เที่ยวต่างประเทศปี 2565 ในยุคโควิด ไปประเทศไหนได้บ้าง ที่นี่มีคำตอบ!
สถานการณ์โควิดทั่วโลกเริ่มคลี่คลาย หลายประเทศเริ่มกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว สำหรับคนที่เก็บกระเป๋าอดใจรอไปเที่ยวไม่ไหว แต่ยังสงสัยว่าแล้วในยุคโควิดแบบนี้ ไปเที่ยวประเทศไหนได้บ้าง แรบบิท แคร์ ได้หาข้อมูลมาให้แล้ว
เราจะมาดูกันว่าประเทศไหนเปิดรับนักท่องเที่ยวไทยแล้วบ้าง ไปประเทศไหนต้องกักตัว ไปประเทศไหนไม่ต้องกักตัว รวมถึงข้อกำหนดด้านวีซ่าและสิ่งที่ควรรู้เมื่อไปต่างประเทศช่วงโควิด เพื่อให้ทุกคนได้เตรียมตัวไปเที่ยวต่างประเทศกันได้อย่างปลอดภัย
มีประเทศไหนที่เปิดให้คนไทยเที่ยวแล้วบ้าง
เที่ยวต่างประเทศแบบไม่ต้องกักตัว
ญี่ปุ่น
ข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan National Tourism Organization) ระบุว่าญี่ปุ่นจะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้แล้วตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวที่สนใจจะต้องเข้ามาในรูปแบบ “กรุ๊ปทัวร์ที่มีไกด์” เท่านั้น
เงื่อนไข
- ต้องมาจากประเทศที่อยู่ในในกลุ่มสีฟ้าซึ่งเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ (ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มนี้)
- ต้องเดินทางในรูปแบบกรุ๊ปทัวร์ที่มีไกด์เท่านั้น
- ต้องขอวีซ่า (รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงระงับมาตรการยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น)
- ต้องแสดงผลตรวจ RT-PCR เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
- ไม่ต้องกักตัว
- ไม่ต้องตรวจ RT-PCR ที่สนามบินญี่ปุ่น
- ไม่ต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน
- ต้องทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุมโรคโควิดและมีวงเงินเพียงพอสำหรับการรักษา
เกาหลีใต้
ประเทศเกาหลีเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้วตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (Korea Tourism Organization) ระบุว่าอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยสามารถเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าและไม่ต้องกักตัว
เงื่อนไข
- ต้องลงทะเบียนผ่านระบบ K-ETA (Korea Electronic Travel Authorization) ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง มีค่าธรรมเนียม 10,000 วอน (ประมาณ 300 บาท)
- ลงทะเบียนรับ Q-CODE หรือกรอกข้อมูลการฉีดวัคซีนล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง
- ต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน International Vaccination Certificate (สามารถขอได้ในแอปพลิเคชันหมอพร้อม)
- ไม่ต้องกักตัว 7 วัน หากได้รับวัคซีนครบโดสตามชนิดวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก
- ไม่ต้องทำประกันโควิด หากได้รับวัคซีนครบโดสตามชนิดวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก
- ต้องแสดงผลตรวจ RT-PCR เป็นลบภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทางหรือผลตรวจ ATK เป็นลบภายใน 24 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
- ต้องผ่านการตรวจ RT-PCR อีกครั้งเมื่อเดินทางถึงประเทศเกาหลี
สิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยวไทยแล้ว โดยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไปมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดและอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากทุกประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบโดสเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในสิงคโปร์ได้แบบไม่ต้องกักตัว รวมถึงยกเลิกการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด เมื่อเดินทางถึงสิงคโปร์ภายใน 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ประเทศสิงคโปร์ยังคงมีมาตรการแยกนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสและนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนไม่ครบโดสอยู่ โดยนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้รับวัคซีนจะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติเป็นการพิเศษ
เงื่อนไข
- ต้องได้รับวัคซีนครบโดสตามชนิดวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนวันเดินทาง
- ต้องอัปโหลดเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนในพอร์ทัล Vaccination Check
- ต้องลงทะเบียน SG Arrival Card และ Health Declaration ทางออนไลน์ภายใน 3 วัน ก่อนการเดินทาง (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
- ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน TraceTogether และลงทะเบียนก่อนเดินทาง
- ไม่ต้องตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดเมื่อเดินทางถึงสิงคโปร์
- ไม่ต้องทำประกันโควิด
- ไม่ต้องขอวีซ่า
อินโดนีเซีย (บาหลี)
ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2565 รัฐบาลประเทศอินโดนีเซียได้มีการทดลองเปิดเกาะบาหลีในโครงการ Visa On Arrival (VOA) สำหรับ 75 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในบาหลีได้โดยไม่ต้องกักตัว
เงื่อนไข
- ต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส
- ไม่ต้องกักตัวหากได้รับวัคซีนครบโดส
- ไม่ต้องแสดงผลตรวจ RT-PCR เป็นลบก่อนเดินทาง
- ไม่ต้องตรวจ RT-PCR เมื่อเดินทางมาถึงบาหลี
- ต้องขอวีซ่า Visa on Arrival โดยมีค่าธรรมเนียม 500,000 รูเปียห์ (ประมาณ 1,200 บาท)
- ต้องดาวน์โหลดและสมัครใช้แอปพลิเคชัน PeduliLindungi
ตุรกี
ในขณะนี้ ตุรกีได้ยกเลิกมาตรการควบคุมการระบาดควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดแล้ว โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศตุรกีไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนหรือผลตรวจ RT-PCR ที่เป็นลบ
เงื่อนไข
- ต้องกรอกแบบฟอร์มเข้าประเทศภายใน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางและแสดงหลักฐานการกรอกแบบฟอร์มที่เคาน์เตอร์เช็คอิน
- ไม่ต้องกักตัวไม่ว่าจะได้รับวัคซีนแล้วหรือไม่ได้รับวัคซีนก็ตาม
- ไม่ต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน
- ไม่ต้องแสดงผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ
- ไม่ต้องตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดเมื่อเดินทางถึงประเทศตุรกี
- ไม่ต้องขอวีซ่า
สหรัฐอเมริกา
ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อประเทศสหรัฐอเมริการะบุว่า ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2565 นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติครบโดสแล้วสามารถเดินทางเข้าประเทศเพื่อท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัว รวมถึงไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิด อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือยังได้รับวัคซีนไม่ครบจะไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้
เงื่อนไข
- ต้องได้รับวัคซีนครบโดสตามชนิดวัคซีนที่ได้รับอนุมัติจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนวันเดินทาง
- วัคซีนที่อนุมัติ ได้แก่ Moderna, AstraZeneca, Covishield, Pfizer/BioNTech, Johnson & Johnson, Sinopharm และ Sinovac
- ต้องแสดงหลักฐานยืนยันสถานะการฉีดวัคซีนก่อนเดินทาง
- ไม่ต้องกักตัว
- ไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิด
- ไม่ต้องตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดเมื่อเดินทางเข้าประเทศ
เที่ยวต่างประเทศแบบต้องกักตัว
ฮ่องกง
ข้อมูลจากสถานกงสุลใหญ่ได้ระบุมาตรการล่าสุดเกี่ยวกับการเดินทางเข้าฮ่องกงจากประเทศไทย โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วสามารถเดินทางเข้าฮ่องกงได้แล้วโดยยังต้องมีการกักตัวเป็นระยะเวลา 7 วัน ซึ่งผู้ที่ต้องการเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเองอาจจะต้องเผื่อเวลาไว้
เงื่อนไข
- ต้องได้รับวัคซีนครบโดสตามชนิดวัคซีนตามที่ฮ่องกงรับรอง
- ต้องกักตัวที่โรงแรมที่รัฐบาลฮ่องกงกำหนดเป็นระยะเวลา 7 วัน
- หลังจากสิ้นสุดการกักตัวในวันที่ 7 ผู้เดินทางจะต้องเฝ้าระวังตัวเองที่บ้านอีก 7 วันและเข้ารับการตรวจ RT-PCR ภาคบังคับอีกครั้งในวันที่ 9 และวันที่ 12 ที่ศูนย์ตรวจหาเชื้อในชุมชนของรัฐบาลฮ่องกง (Community Testing Centre)
- หากเลือกที่จะกักตัวที่โรงแรมต่อจนครบระยะเวลาการกักตัว 14 วัน จะต้องเข้ารับการตรวจ RT-PCR ภาคบังคับอีกครั้งในวันที่ 9 และวันที่ 12 ที่โรงแรมกักตัว และสามารถออกจากโรงแรมกักตัวได้ในวันที่ 14
- ต้องแสดงวัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) ได้รูปแบบรูปเล่มสีเหลือง
- ต้องกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มออนไลน์ Health Declaration Form ของรัฐบาลฮ่องกง
- ต้องแสดงผลตรวจ RT-PCR เป็นลบภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
- ต้องแสดงหลักฐานการสำรองห้องพักในโรงแรมกักตัวในฮ่องกง
- ต้องตรวจ RT-PCR และ ATK อีกครั้งเมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง
สิ่งที่ควรรู้เมื่อไปเที่ยวต่างประเทศยุคโควิด
นอกเหนือจากการจัดกระเป๋าและเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการท่องเที่ยวแล้ว การเที่ยวต่างประเทศยุคโควิดยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ อีกมาก ได้แก่
1. ข้อกำหนดของประเทศปลายทาง
สถานการณ์โควิดในแต่ละประเทศนั้นมีความแตกต่างกัน และรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ก็อาจกำหนดมาตรการการรับมือกับการระบาดที่แตกต่างกันด้วยที่ต่างกันด้วย ผู้ที่สนใจออกไปเที่ยวต่างประเทศจึงต้องตรวจสอบเงื่อนไขในการเดินทางเข้าประเทศนั้น ๆ และปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยควรตรวจสอบเงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศต่าง ๆ ดังนี้
- ตรวจสอบว่าประเทศที่ต้องการไปเปิดรับนักท่องเที่ยวไทยหรือไม่
- ตรวจสอบว่าจำเป็นต้องกักตัวเมื่อเดินทางถึงประเทศหรือไม่ รายละเอียดเงื่อนไขในการกักตัวเป็นอย่างไร
- ตรวจสอบว่าจำเป็นต้องฉีดวัคซีนก่อนเดินทางหรือไม่ มีวัคซีนอะไรได้รับอนุญาตบ้าง
- ตรวจสอบกฎข้อบังคับในประเทศ เช่น การสวมหน้ากาก การเดินทางข้ามรัฐ
2. ข้อกำหนดของสายการบิน
แต่ละสายการบินอาจมีมาตรการและข้อกำหนดในการเดินทางไม่เหมือนกัน เช่น บางสายการบินอาจกำหนดให้แสดงผลตรวจโควิดก่อนเดินทาง หรืออาจกำหนดให้แสดงเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีน ก่อนจองตั๋วเครื่องบินควรตรวจมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของสายการบินนั้น ๆ เพื่อให้สามารถออกเดินทางได้อย่างราบรื่น
3. เอกสารที่จำเป็นในการเดินทาง
หลังจากตรวจสอบเงื่อนไขการเดินทางของประเทศที่สนใจแล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องเตรียมคือการเตรียมเอกสารตามที่ประเทศนั้นกำหนด เช่น บางประเทศอาจขอวัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) ผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ เอกสารการจองที่พัก และใบรับรองผลการตรวจโควิดภายในระยะเวลาที่ประเทศนั้นกำหนด
4. การฉีดวัคซีน
บางประเทศอาจกำหนดให้นักท่องเที่ยวต้องฉีดวัคซีนครบโดสจึงจะเดินทางเข้าประเทศได้ และวัคซีนที่แต่ละประเทศยอมรับก็อาจจะแตกต่างกันด้วย เช่น บางประเทศอาจยอมรับเฉพาะวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกเท่านั้น นอกจากนี้ บางประเทศอาจกำหนดต้องได้รับวัคซีนก่อนเดินทางกี่วันหรือกำหนดให้ต้องรับวัคซีนบูสเตอร์ก่อนเดินทาง
5. การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดก่อนเดินทางหรือเมื่อเดินทางมาถึง
บางประเทศอาจกำหนดให้แสดงผลตรวจหาเชื้อโควิดก่อนที่จะเดินทางมาถึงประเทศนั้น ๆ ซึ่งอาจจะเป็นเป็นการตรวจแบบ RT-PCR ภายใน 48 หรือ 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง หรือการตรวจแบบ ATK ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ยิ่งไปกว่านั้น บางประเทศอาจกำหนดให้ตรวจหาเชื้อไวรัสอีกครั้งเมื่อเดินทางถึงอีกด้วย
6. อุปกรณ์และของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นในยุคโควิด
หากประเทศที่ต้องการไปยังคงมีมาตรการสวมหน้ากาก ควรเตรียมไปให้เพียงพอสำหรับใส่ตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ยังควรเตรียมของใช้ส่วนตัวที่จะช่วยลดความเสี่ยงในช่วงการระบาดของโควิด เช่น เจลแอลกอฮอล์ ทิชชู่เปียก ถุงมือ รวมถึงยาประจำตัวต่าง ๆ โดยควรสอบถามรายละเอียดข้อกำหนดการนำยาเข้าประเทศดังกล่าวก่อนการเดินทาง
7. ประกันการเดินทางต่างประเทศ
หลายประเทศอาจกำหนดให้นักท่องเที่ยวทำประกันเดินทางที่ครอบคลุมการรักษาโรคโควิด และถึงแม้ว่าประเทศที่ต้องการไปเที่ยวอาจไม่มีข้อกำหนดในด้านนี้ การทำประกันเดินทางก็ยังมีประโยชน์มาก เพราะถ้าหากติดเชื้อและต้องรักษาตัวเมื่ออยู่ต่างประเทศ ประกันเดินทางก็จะช่วยดูแลค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้
ขั้นตอนการกลับเข้าประเทศ
ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ประเทศไทยอนุญาตให้นักเดินทางทั้งไทยและต่างประเทศที่ต้องการเข้าประเทศไทยไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน Thailand Pass หรือแสดงผลตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทางแล้วหากมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส ดังนั้น คนไทยที่เดินทางกลับจากเที่ยวต่างประเทศจะสามารถเดินทางกลับได้ทันทีโดยไม่ต้องกักตัว
หลังจากได้ข้อมูลแล้วว่าช่วงโควิดแบบนี้ คนไทยไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง รวมถึงเงื่อนไขในการเดินทางของประเทศต่าง ๆ ทั้งแบบที่ต้องกักตัวและไม่ต้องกักตัว อย่าลืมเลือกบัตรเครดิตที่ถูกใจติดตัวไปเที่ยวต่างประเทศด้วยสักใบ เพื่อรับสิทธิ์ประโยชน์ดีดีอย่างการแลกไมล์สุดคุ้ม การรับคะแนนพิเศษเมื่อใช้จ่ายด้วยสกุลเงินต่างประเทศ และอื่น ๆ อีกมากมาย
สรุป
การเลือกประเทศสำหรับการท่องเที่ยว ควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- งบประมาณ
- ระยะเวลา
- ความสนใจ
- ฤดูกาล
โดยสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่จะเดินทางไปล่วงหน้าจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ของสถานทูตหรือสถานกงสุล เว็บไซต์การท่องเที่ยวของประเทศนั้น ๆ หรือเว็บไซต์รีวิวท่องเที่ยว เป็นต้น
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี