“ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์” อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
เรื่องของความปลอดภัยในการขับขี่ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทั้งในด้านของผู้ขับขี่เองและในด้านของระบบความปลอดภัยของรถมอเตอร์ไซค์ นั่นก็คือในเรื่องของ “ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์” นั่นเอง เพราะถือว่าเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญของระบบเบรกที่ดี ดังนั้นจึงควรที่จะหมั่นดูแลรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับรถมอเตอร์ไซค์ในแต่ละรุ่น เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น
“ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์” คืออะไร?
รถมอเตอร์ไซค์ต่างก็มีระบบต่าง ๆ ที่คอยทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ และในระบบเบรคของรถมอเตอร์ไซค์ก็จะมี “ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์” ที่เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญในการทำหน้าที่ช่วยชะลอความเร็ว หรือหยุดรถมอเตอร์ไซค์เมื่อเรากำเบรคหรือเหยียบเบรค ตัวผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ก็จะไปสัมผัสกับตัวจานเบรคและทำให้เกิดเป็นแรงเสียดทาน และเมื่อมีการใช้ไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคู่มือรถมอเตอร์ไซค์ ตัวผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์นั้นก็จะเริ่มเสื่อมสภาพลงจากการใช้งาน อันเนื่องมาจากความร้อนบวกกับแรงเสียดทานในแต่ละครั้งที่ใช้งาน จึงทำให้ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์เริ่มบางลง และมีการเสื่อมสภาพลงตามลำดับ
ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ สำคัญอย่างไร?
สำหรับผ้าเบรคนั่นเป็นสิ่งที่จะอยู่กับรถที่สามารถขับเคลื่อนได้เกือบทุกชนิด เช่นเดียวกับรถมอเตอร์ไซค์ที่ต้องมีการติดตั้งผ้าเบรคเอาไว้ด้วยเหมือนกัน โดยที่ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์จะติดตั้งเอาไว้ที่จานเบรคโดยหน้าที่สำคัญของตัวผ้าเบรคนั้นก็คือ ช่วยชะลอความเร็วของรถมอเตอร์ไซค์เมื่อทำการกดเบรคผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์จะไปหนีบกับตัวจานเบรคที่กำลังหมุนและทำให้เกิดการเสียดสีขึ้นจนรถค่อยๆ ชะลอความเร็วและหยุดได้ในที่สุด โดยการที่ผ้าเบรคเกิดการเสียดสีอยู่เป็นประจำบ่อยครั้งและเป็นเวลานานก็จะทำให้เกิดความเสื่อมสภาพตามมา
ทั้งนี้ส่วนใหญ่แล้วการใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 4,000-5,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของรถด้วย เพราะบางยี่ห้อจะสามารถใช้งานผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ได้ยาวนานถึง 10,000 กิโลเมตร ซึ่งนอกจากการวัดระยะทางในการขับขี่แล้วสิ่งที่หลายคนสงสัยอย่างผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ควรเปลี่ยนตอนไหน ก็ต้องพิจารณาจากนิสัยการขับขี่ของแต่ละบุคคลด้วย เช่นใช้งานรถบ่อยครั้งหรือไม่ และการกดเบรคเกิดขึ้นเป็นประจำในตลอดการขับขี่ขนาดไหน ซึ่งก็จะมีผลต่อการเสื่อมสภาพของผ้าเบรคด้วย
ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์มีกี่ประเภท?
ในปัจจุบันนี้จะมีผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ที่ผู้คนนิยมใช้กันอยู่ทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
1. ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์แบบ Sintered Brake
ผ้าเบรคชนิดนี้จะได้รับความนิยมในการใช้งานมากที่สุด เพราะส่วนมากมักจะถูกติดตั้งมาจากโรงงานผลิตให้อยู่แล้ว โดยผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ชนิดนี้จะมีคุณสมบัติที่ครอบคลุมในทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นรถที่ใช้ขับขี่ทั่วไป หรือรถที่ใช้สำหรับแข่ง อีกทั้งยังเหมาะกับทุกสภาพอากาศ มีความทนทานต่ออุณหภูมิที่สูง คลายความร้อนได้ดี แต่ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ชนิดนี้ก็จะมีอายุการใช้งานที่สั้น ผ้าเบรคหมดเร็ว จึงทำให้จะต้องมีการเปลี่ยนผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์อันใหม่บ่อยครั้งมากกว่าประเภทอื่น แต่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานของผู้ขับขี่ด้วย
2. ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์แบบ Organic Brake
ส่วนผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ประเภทนี้จะผลิตมาจากเส้นใยไฟเบอร์และเรซิ่นชนิดพิเศษ บางรุ่นก็จะมีผสมเคฟลาร์และคาร์บอนเพิ่มเข้าไปด้วย เพื่อช่วยในเรื่องของความทนทานและช่วยยืดอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น โดยคุณสมบัติของผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ประเภทนี้คือจะมีความนุ่มนวลในการหยุดรถได้ดีในช่วงที่ความเร็วรถยังไม่สูงมาก และจะไม่ค่อยกินจานเบรคเท่าไหร่ จึงเหมาะสำหรับการใช้งานทั่ว ๆ ไป ส่วนข้อด้อย คือ ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ประเภทนี้ไม่ค่อยทนต่ออุณหภูมิที่สูง คลายความร้อนได้ไม่ค่อยดี ผ้าเบรคหมดไว และเมื่อเจอกับสภาพพื้นผิวที่เปียกก็จะมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ลดลง
3. ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์แบบ Ceramic Composite Brake
ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ประเภทนี้จะผลิตมาจากส่วนผสมของเส้นใยเซรามิกที่มีความแข็งแรงสูง และเส้นใยโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก ที่จะมีคุณสมบัติในการช่วยระบายความร้อนได้ดีและช่วยให้การเบรครถดีขึ้น อีกทั้งยังทนต่ออุณหภูมิที่สูง และจะไม่ค่อยมีเสียงรบกวนในเวลาที่เราเบรครถ และยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานอีกด้วย
5 สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อ ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ ใกล้หมด
เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ควรเปลี่ยนตอนไหนเราก็ได้รวม 5 อาการอันเป็นสัญญาณเตือนว่า ผ้าเบรคของรถจักรยานยนต์ของคุณใกล้จะหมดแล้วมาฝากกัน
1. เริ่มมองไม่เห็นผ้าเบรค
ข้อแรกสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก่อนที่จะสตาร์ตรถออกไปให้ลองก้มมองดูสักนิดว่ามองเห็นผ้าเบรคอยู่หรือไม่ หากมองไม่เห็นหรือมองเห็นได้ไม่ชัด นั้นหมายความว่าผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ของคุณกำลังใกล้จะหมดเต็มทีแล้วควรรีบนำเข้าศูนย์โดยด่วน
2. เบรคแล้วได้ยินเสียงดัง
ขณะที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อต้องกดเบรคแล้วปรากฏว่ามีเสียงเสียดสีอย่างชัดเจน นั่นหมายความว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ โดยเฉพาะต้องขับขี่ในช่วงฤดูฝนหรือผ่านถนนที่มีความลื่น และลาดชันยิ่งอันตราย
3. ดับเครื่องเบรคแล้วได้ยินเสียง
บางคันอาจจะไม่มีเสียงดังในขณะขับขี่ แต่หากรู้สึกว่าเบรคไม่ค่อยแน่นเหมือนเดิมจริงๆ ให้ลองดับเครื่องแล้วใช้การคร่อมและเข็นดู จากนั้นให้ลองกดเบรคย้ำๆ สัก 2-3 ครั้งดู หากมีเสียงดังนั่นหมายความว่าผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์เริ่มบางลงแล้วเช่นเดียวกัน
4. สังเกตกระปุกน้ำมันเบรค
อีกหนึ่งจุดสังเกตที่มองเห็นได้ง่าย ให้ลองสังเกตดูที่กระปุกน้ำมันเบรคที่อยู่ใต้ด้านกระจกแถวบริเวณคันเร่ง จะมีช่องที่เป็นวงกลมตามแนวให้มองดูว่าน้ำสีเหลืองที่อยู่ในจุดนั้นมีปริมาณเหลือน้อยลงหรือไม่ เพราะเมื่อผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์เริ่มบาง ซึ่งจะทำให้น้ำมันเบรคก็จะเข้ามาแทนที่น้ำสีเหลืองในจุดนี้ ทั้งนี้จุดสังเกตจุดนี้อาจจะต้องคอยมองดูเป็นระยะๆ เพื่อให้เห็นความชัดเจนมากขึ้นด้วย
5. เริ่มเบรคได้ยากขึ้น
เป็นวิธีที่สังเกตได้ง่ายที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์เริ่มบางลงการกดเบรคเพื่อหยุดรถจะทำได้ยากขึ้น แม้ว่าจะกดเบรคจนสุดแล้วแต่รถก็ยังไม่หยุดในทันที ซึ่งความรู้สึกนี้จะช่วยให้มั่นใจได้มากขึ้นเองว่าผ้าเบรคกำลังมีปัญหา นอกจากนี้ก็หมั่นสังเกตระยะในการขับขี่ก็ช่วยให้ตัดสินใจในเรื่องที่ว่าผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ควรเปลี่ยนตอนไหนได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะเมื่อขับขี่ไปครบที่ระยะ 4,000-5,000 กม. ก็ควรที่จะต้องเปลี่ยนผ้าเบรคใหม่ได้แล้ว
เมื่อหมั่นสังเกตอาการจากทั้ง 5 ข้อนี้แล้วก็จะช่วยให้มั่นใจได้ง่ายขึ้นสำหรับเรื่องราวของการเปลี่ยนผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์คันโปรด และช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกๆ การขับขี่ได้มากขึ้นด้วย
ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ควรเปลี่ยนตอนไหน?
เป็นหนึ่งในคำถามยอดฮิตสำหรับมือใหม่สำหรับที่ว่าผ้าเบรกมอเตอร์ไซค์ควรเปลี่ยนเมื่อไรถึงจะดีที่สุด ซึ่งก็ต้องย้อนกลับไปดูว่า การขับขี่เป็นอย่างไร ใช้งานเบรคบ่อยครั้งแค่ไหนการใช้งานมอเตอร์ไซค์มีทุกวันหรือไม่ รวมทั้งระยะการขับขี่รวมแล้วอยู่ในระยะที่ควรเปลี่ยนแล้วหรือไม่ ทั้งนี้หากไม่มั่นใจจากการใช้งานที่ผ่านมา การเปลี่ยนผ้าเบรคก็สามารถทำได้ทุกๆ 6 เดือน ไปจนถึง 1 ปี โดยปกติแล้วเราสามารถที่จะเปลี่ยนผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์อันใหม่ตามระยะเวลาหรือระยะทางที่กำหนดอยู่ในคู่มือรถมอเตอร์ไซค์ได้เลย ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 5,000-10,000 กิโลเมตร แต่ก็จะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานของผู้ขับขี่ด้วย อาจจะมีระยะเวลาในการใช้งานที่สั้นกว่าหรือยาวกว่าค่าเฉลี่ยก็ได้ ซึ่งมือใหม่ที่ตรวจสอบสภาพของผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์เองไม่ได้ว่าควรเปลี่ยนตอนไหน เปลี่ยนเลยหรือไม่ วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือนำรถเข้าไปเช็กที่ศูนย์ หรือร้านซ่อมใกล้บ้านที่ไว้วางใจได้ ก็จะช่วยให้ตัดสินใจเปลี่ยนได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ขับขี่บ่อย และพอจะมีความคุ้นเคยกับรถอยู่ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์จะทราบว่าควรเปลี่ยนตอนไหน เพราะสังเกตด้วยตาและการได้ยินได้ โดยสามารถดูได้จากความบางของผ้าเบรค และทดสอบการกดแบรคดูว่าเบรคแน่น แข็งแรงเหมือนช่วงแรกที่ออกรถมาหรือไม่ รวมทั้งการฟังเสียงในขณะที่เบรคหากได้ยินเสียงเหล็กเสียดสีกันแสดงว่าผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์เริ่มมีความบางค่อนข้างมากแล้วให้รีบนำรถไปร้านซ่อมหรือเข้าศูนย์เพื่อทำการเปลี่ยนในทันทีเพื่อความปลอดภัย
วิธีเปลี่ยนผ้าเบรคหน้ามอเตอร์ไซค์ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
โดยปกติแล้วผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์นั้นจะมีทั้งด้านหน้าและด้านหลังของรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งวิธีการเปลี่ยนผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป และเราสามารถทำได้เอง โดยจะต้องเตรียมอุปกรณ์ดังนี้ คือ ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์อันใหม่ และประแจเบอร์ 12 เบอร์ 14 และเบอร์ 17 ส่วนวิธีการเปลี่ยนผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์จะมีดังนี้
- เริ่มจากตัวเบรคหน้าที่จะต้องทำการขันน็อตบริเวณโช้คคู่หน้าทั้ง 2 ข้างออกก่อน เพื่อที่จะได้ถอดล้อหน้าออกได้
- หลังจากนั้นให้ดึงผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์อันเก่าออก แล้วให้ใช้น็อตสปริงเกี่ยวผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 ชิ้นให้เป็นอันเดียวกัน หลังจากนั้นให้ใส่กลับเข้าไปที่เดิม
- ใส่ล้อหน้ากลับเข้าที่เดิมโดยใช้ประแจที่ได้เตรียมมา
- ส่วนล้อหลังจะทำการถอดโดยใช้ประแจขันนอตบริเวณสวิงอาร์ม เพื่อที่จะได้นำล้อหลังออกมา ซึ่งวิธีการจะคล้ายกับการถอดล้อหน้าเลย
- จากนั้นให้นำผ้าเบรกมอเตอร์ไซค์อันเก่าออกมา แล้วใส่ผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์อันใหม่เข้าไปแทนที่ เสร็จแล้วก็ประกอบล้อหลังกลับเข้าไปเหมือนเดิมเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ราคาเปลี่ยนผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์แพงไหม?
อันดับแรกเราจะต้องมาดูกันก่อนว่ารถมอเตอร์ไซค์ของเรานั้นเป็นระบบเบรคแบบไหน เพราะโดยปกติทั่วไปแล้วจะมีอยู่ 2 ระบบ คือ แบบดิสก์เบรค และแบบดรัมเบรค ดังนั้นจึงมีวิธีในการดูแลและวิธีในการตรวจสอบที่แตกต่างกันออกไป
ระบบดรัมเบรก
จะพบได้ในรถมอเตอร์ไซค์ที่ราคาไม่สูงมากนัก เพราะด้วยความที่ต้นทุนไม่ค่อยสูง และจะต้องมีการคอยตั้งระยะผ้าเบรคอยู่เป็นประจำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบเบรคที่ดี แต่ถ้าตั้งระยะผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์จนสุดแล้วก็จะแสดงว่าผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์หมด และจะต้องมีการเปลี่ยนใหม่นั่นเอง โดยปกติแล้วจะมีค่าใช้จ่ายไม่เกิน 200 บาท
ระบบดิสก์เบรค**
จะพบได้ในรถมอเตอร์ไซค์ตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งข้อดีของระบบดิสก์เบรค คือ การระบายความร้อนที่ดีกว่าระบบดรัมเบรค ระยะเบรคก็จะสั้นกว่าแบบระบบดรัมเบรคด้วย อีกทั้งยังไม่ต้องมาคอยตั้งระยะเบรคเป็นประจำเหมือนกับระบบดรัมเบรค และผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ในระบบดิสก์เบรคนั้นจะมองเห็นได้ง่ายกว่า ถ้าหากพบว่าผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์เริ่มบางแล้วก็ควรที่จะรีบเปลี่ยนโดยทันทีเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ส่วนราคาของการเปลี่ยนผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ในระบบดิสก์เบรคนั้น ถ้าไม่เน้นในเรื่องของยี่ห้อและแบรนด์ก็จะมีค่าใช้จ่ายไม่เกิน 200 บาท แต่ถ้าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ก็แนะนำว่าควรที่จะเช็กราคาให้เรียบร้อยก่อน
หากผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์หมดหรือได้รับความเสียหาย แบบนี้ประกันจะรับเคลมหรือไม่?
ถ้าผ้าเบรคมอเตอร์ไซค์ขาดหรือว่าเกิดความเสียหายโดยที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ ในส่วนนี้ทางบริษัทประกันภัยก็จะไม่ได้รับเคลม แต่ถ้าหากว่ามีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุซึ่งในกรณีนี้จะสามารถส่งเคลมได้ เพราะว่าความคุ้มครองของประกันรถยนต์นั้นจะคุ้มครองในส่วนที่เกิดจากอุบัติเหตุเท่านั้น จึงแนะนำสำหรับท่านที่ต้องการจะได้รับความคุ้มครองแบบครอบคลุม ก็สามารถที่จะทำประกันอะไหล่รถยนต์ควบคู่ไปกับการทำประกันรถยนต์ก็ได้ เพราะฉะนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับความคุ้มครองถึงแม้ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไรก็ตาม
ความคุ้มครองประกันรถจักรยานยนต์
ตารางความคุ้มครอง | ผลประโยชน์ | ||||
ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 1 | ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 2+ | ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 2 | ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 3+ | ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 3 | |
คู่กรณี | |||||
บุคคล | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
ทรัพย์สินของคู่กรณี | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
รถของผู้เอาประกันภัย | |||||
การชนแบบมีคู่กรณี | ✔️ | ✔️ | ❌ | ✔️ | ❌ |
การชนแบบไม่มีคู่กรณี | ✔️ | ❌ | ❌ | ❌ | ❌ |
ไฟไหม้ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ❌ | ❌ |
รถหาย | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ❌ | ❌ |
ภัยธรรมชาติ | ✔️ | ✔️ | ❌ | ✔️ | ❌ |
ช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง | ✔️ | ✔️ | ❌ | ❌ | ❌ |
ความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุส่วนบุคคล | |||||
อุบัติเหตุส่วนบุคคล | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
การรักษาพยาบาล | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
การประกันตัวผู้ขับขี่ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
ถ้าซื้อมอเตอร์ไซค์มาแล้ว ควรจะเลือกทำประกันภัยมอเตอร์ไซค์ชั้นไหนดี?
อันดับแรกแนะนำว่าให้สังเกตจากพฤติกรรมการขับขี่ของตนเองก่อน แต่ถ้าท่านใดที่เพิ่งออกรถใหม่หรือต้องการที่จะได้รับความคุ้มครองแบบครอบคลุม ก็จะแนะนำว่าให้ทำเป็นประกันมอเตอร์ไซค์ ไว้จะดีกว่า เพราะจะให้ความคุ้มครองท้ังแบบที่ไม่มีคู่กรณี และมีคู่กรณี ไม่ว่าจะเป็นค่าเสียหาย และค่ารักษาพยาบาล
ทำไมถึงควรซื้อประกันมอเตอร์ไซค์ผ่านแรบบิท แคร์?
นอกจากจะมีแผนประกันภัยมอเตอร์ไซค์ให้เลือกมากมายแล้ว แรบบิท แคร์ ยังให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้าแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินที่สามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายเต็มหรือผ่อนชำระ อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของแรบบิท แคร์