันหยุดยาว เนื่องจากมีจำนวนผู้ขับขี่ที่มากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว แรบบิท แคร์ จะพาไปดูกรณีศึกษาว่าการชนท้ายและเป็นผู้ถูกชนท้ายในแต่ละกรณีเป็นอย่างไร และประกันคุ้มครองไหม ดังนี้

การชนท้ายเป็นเหตุการณ์ที่พบได้บ่อยในการขับรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ชนท้ายรถยนต์ หรือรถมอเตอร์ไซค์ชนท้ายรถยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการขับรถไม่ระมัดระวังหรือไม่เห็นและเกิดความเสียหายกับรถยนต์ โดยปกติแล้ว ผู้ที่ชนท้ายจะถือว่าเป็นฝ่ายผิด แต่ในบางกรณี คู่กรณีอาจเป็นฝ่ายผิดได้เช่นกัน ดังนั้น ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุชนท้าย คุณจะต้องดูว่าใครเป็นฝ่ายผิดและว่าประกันรถยนต์จะจ่ายค่าเสียหายหรือไม่

ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุชนท้าย คุณจะต้องทำการตรวจสอบสภาพความเสียหายของรถยนต์ของทั้งสองฝ่าย หากคุณเป็นฝ่ายถูก คู่กรณีจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายให้คุณทั้งหมด แต่ถ้าเขาไม่มีเงินจ่าย ไม่ได้ซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือไม่มีการจดทะเบียนรถยนต์ คู่กรณีที่ผิดก็ต้องหาเงินมาจ่ายค่าเสียหายให้คุณอยู่ดี

แต่ในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิด คุณจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายของคู่กรณีด้วย ซึ่งประกันรถยนต์ชั้น 1 จะคุ้มครองคุณจากความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ถ้าคุณไม่ได้มีประกันรถยนต์ชั้น 1 คุณจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้คู่กรณีเอง ดังนั้น หากเกิดอุบัติเหตุชนท้าย คุณควรติดต่อบริษัทประกันรถยนต์ของคุณเพื่อทราบขั้นตอนการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการชนท้าย และวิธีการเรียกร้องค่าเสียหาย โดยปกติแล้ว บริษัทประกันรถยนต์จะต้องเข้ามาเป็นผู้ตัดสินใจว่าใครเป็นฝ่ายผิด

เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่รถเบรกชนท้ายกับรถยนต์อื่น ๆ ก็จะเกิดความเสียหายแก่ทั้งสองฝ่าย แต่รถยนต์ที่ถูกชนท้ายจะมีความเสียหายมากกว่า รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่สูงกว่าด้วย การทำประกันรถยนต์จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคุ้มครองตัวเองและรถยนต์ของเราในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ แต่การคุ้มครองที่ได้จะขึ้นอยู่กับแผนประกันที่เราเลือกไว้ และสิ่งที่เกิดขึ้นในอุบัติเหตุนั้น ๆ หากเกิดเหตุการณ์ที่รถเบรกชนท้ายกับรถยนต์อื่น ๆ แล้วเป็นฝ่ายผิด รถที่เบรกจะต้องรับผิดชอบความเสียหายต่อรถยนต์ที่ถูกชนท้าย แต่ถ้าหากไม่ได้เป็นฝ่ายผิด รถยนต์ที่ถูกชนท้ายจะต้องรับผิดชอบความเสียหายของตนเอง

การทำประกันรถยนต์จะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ของเราในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ แต่การคุ้มครองที่ได้จะขึ้นอยู่กับแผนประกันที่เราเลือกไว้ การทำประกันรถยนต์จะคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ของเราตามเงื่อนไขและขอบเขตที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย ยกตัวอย่างเช่น การคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ที่เกิดจากอุบัติเหตุชนกัน การคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ที่เกิดจากอุบัติเหตุที่ไม่ใช่การชนกัน และอื่น ๆ การทำประกันรถยนต์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญและควรทำเพื่อคุ้มครองตัวเองและทรัพย์สินของตัวเราเอง

การขับรถและเกิดอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่หากเกิดขึ้นก็ต้องรู้วิธีการจัดการให้ถูกต้อง หนึ่งในอุบัติเหตุที่พบได้บ่อยคือการชนท้าย ซึ่งอาจเกิดจากการไม่เปิดไฟเลี้ยวหรือการขับรถไม่เหมาะสม

ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่เปิดไฟเลี้ยวหรือขับรถไม่เหมาะสม ทำให้เกิดการชนท้ายกับรถข้างหน้า ถือว่าผู้ขับขี่ที่ไม่เปิดไฟเลี้ยวหรือขับรถไม่เหมาะสมเป็นฝ่ายผิด ดังนั้น คู่กรณีที่เป็นฝ่ายถูกจะไม่ได้รับการคุ้มครองจากประกันรถ แต่ถ้าเกิดเป็นฝ่ายผิด คู่กรณีจะต้องรับผิดชอบการชดเชยค่าเสียหายของรถของฝ่ายถูก

หากผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายถูกมีประกันรถยนต์ชั้นหนึ่งขึ้นไป จะได้รับการคุ้มครองค่าเสียหายของรถ แต่ต้องตรวจสอบเงื่อนไขและข้อจำกัดของกรมธรรม์ประกันรถยนต์ก่อน หากผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายถูกไม่มีประกันรถยนต์ จะต้องเสียเงินเพื่อซ่อมแซมรถเองหรือใช้เงินจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด

การโดนชนท้ายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ในการขับรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกลางคืน ที่มองเห็นได้ยาก หากคุณมีประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือชั้น 2+ รถของคุณจะได้รับการคุ้มครองในกรณีที่โดนชนท้าย และประกันจะจ่ายค่าเสียหายตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ แต่ถ้าคุณไม่มีประกันรถยนต์ หรือมีแต่ประกันชั้น 3 คุณอาจต้องเสียค่าเสียหายเอง ซึ่งอาจทำให้คุณต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก

ซึ่งคุณสามารถป้องกันการเกิดเหตุการณ์ชนท้ายได้โดยการควบคุมความเร็วของรถให้เหมาะสมกับสภาพถนน และปรับเปลี่ยนเลนของรถเมื่อจำเป็น นอกจากนี้ คุณยังควรเลือกที่จอดรถในที่ที่ปลอดภัยและไม่จอดข้างทางเพื่อลดความเสี่ยงในการโดนชนท้าย ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ชนท้าย คุณก็ควรแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และถ่ายภาพหรือวิดีโอเพื่อเป็นหลักฐาน จากนั้นก็สามารถร้องเรียกร้องค่าเสียหายจากประกันรถยนต์ได้ โดยประกันจะชดเชยค่าเสียหายตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ดังนั้น หากคุณต้องความคุ้มครองรถยนต์จากการชนท้าย คุณควรเลือกที่จอดรถในที่ที่ปลอดภัย ไม่จอดข้างทาง และเลือกประกันรถที่ครอบคลุม

การโดนชนท้ายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในการขับขี่รถยนต์ และส่วนใหญ่จะเกิดจากความไม่ระมัดระวังของคนขับหรือคนขับรถที่อยู่ข้างหลัง หากเกิดเหตุการณ์นี้ คนขับรถที่โดนชนท้ายสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ตามที่กฎหมายกำหนด โดยสามารถเรียกร้องได้ต่อไปนี้

• ค่าซ่อมรถ : หากรถของคุณโดนชนท้าย คุณสามารถเรียกร้องค่าซ่อมรถจากคู่กรณีได้ โดยค่าซ่อมรถจะขึ้นอยู่กับความเสียหายของรถ และสามารถเรียกเก็บได้ตามที่กำหนดในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่คุณได้ทำไว้
• ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง : หากเกิดเหตุการณ์โดนชนท้ายแล้วรถของคุณไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว คุณสามารถเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อทำธุระต่างๆ
• ค่าสินไหมทดแทน : หากรถยนต์ของคุณถูกเสียหายจากการชนท้ายและต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมนาน คุณอาจสูญเสียรายได้หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นจากการไม่มีรถยนต์ใช้ ในกรณีนี้ คุณสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้
• ค่าเสียหายทางร่างกาย : หากคุณได้รับบาดเจ็บจากการโดนชนท้าย คุณสามารถเรียกร้องค่าเสียหายต่อร่างกายได้ ซึ่งรวมถึงค่ารักษาพยาบาล ค่ายา ค่าบริการทางการแพทย์ และค่าบำรุงรักษาสุขภาพอีกด้วย

การขับรถชนท้ายไม่ได้เป็นเรื่องที่คนใดต้องการให้เกิดขึ้น แต่บางครั้งอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะกับผู้ขับที่ไม่มีประกันภัยรถยนต์ หากเกิดเหตุการณ์รถชนท้าย คนขับที่ไม่มีประกันภัยรถยนต์จะต้องจัดการอย่างไร แรบบิท แคร์จะพาไปดูวิธีการจัดการโดยเบื้องต้น ดังนี้

• หยุดรถในที่ปลอดภัย ไม่เคลื่อนย้ายรถจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาตรวจสอบสถานการณ์
• โทรแจ้งตำรวจทางหลวง หรือศูนย์บริการประกันภัยรถยนต์ให้ทราบถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
• หากคู่กรณีของคุณไม่มีประกันภัยรถยนต์ คุณก็ควรติดต่อกับเจ้าหน้าที่อื่นเพื่อขอความช่วยเหลือ หรือหากคู่กรณีของคุณมีประกันภัยรถยนต์ คุณก็ควรติดต่อกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ของคู่กรณีเพื่อขอความช่วยเหลือในการเรียกร้องค่าเสียหาย
• ในกรณีที่คู่กรณีไม่มีประกันภัยรถยนต์ คุณก็สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย โดยจะต้องเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีโดยตรง หากคู่กรณีไม่ยอมชดเชย คุณก็สามารถเรียกร้องค่าเสียหายผ่านทางศาลได้ เพียงแต่ต้องเตรียเอกสารที่เกี่ยวข้องให้พร้อม

เมื่อเกิดอุบัติเหตุการชนท้ายบนท้องถนน และคู่กรณีไม่มีประกันภัยรถยนต์ทั้งคู่ สิ่งที่ต้องทำคือการเจรจาค่าเสียหายต่าง ๆ ก่อนไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ เพื่อเป็นหลักฐานว่าใครเป็นฝ่ายผิด และมีการรับผิดชอบความเสียหายและค่าชดเชยต่าง ๆ อย่างไร หากคู่กรณีไม่มีประกันภัยรถยนต์ทั้งคู่ คนที่ชนท้ายจะต้องรับผิดชอบความเสียหายตามกฎหมาย โดยต้องจ่ายค่าเสียหายแก่รถที่ถูกชนและค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่กรณี แต่ถ้าคู่กรณีไม่ยอมรับผิดชอบ คนที่ชนท้ายก็สามารถดำเนินคดีฟ้องร้องค่าเสียหายได้

นอกจากนี้ คนที่ชนท้ายอาจต้องรับโทษและปรับเงินตามกฎหมาย เช่น หากเกิดอุบัติเหตุชนท้ายแล้วมีการบริการช่วยเหลือเหนือธรรมชาติ เช่น การใช้บริการของบริษัทเอกชนในการลากรถ คนที่ชนท้ายจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการบริการนี้ด้วย ดังนั้น หากคนที่ชนท้ายไม่มีประกันภัยรถยนต์ทั้งคู่ ควรติดต่อกับคู่กรณีเพื่อเริ่มต้นการเจรจาค่าเสียหาย และหากไม่สามารถเจรจาได้ คนที่ชนท้ายสามารถดำเนินการฟ้องร้องค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย

เพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และหากเกิดอุบัติเหตุขั้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายตามมา การซื้อประกันรถติดไว้จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา เพราะคุณจะได้ความคุ้มครองมากมายทั้ง เงินชดเชยความเสียหายต่อทรัพย์สินคู่กรณี ค่าซ่อมรถยนต์ของคุณ ค่ารักษาพยาบาลส่วนเกินจาก พ.ร.บ. ซึ่งการที่คุณยอมจ่ายเบี้ยประกันรถยนต์เพียงไม่กี่บาทต่อปี ย่อมคุ้มค่ากว่าเสียเงินก้อนใหญ่เมื่อเกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอน ดังนั้นประกันภัยรถยนต์จึงเป็นสิ่งจำเป็นและต้องหมั่นต่อประกันอยู่เสมอไม่ให้ขาด

และแรบบิท แคร์ ก็มีแผนความคุ้มครองมากมาย คุณสามารถเลือกเปรียบเทียบแผนประกันได้ทันทีจากหลาย ๆ แพลตฟอร์ม ซื้อง่าย ได้กรมธรรม์เร็ว มีบริการสุด exclusive ให้คุณมากกว่าเจ้าอื่น เมื่อซื้อประกันกับเรา คุณสามารถเลือกผ่อนค่าเบี้ยประกันแบบเงินสดได้ ทุกชั้นประกัน ประกันชั้น 1, ประกันชั้น 2+, ประกันชั้น 2, ประกันชั้น 3+ และประกันชั้น 3 สูงสุด 10 งวด ไม่มีบัตรเครดิตก็ผ่อนได้สบาย ๆ กระเป๋า รวมถึงที่นี่เราเลือกสรรบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่มีคุณภาพการบริการที่ดีเยี่ยม มากกว่า 15 บริษัทประกันชั้นนำ ลูกค้าสบายใจได้เมื่อซื้อประกันผ่านเรา เทียบประกันรถยนต์ออนไลน์ ซื้อกับเราแรบบิท แคร์ คุ้มค่าที่สุด แคร์คุณที่สุด

การขับรถชนท้ายเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งบนท้องถนน และโดยทั่วไป ผู้ขับขี่ที่ชนท้ายจะถือว่าเป็นฝ่ายผิดในทางกฎหมาย เนื่องจากการเว้นระยะห่างไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม การเคลมประกันในกรณีนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันรถยนต์ที่คุณทำ โดยแต่ละชั้นของประกันจะคุ้มครองต่างกัน ดังนี้:

1. ประกันชั้น 1 กรณีขับรถชนท้าย

• คุ้มครองทั้งรถคุณและรถคู่กรณี : ประกันชั้น 1 ครอบคลุมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของคุณและรถของคู่กรณี รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและค่ารักษาพยาบาลของบุคคลที่ได้รับบาดเจ็บ (ถ้ามี)
• ค่าสินไหมทดแทน : บริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าซ่อมแซมรถของคุณและรถคู่กรณีทั้งหมด โดยไม่สนใจว่าคุณเป็นฝ่ายผิดหรือถูก และยังครอบคลุมกรณีที่มีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็ได้
  
  

2. ประกันชั้น 2+ กรณีขับรถชนท้าย

• คุ้มครองความเสียหายของรถคู่กรณี : ประกันชั้น 2+ จะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถคู่กรณีที่คุณชนท้าย รวมถึงค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
• คุ้มครองรถของคุณ : นอกจากนี้ยังครอบคลุมค่าซ่อมแซมรถของคุณในกรณีที่ชนกับ "ยานพาหนะทางบก" เท่านั้น
• ค่าสินไหมทดแทน : บริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าซ่อมแซมทั้งรถของคุณและรถคู่กรณี หากอุบัติเหตุเกิดจากการชนกับยานพาหนะทางบก
  
  

3. ประกันชั้น 2 กรณีขับรถชนท้าย

• คุ้มครองความเสียหายของคู่กรณีเท่านั้น : ประกันชั้น 2 จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายของรถคู่กรณี และค่ารักษาพยาบาลของบุคคลที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
• ไม่คุ้มครองรถของคุณ : หากคุณเป็นฝ่ายผิด รถของคุณจะไม่ได้รับความคุ้มครองในการซ่อมแซม ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
  
  

4. ประกันชั้น 3+ กรณีขับรถชนท้าย

• คุ้มครองคู่กรณีและรถของคุณ : ประกันชั้น 3+ คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับรถคู่กรณีและรถของคุณเอง ในกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น
• ค่าสินไหมทดแทน : บริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าซ่อมแซมทั้งรถของคุณและคู่กรณีในกรณีชนท้าย แต่ไม่คุ้มครองในกรณีที่ชนสิ่งกีดขวางหรือไม่มีคู่กรณี
  
  

5. ประกันชั้น 3 กรณีขับรถชนท้าย

• คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี : ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะความเสียหายของรถคู่กรณีและค่ารักษาพยาบาลของบุคคลภายนอกเท่านั้น
• ไม่คุ้มครองรถของคุณ : รถของคุณเองจะไม่ได้รับความคุ้มครองเลย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก
  
  

การเลือกชั้นของประกันจึงขึ้นอยู่กับความต้องการและระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ในการขับขี่รถบนท้องถนนนั่นเอง