ดัชนีมวลกายคืออะไร? ค่า BMI คำนวณ อย่างไร? แบบไหนเรียกว่าอ้วน?
เวลาส่องกระจกเต็มตัวหลายคนคงเคยสงสัยกับตัวเองไม่น้อยว่า หุ่นของตัวเองที่เห็นผ่านกระจกเงาอยู่ตอนนี้ เป็นหุ่นที่มีความเหมาะสมแล้วหรือยัง น้ำหนักตัวมีความสมดุลกับส่วนสูงแล้วหรือยัง อ้วนเกินไป หรือผอมเกินไปหรือเปล่า แน่นอนว่ามองด้วยตาเปล่าคงไม่สามารถตอบได้แบบชัดเจนว่าน้ำหนักตัวของเราสมดุลกับส่วนสูงแล้วหรือยัง น้องแคร์จะพาทุกคนมารู้จักเครื่องมือที่จะสามารถตอบข้อสงสัยนี้ได้แบบชัดเจนมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือ การคำนวณค่าดัชนีมวลกาย หรือที่รู้จักกันในชื่อ BMI นั่นเอง
ค่าดัชนีมวลกาย หรือ ค่า BMI คืออะไร?
ค่า BMI หรือ ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index) คือ มาตรฐานการชี้วัดความสมดุลของร่างกาย เป็นการนำค่าของน้ำหนักตัว (หน่วยกิโลกรัม) มาหารด้วยตัวเลขส่วนสูงยกกำลังสอง (หน่วยเมตร) โดยการคำนวณหาค่า BMI ด้วยสูตรนี้จะสามารถใช้ได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีเป็นต้นไป ตัวเลขค่า BMI ที่ได้จากการคำนวณก็จะเป็นตัวชี้วัดเบื้องต้นได้ว่าน้ำหนักตัวของคุณ ณ ปัจจุบันมีความสมดุลหรืออยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมแล้วหรือไม่ อ้วนเกินไป ผอมเกินไป หรือ ค่า BMI ปกติดีอยู่แล้ว
สูตรคำนวณ BMI = น้ำหนัก (หน่วยกิโลกรัม) / ส่วนสูง x ส่วนสูง (หน่วยเมตร)
นอกจากนี้ค่า BMI ยังเป็นตัวบ่งชี้ถึงความเสี่ยงปัญหาสุขภาพของคุณในอนาคต อย่างเช่น ภาวะโรคอ้วน ได้อีกด้วย เป็นเสมือนการประเมินร่างกายโดยรวมที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเผาผลาญอาหารในร่างกายของเราว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด หากค่าดัชนีมวลกายที่ได้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็แสดงว่าร่างกายของเรามีการเผาผลาญได้เป็นอย่างดี อาหารที่รับประทานไม่มีผลทำให้เกิดภาวะอ้วนเกินไปจนค่า BMI เกินมาตรฐาน ทั้งนี้การคำนวณค่าดัชนีมวลกายนั้นอาจมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักของเราจากค่าดัชนีมวลกายที่คำนวณได้ โดยสามารถแบ่งเกณฑ์ค่าดัชนีมวลกายได้ ดังนี้
- ค่าดัชนีมวลกาย น้อยกว่า 18.50
น้ำหนักน้อยเกินไปหรือผอมเกินไป ส่วนสูงไม่สัมพันธ์กับน้ำหนักตัว สูงมากแต่น้ำหนักตัวน้อยเกินไป มีความเสี่ยงในเรื่องการรับสารอาหารไม่เพียงพอ ได้รับพลังงานในแต่ละวันไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายเกิดความอ่อนเพลียมากกว่าปกติ
- ค่าดัชนีมวลกาย 18.50 – 22.90
น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ ค่า BMI ปกติ เหมาะสมสำหรับคนไทย มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ ภาวะโรคอ้วนน้อยที่สุด ใครที่คำนวณค่า BMI ออกมาอยู่ระหว่างค่านี้ควรพยายามรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับค่า BMI ปกติ เช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี
- ค่าดัชนีมวลกาย 23.00 – 24.90
น้ำหนักตัวของคุณกำลังมากเกินไป น้ำหนักตัวเริ่มมากไม่สัมพันธ์กับส่วนสูง เป็นค่าตัวเลขที่บ่งบอกว่าคุณควรจะต้องเริ่มควบคุมน้ำหนักบ้างแล้ว เพื่อให้ค่า BMI ปกติเช่นเดิม
