กฎหมายรถมอเตอร์ไซค์ชนรถยนต์ ใครเป็นฝ่ายผิด?

กรณีรถมีประกันชนกับรถที่ไม่มีประกัน จะสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่

• 1. หากตกลงกันได้ทั้ง 2 ฝ่าย
  ถ้าหากว่ารถที่มีประกันนั้นเป็นฝ่ายผิด ในกรณีนี้สามารถโทรเรียกเจ้าหน้าที่ประกันภัยให้มาทำเรื่องเคลมประกันได้เลยทันที โดยที่ทางบริษัทประกันภัยนั้นจะออกใบเคลมประกันให้ทั้งรถของคุณและรถของคู่กรณี ซึ่งทางฝ่ายคู่กรณีนั้นสามารถนำใบเคลมประกันนี้ไปเรียกร้องค่าซ่อมแซม และค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถที่บริษัทประกันภัยได้ด้วย
• 2. ฝ่ายผิดเป็นรถที่ไม่มีประกัน ชนกับฝ่ายถูกเป็นรถมีประกัน
  สำหรับในกรณีนี้ ทางบริษัทประกันภัยจะเข้ามาเป็นตัวแทนของฝ่ายที่ถูกในเรื่องของการเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากทางฝั่งของคู่กรณี
• 3. ประมาทร่วม
  สำหรับในกรณีนี้ ทางฝ่ายที่ทำประกันภัยชั้น 1 ชั้น 2+ หรือชั้น 3+ สามารถโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัย เพื่อทำเรื่องเคลมประกันรถกับทางบริษัทประกันได้เลย เช่น มอเตอร์ไซค์ ชนรถเก๋ง เคลมประกันได้เลยหากมีการทำประกันภัยชั้น 1 ชั้น 2+ หรือชั้น 3+ โดยที่อาจจะตกลงกับทางฝั่งของคู่กรณีว่าให้ต่างฝ่ายต่างซ่อมรถของตนเอง เพราะถ้าหากว่าเป็นรถที่มีประกันก็อาจจะส่งผลทำให้เสียประวัติดีในปีต่อไป และอาจส่งผลทำให้เบี้ยประกันในปีถัดไปนั้นสูงขึ้นอีกด้วย แต่ถ้าเป็นรถที่ไม่มีประกันก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถเองทั้งหมดนั่นเอง
  
  

กรณีที่รถไม่มีประกันทั้ง 2 ฝ่าย จะขึ้นอยู่กับการเจรจา ไกล่เกลี่ย และต่อรองกับทางฝั่งของคู่กรณี ซึ่งจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่

• หากตกลงกันได้
  สำหรับรถที่ไม่มีประกันและเป็นฝ่ายผิดนั้น ก็จะต้องมีการชดใช้ค่าเสียหายทั้งในเรื่องของค่าซ่อมรถ ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ค่าเสียเวลา รวมไปถึงค่าเสื่อมราคารถยนต์ให้กับทางฝั่งของคู่กรณีที่ได้มีการตกลงกันไว้
• ประมาทร่วม
  หากตกลงกันได้แล้วว่าเป็นการประมาทร่วม ก็อาจจะจบเรื่องโดยที่ต่างฝ่ายต่างรับผิดชอบค่าซ่อมรถของตนเองไป โดยที่ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายอื่น ๆ ได้อีก

โดยปกติแล้วการจะดูว่าใครเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูกนั้น มักจะพิจารณาจากข้อกฎหมายดังนี้

กรณีขับรถโดยประมาท

สำหรับในกรณีนี้ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ก็จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายแน่นอน ดังนั้นในกฎหมายรถมอเตอร์ไซค์ชนรถยนต์ หากจะถามว่ามอเตอร์ไซค์ชนท้ายรถยนต์ใครผิด คำตอบคือรถมอเตอร์ไซค์ผิด หากมีการขับขี่โดยประมาท เช่น เมาแล้วขับ เป็นต้น

กรณีขับรถชนท้าย

จากข้อมูลตามกฎหมายพระราชบัญญัติการจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 40 ได้ระบุไว้ว่า โดยปกติแล้วผู้ขับขี่จะต้องคอยเว้นระยะของรถให้ห่างจากคันข้างหน้าพอสมควร เพื่อให้สามารถหยุดรถได้อย่างปลอดภัยในระยะที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและรถคันข้างหน้า อีกทั้งในปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีกล้องหน้ารถมาช่วยเป็นหลักฐานได้อีกด้วย จึงสามารถนำหลักฐานจากกล้องตรงนี้มาใช้พิจารณาความผิดร่วมด้วยได้นั่นเอง

กรณีฝ่าฝืนกฎหมาย

ยกตัวอย่างเช่น รถที่ขับสวนเลนหรือรถที่ขับฝ่าไฟแดงแล้วมาชนกับรถของเรา หรือรถมอเตอร์ไซค์ชนท้ายรถยนต์ใครผิด สำหรับในกรณีนี้จะถือว่ารถที่ขับฝ่าฝืนกฎหมายมานั้นมีความผิดเต็ม ๆ

กรณีเป็นเหตุสุดวิสัย

สำหรับในกรณีที่เป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ได้ตั้งใจชน อย่างการที่มีรถมอเตอร์ไซค์มาวิ่งตัดหน้าเราที่กำลังขับรถยนต์มาตามปกติ แล้วทำให้เราเกิดเบรกรถไม่ทันจนทำให้ไปชนเข้ากับรถมอเตอร์ไซค์ แบบนี้ก็จะถือว่าไม่ใช่ความผิดของรถยนต์ แต่ก็จะต้องมีไปเช็กในเรื่องของอัตราความเร็วที่รถยนต์วิ่งมาด้วยเช่นเดียวกัน

กรณีมีเจตนาขับรถชน

ขึ้นชื่อว่ามีเจตนาหรือจงใจทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น แบบนี้ก็จะถือว่ามีความผิดเต็ม ๆ ไม่ว่าจะขับรถมอเตอร์ไซค์หรือขับรถยนต์ก็ตาม

• 1. สำหรับการชนกันแบบธรรมดา ไม่ได้มีผู้บาดเจ็บหรือมีคนตาย จะถือว่ามีความผิดฐานขับรถโดยประมาท มีโทษปรับตั้งแต่ 400 - 1,000 บาท ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 43 (4) และมาตรา 157
• 2. สำหรับการชนกันแล้วมีการบาดเจ็บนิดหน่อย จะถือว่ามีความผิดฐานขับรถโดยประมาท จนเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายทางร่างกายหรือจิตใจ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390
• 3. สำหรับการชนกันจนทำให้คู่กรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส พิการ สูญเสียอวัยวะ หรือต้องรักษาตัวนานเกิน 20 วัน จะถือว่ามีความผิดฐานขับรถโดยประมาท จนเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
• 4. สำหรับการชนกันจนทำให้คู่กรณีถึงแก่ความตาย จะถือว่ามีความผิดฐานขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นนั้นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับ 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291

• กรณีที่เป็นฝ่ายถูก ทางคู่กรณีจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น นั่นก็คือทางบริษัทประกันภัยของคู่กรณีจะเป็นผู้ดำเนินการในส่วนนี้ให้นั่นเอง โดยที่เราสามารถนำรถไปซ่อมที่ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถได้เลยโดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
• กรณีที่เป็นฝ่ายผิด ตามกฎหมายรถมอเตอร์ไซค์ชนรถยนต์ หรือการขับรถชนท้ายรถคันอื่น ในเรื่องของค่าเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น ทางผู้ขับขี่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด แต่ถ้าหากว่ามีการทำประกันภัยเอาไว้ ก็จะเป็นทางบริษัทประกันภัยที่จะเป็นผู้ชดใช้ค่าเสียหายให้ตามเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยชั้น 1 ชั้น 2+ หรือชั้น 3+ ก็ตาม เพียงแค่โทรหาเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัยที่ทำไว้ เพื่อหารือ เจรจา และไกล่เกลี่ยค่าเสียหายให้นั่นเอง

ถ้าเกิดว่าเราสามารถพิสูจน์ได้ว่าการขับรถชนท้ายนั้นเราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ก็จะต้องมีการนำหลักฐานที่เกี่ยวข้องมายืนยัน ไม่ว่าจะเป็นกล้องติดหน้ารถ กล้องวงจรปิดที่จุดเกิดเหตุ หรือการรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการชนท้ายที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากความประมาทของคุณ ได้แก่

• 1. ไม่ได้ขับเร็ว และมีการเว้นระยะห่างที่เพียงพอ
• 2. มีรถขับปาดรถคันข้างหน้า จึงทำให้เหยียบเบรกกะทันหัน
• 3. รถคันข้างหน้ามีการเปลี่ยนเลนกะทันหัน
• 4. ผู้ขับรถคันข้างหน้ามีอาการมึนเมา
• 5. รถคันหลังมาชนท้าย จึงทำให้รถเราเคลื่อนไปชนกับคันข้างหน้า

สำหรับมือใหม่หัดขับหรือรถยนต์ป้ายแดง แนะนำว่าให้เลือกทำเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ไปเลยจะดีที่สุด เพราะว่าเป็นกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุดในทุกกรณี จึงช่วยสร้างความมั่นใจในทุกการขับขี่มากยิ่งขึ้น เพราะไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ไฟไหม้ รถยนต์น้ำท่วม รถยนต์สูญหาย หรือเกิดอุบัติเหตุใด ๆ ก็ตาม ทางบริษัทประกันภัยก็จะให้ความคุ้มครองทั้งตัวเราและตัวคู่กรณีด้วย จึงคุ้มค่าและคุ้มราคากับเบี้ยประกันที่จะต้องจ่ายไปจริง ๆ เนื่องจากผลประโยชน์ที่เราจะได้รับนั้นเหมาะสมกับทั้งตัวเราและกับตัวรถยนต์เองด้วย สามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ประกันรถยนต์ชั้น 1

ในบรรดาแผนกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ล้วนมีราคาที่แตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นอยู่กับความคุ้มครองในแต่ละแผนกรมธรรม์ที่ลูกค้าได้เลือก ซึ่งถ้าจะให้เปรียบเทียบความคุ้มครองกับราคาของเบี้ยประกันภัยรถยนต์แล้ว แน่นอนว่าที่แรบบิท แคร์ นั้นสามารถให้ความสะดวกสบายได้มากเลยทีเดียว เนื่องจากว่าลูกค้าสามารถเลือกซื้อแผนกรมธรรม์ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้เลยทันที อีกทั้งแรบบิท แคร์ ยังมีแผนประกันภัยที่หลากหลายจากบริษัทประกันภัยชั้นนำทั่วประเทศ ที่ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบความคุ้มค่าได้ง่าย เช็กไว เช็กง่าย รวดเร็วทันใจ และยังมีความปลอดภัยสูง สามารถคลิกดูข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่ แรบบิท แคร์