- ค่าดัชนีมวลกาย 25.00 – 29.90
หากคุณคำนวณค่าดัชนีมวลกายแล้วได้ตัวเลขที่ระหว่าง 25.00 – 29.90 นั่นหมายความว่า คุณกำลังเข้าสู่ภาวะโรคอ้วนระดับที่ 1 แม้จะยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ถือว่าอ้วนมาก แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเจ็บป่วยโรคเรื้อรัง อย่างเช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เช่นกัน ควรรีบควบคุมน้ำหนักตัว ปรับพฤติกรรมการกิน เพื่อให้น้ำหนักกลับมาสัมพันธ์กับส่วนสูง
- ค่าดัชนีมวลกาย 30.00 ขึ้นไป
บ่งบอกถึงความอันตราย คุณกำลังมีน้ำหนักตัวมากจนเกินไป ในระดับอ้วนอันตราย เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงเรื้อรังที่มากับความอ้วน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือ ภาวะโรคอ้วน ซึ่งหากคุณคำนวณค่า BMI แล้วอยู่ในระดับนี้ คุณจะต้องเคร่งครัดในการปรับพฤติกรรมกินร่วมกับการออกกำลังกายอย่างจริงจัง เพื่อให้น้ำหนักตัวลดลงจนสามารถสัมพันธ์กับส่วนสูง ค่า BMI ปกติเช่นเดิมได้ และควรวางแผนตรวจสุขภาพและปรึกษาหมออย่างต่อเนื่อง
สำหรับการคำนวณค่า BMI ของวัยเด็กจะมีความแตกต่างกับการวัดค่า BMI ในผู้ใหญ่บ้างเล็กน้อย แม้จะมีการใช้สูตรในการคำนวณค่าดัชนีมวลกายสูตรเดียวกัน แต่สำหรับการอ่านค่า วัดค่าของเด็กจะต้องใช้แผนภูมิเฉพาะอายุและเพศร่วมด้วย เนื่องจากการเจริญเติบโต น้ำหนัก ไขมันของเด็กแต่ละเพศแต่ละวัยมีความแตกต่างกัน ดังนั้นในการอ่านค่า วัดผลค่าดัชนีมวลกายในเด็ก จะต้องเทียบกับแผนภูมิ ดังนี้
- หากตัวเลขค่า BMI ที่ได้มีค่าน้อยกว่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 5 แสดงว่าเด็กมีน้ำหนักตัวน้อยเกินไป
- หากตัวเลขค่า BMI ที่ได้มีค่าอยู่ระหว่างเปอร์เซ็นไทล์ที่ 5 แต่น้อยกว่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 85 แสดงว่าเด็กมีน้ำหนักตัวเหมาะสม
- หากตัวเลขค่า BMI ที่ได้มีค่าอยู่ระหว่างเปอร์เซ็นไทล์ที่ 85 แต่น้อยกว่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 95 แสดงว่าเด็กมีน้ำหนักตัวเกิน
- หากตัวเลขค่า BMI ที่ได้มีค่ามากกว่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 95 เป็นต้นไป แสดงว่าเด็กมีภาวะอ้วน
อย่าเข้าใจผิด! ค่า BMI ไม่ใช่การหาปริมาณไขมันในร่างกาย
เมื่อพูดถึงค่า BMI หลายคนอาจมีการเข้าใจผิด คิดว่าค่า BMI นั้นสามารถหาค่าปริมาณไขมันในร่างกายได้ด้วย แต่จริง ๆ แล้วค่า BMI เป็นเพียงค่าที่ใช้วัดความสมดุลของน้ำหนักตัวเมื่อเทียบกับส่วนสูงเท่านั้น ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่ามี ปริมาณไขมันในร่างกายมากเท่าไร ดังนั้นหากคุณต้องการทราบปริมาณไขมันในร่างกายคุณจะต้องใช้อีกสูตรในการคำนวณหา โดยนำค่า BMI ที่ได้จากการคำนวณ นำไปคำนวณหาเปอร์เซ็นต์ไขมันต่อได้ ดังนี้
- สูตรคำนวณปริมาณไขมันสำหรับเพศหญิง = (1.2 x ค่า BMI) + (0.23 x อายุเป็นปี) – 5.4
- สูตรคำนวณปริมาณไขมันสำหรับเพศชาย = (1.2 x ค่า BMI) + (0.23 x อายุเป็นปี) – 16.2
โดยปริมาณไขมันที่อยู่ในเกณฑ์ปกติเหมาะสม ควรจะมีค่าเฉลี่ยตัวเลขอยู่ที่ 15 – 20% สำหรับเพศชาย และ 25 – 30% สำหรับเพศหญิง
ค่า BMI มีความสำคัญอย่างไร?
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ค่าดัชนีมวลกายเป็นเครื่องมือช่วยด้านสุขภาพที่ดีที่ทำให้เราสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ว่าน้ำหนักตัว ณ ปัจจุบันเมื่อเทียบกับส่วนสูงแล้ว มีความสมดุลหรือไม่ หากมากไปหรือน้อยไป ก็จะทำให้เราสามารถวางแผนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินที่ช่วยทำให้น้ำหนักตัวของเราเหมาะสมกับส่วนสูงได้ และยังเป็นการช่วยประเมินความเสี่ยงในด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากค่า BMI ไม่ปกติได้อีกด้วย เช่น การมีโอกาสเกิดภาวะโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะการหยุดหายใจขณะนอนหลับ การขาดสารอาหาร รวมไปถึงโรคทางกระดูกอย่างข้อเข่าข้อเท้าเสื่อม เนื่องจากน้ำหนักเกิน เป็นต้น แต่ทั้งนี้ค่าดัชนีมวลกาย หรือ ค่า BMI นั้นไม่สามารถที่จะนำมาใช้ในการวินิจฉัยโรคหรือใช้บอกข้อมูลที่แท้จริงของร่างกายได้แบบเป๊ะ ๆ เพียงแต่จะเป็นการคาดคะเนแนวโน้มของสุขภาพร่างกายเบื้องต้นเท่านั้น
ซึ่งจริง ๆ แล้วการคำนวณหาว่าน้ำหนักตัวเรา ณ ขณะนี้มีความสมดุลหรือไม่นั้น นอกจากการคำนวณหาด้วยค่า BMI แล้วยังสามารถใช้สูตรการวัดรอบเอวในการคำนวณได้ด้วย โดยการนำส่วนสูง (หน่วยเซนติเมตร) หาร 2 ผลลัพธ์ที่ได้จะเท่ากับตัวเลขรอบเอวของคุณที่ไม่ควรเกินจากค่านั้น หรือคำนวณโดยใช้สูตรการวัดจากความสูง นำส่วนสูงลบ 110 สำหรับผู้หญิง หรือนำส่วนสูงลบ 100 สำหรับผู้ชาย ก็จะได้ค่าตัวเลขที่เป็นน้ำหนักตัวที่เหมาะสมที่ไม่ควรเกิน เป็นต้น
ในทางการประกันภัย ค่า BMI ถือว่าเป็นค่าตัวเลขที่มีความสำคัญต่อการพิจารณารับทำประกันเบื้องต้นของบริษัทประกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากบริษัทประกันจะใช้ค่า BMI เป็นเกณฑ์ในการวัดความสมดุลของน้ำหนักตัวของผู้เอาประกันเป็นหลัก นั่นหมายความว่าหากผู้ขอเอาประกันมีค่า BMI หรือ ดัชนีมวลกายไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ว่าจะน้อยเกินไป อย่างค่า BMI ต่ำกว่า 18.50 หรือมากเกินไป อย่างค่า BMI สูงกว่า 30 เป็นต้นไป บริษัทประกันจะมีการขอตรวจสุขภาพร่วมกับการขอประวัติสุขภาพทันที ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าการที่คุณมีค่า BMI ที่น้อยเกินไปหรือมากเกินไป บริษัทประกันกำลังมองว่าคุณมีความเสี่ยงด้านสุขภาพมาก ๆ อาจจะมีการเกิดโรคร้ายแรงเรื้อรังได้ในอนาคตหรือกำลังเป็นโรคร้ายแรงเรื้อรังอยู่ในขณะนี้
ดังนั้นหากมีการตรวจสุขภาพก่อนการทำประกันร่วมกับการขอประวัติสุขภาพแล้วบริษัทประกันพบความเสี่ยงของการเกิดโรคสูง อาจจะมีการขอเพิ่มค่าเบี้ยประกันกับคุณ หรืออาจรุนแรงจนถึงปฏิเสธการรับทำประกันเลยทีเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลที่หากใครกำลังวางแผนทำประกัน โดยเฉพาะประกันสุขภาพ ก็ควรจะต้องควบคุมน้ำหนักตัวให้สัมพันธ์กับส่วนสูง ให้ค่า BMI อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติที่สุด เพื่อให้การรับทำประกันของบริษัทประกันเป็นไปอย่างง่ายที่สุดนั่นเอง
ถ้าปริมาณไขมันในร่างกายเกิน หรือ ค่า BMI เกิน เสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง?
ความเสี่ยงด้านสุขภาพที่คุณจะสามารถรับรู้ได้เบื้องต้นจากการคำนวณหาค่าดัชนีมวลกาย และปริมาณไขมันในร่างกาย มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการกินและการดำเนินชีวิตของคุณเป็นอย่างยิ่ง และผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินจากการไม่ได้ควบคุมปริมาณการกินและการออกกำลักาย ก็จะทำให้คุณมีความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงเรื้อรัง ดังนี้
- ภาวะโรคอ้วนจากอาหาร หรือภาวะโรคอ้วนจากระบบเผาผลาญอาหาร
- ภาวะการนอนกรน หรือการหยุดหายใจขณะนอนหลับ ปัญหาเกี่ยวกับการทางเดินหายใจ
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคทางระบบหลอดเลือด อย่าง หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจตีบ หรือตัน
- โรคทางกระดูกและข้อ อย่าง ข้อเข่าเสื่อม ข้อเท้าเสื่อม เนื่องจากแบกรับน้ำหนักตัวที่มากเกินไป
- โรคเบาหวาน
- มะเร็งบางชนิด
แค่เห็นรายชื่อโรคเบื้องต้นที่มีโอกาสเป็นสูงหากมีค่า BMI เกินมาตรฐาน ก็ทำให้รู้สึกถึงความเสี่ยงทั้งด้านสุขภาพและด้านค่ารักษาพยาบาลในอนาคตตามมาแล้ว ค่า BMI อาจไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อีกต่อไป หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังวางแผนสมัครทำประกันสุขภาพแต่คำนวณค่า BMI ออกมาแล้วเกินมาตรฐานไปเยอะ ก็จะเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ทำให้การทำประกันของคุณลำบากมากขึ้น
ดังนั้นหากตอนนี้น้ำหนักตัวของคุณสมดุล ค่า BMI ปกติ ไม่มีโรคประจำตัว น้องแคร์ก็ขอแนะนำให้รีบเข้าไปเลือกซื้อประกันสุขภาพที่ แรบบิท แคร์ เพื่อความอุ่นใจและความง่ายในการพิจารณารับทำประกันของบริษัทประกันเอาไว้ เรามีฟังก์ชั่นในการ เปรียบเทียบประกันสุขภาพ ที่จะเป็นตัวช่วยให้คุณได้เลือกซื้อประกันที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุดไว้คอยบริการ อย่ารอช้าไปกันเลย!
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี