ขับรถแหกโค้งเอง แบบนี้เคลมประกันได้ไหม?
ขับรถแหกโค้งเอง แบบนี้เคลมประกันได้ไหม?
รู้จักกันก่อน กับ การเคลมแห้ง เคลมสด ของประกันรถ
มาทำความรู้จักกันก่อนว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว เราสามารถแจ้งเคลมประกันได้ 2 แบบ คือ การเคลมแบบสด และการเคลมแบบแห้ง
เคลมแห้ง คือ แจ้งเคลมหลังจากวันที่เกิดเหตุ อาจเพราะรถเป็นรอยเพียงเล็กน้อย โดยต้องแจ้งเคลมก่อนกรมธรรม์ประกันรถยนต์หมดอายุ หลังจากแจ้งเคลมแล้วจะได้ใบเคลมรถมา โดยเราจะรถไปเข้าศูนย์ซ่อมเมื่อไหร่ก็ได้ตามความสะดวกของผู้ใช้รถ แต่ต้องใช้ก่อนใบเคลมหมดอายุ (โดยทั่วไปแล้ว จะมีระยะเวลาให้ ภายใน 1 ปี)
ซึ่งการจะเคลมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ จากประกันรถยนต์ได้ หลายคนมักจะติดภาพว่า ต้องมีคู่กรณีเท่านั้น ถึงจะสามารถเบิกเคลมได้ แต่แท้จริงแล้ว ในบางอุบัติเหตุ และในบางกรมธรรมน์ สามารถเบิกเคลมค่าคุ้มครอง ค่าซ่อมรถ และค่าเสียหายอื่นๆ ได้ แม้จะไม่มีคู่กรณี ซึ่งประกันรถยนต์ที่ทำแบบนี้ได้ จะมีเพียง ประภัยชั้น 1 เท่านั้น
สำหรับประกันภัยชั้น 1 คุ้มครองการเคลมที่ไม่มีคู่กรณี โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
กรณีเกิดอุบัติเหตุ โดยตัวรถเกิดความเสียหาย ตัวรถมีแผล ทางประกันภัยคุ้มครองในส่วนค่าซ่อมแซมให้ทั้งหมด
กรณีทำทรัพย์สินของผู้อื่น หรือทรัพย์สินตนเองเสียหาย เช่น ชนรั้วบ้าน, ชนเสาไฟฟ้าสาธารณะ ประกันจะประเมินราคา และจ่ายค่าซ่อมแซมให้
แบบไหน ถึงเข้าข่ายการชนไม่มีคู่กรณีได้บ้างนะ ?
อุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี คือ เหตุการณ์ที่ทำให้รถเสียหาย โดยไม่มีรถยนต์คันอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายๆ ปัจจัย โดยเราสามารถแบ่งออกได้ เป็น 3 กรณีที่เข้าข่าย ดังนี้
ขับรถชนสิ่งกีดขวาง เป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากการขับไปชนกับสิ่งกีดขวางเอง อาจจะด้วยความประมาท หรือความไม่ได้ตั้งใจ เช่น ชนรั้วบ้าน, รถครูดกำแพง, ชนกระถางต้นไม้, ชนเสาไฟฟ้า, ชนสิ่งปลูกสร้างต่างๆ , รถยางแตกจากการเหยียบของมีคม หรือ รถไถลลงโค้งข้างทาง ตกถนน เป็นต้น
ถูกชนแล้วหาคู่กรณีไม่ได้ ไม่ว่าจะจอดรถอยู่เฉยๆ หรือขับรถอยู่บนท้องถนน หากเกิดอุบัติเหตุ ที่มีผู้อื่นมาชน แล้วติดตามคู่กรณีไม่ได้ หรือไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุเล็กๆ เช่น ไฟแตก, มีรอยขีด, สีถลอก ไปจนถึงถูกชนแบบรุนแรง รถมีรอยบุบ กันชนหน้ารถพัง กระจกแตก มีร่องรอยความเสียหายใหญ่ ก็นับว่าเข้าข่ายเช่นกัน
เกิดจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เป็นเหตุที่ทำให้รถเกิดความเสียหายโดยที่เราเองไม่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ เช่น ต้นไม้โค่นทับ, เสาไฟฟ้าล้มทับ, ลูกเห็บตกใส่รถ, น้ำท่วม เป็นต้น
ซึ่งในกรณีที่อยากจะเบิกเคลมค่าประกันรถ ถ้าเราไม่มีคู่กรณี ให้ปฏิบัติดังนี้
- หากชนกับสิ่งของที่ไม่ใช่รถยนต์ เช่น กระถางต้นไม้, รั้วบ้าน เสา เป็นต้น ต้องระบุได้ว่าเกิดเมื่อไหร่ ตรงไหน ถ้าปล่อยให้นานไป แล้วค่อยมาแจ้งเคลมอาจจะโดนค่าความเสียหายส่วนแรกได้ หรืออย่างแย่คือการที่ประกันไม่รับเคลม
- สำหรับประกันชั้น 1 สามารถโทรแจ้งบริษัทประกันภัยที่เราทำไว้ แล้วแจ้งเคลมได้เลย โดยต้องอธิบายเหตุการณ์ให้ครบถ้วนอย่างละเอียด จากนั้นบริษัทจะให้เรานำรถไปตรวจเช็ก หรือเราอาจให้เจ้าหน้าที่เคลมมาตรวจสอบตามสถานที่นัดหมาย
- บริษัทประกันภัยจะให้ใบเคลมมา และต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี เพื่อใช้เป็นหลักฐานการแจ้งเคลมที่อู่ หรือศูนย์บริการรถยนต์
- ใบเคลมจะมีอายุ 1 – 2 ปี นับจากวันที่ออกใบ (แล้วแต่บริษัทประกัน)
- ติดต่ออู่ ห้าง หรือศูนย์บริการ ที่เอารถเข้าซ่อม
- เตรียม สำเนาใบขับขี่, สำเนากรมธรรม์, สำเนาทะเบียนรถ ติดตัวไปด้วย
- เมื่อซ่อมเสร็จ ก็เซ็นเอกสาร และรับรถได้เลย
แล้วชนไม่มีคู่กรณีแบบไหน ที่เคลมไม่ได้
จริงอยู่ที่ประกันชั้น 1 นั้น เปิดโอกาสให้คุณสามารถเบิกเคลมได้ แม้ไม่มีคู่กรณี โดนชนแล้วหนี หรือกระทั่งเจอกับอุบัติเหตุจากภัยธรรมชาติ แต่ก้็มีการชน การเกิดอุบัติเหตุบางอย่างเช่นกัน ที่ทางบริษัทประกันจะไม่รับเคลม ดังนี้
- ใช้รถทำสิ่งผิดกฎหมาย เช่น ขนอาวุธเถื่อน ขนยาเสพติด ก่อการร้าย ถ้าเกิดเหตุชนขึ้นมา ต่อให้เป็นประกันชั้น 1 ก็อาจไม่รับเคลมได้
- ขับรถยนต์ออกนอกเขตความคุ้มครอง เช่น การขับรถออกนอกประเทศ แล้วรถชน บริษัทประกันก็อาจปฎิเสธการเคลมได้ เพราะถือว่าอยู่นอกพื้นที่คุ้มครอง
- เมาแล้วขับ ในทางกฎหมายจะถือว่าถ้าผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัม จะถือว่าเมาทันที หากเกิดเหตุชนแล้วพบว่าผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินที่กฎหมายกำหนด จะไม่สามารถเคลมประกันได้
- ใช้รถผิดประเภท เช่น นำรถส่วนบุคคลไปใช้ลากจูงรถอีกคัน, นำรถยนต์ธรรมดาไปปรับแต่ง แข่งรถ ถ้าเกิดเหตุขึ้นมา บริษัทประกันอาจจะปฏิเสธการเคลมโดยทันที เพราะถือว่าผิดเงื่อนไขการใช้รถยนต์
- ผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่ รวมถึงการนำใบอนุญาตขับขี่รถจักจักรยานยนต์มาใช้แทนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ถ้าเกิดเหตุรถชนบริษัทประกันจะไม่จ่ายค่าความเสียหายให้ เท่ากับว่าเคลมประกันภัยรถยนต์ไม่ได้นั่นเอง
- ทำลายทรัพย์สินตนเอง ถ้าบริษัทประกันพบว่าเจ้าของรถจัดฉากเพื่อหวังเงินเคลมประกันภัย แบบนี้นอกจากจะเคลมประกันไม่ได้แล้ว ยังผิดกฎหมายอีกด้วย
- ไม่มีใบขับขี่ กรณีที่ผู้ทำประกันให้ผู้อื่นยืมรถไปโดยที่ผู้ที่ยืมรถไปใช้นั้นไม่มีใบอนุญาตขับขี่ หรือถูกตัดสิทธิ์ในการขับขี่ตามกฎหมาย เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นและบริษัทประกันฯ ตรวจสอบพบข้อเท็จจริงนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความคุ้มครองได้
นอกจากนี้ หากมีการเคลมเกิน 200% ของเบี้ยประกัน (มากกว่า 2 ครั้ง /ปี) โดยผู้เอาประกัน มักเป็นฝ่ายผิด และมีค่าเสียหายเกินกว่า 200% ของค่าเบี้ยประกัน ก็อาจเสี่ยงที่ ในปีถัดๆ ไป บริษัทประกัน อาจจะปรับค่าเบี้ยของคุณให้สูงขึ้นในปีถัดไป หรืออาจจะปรับลดเป็นประกันชั้นที่ลดหลั่นลงมาได้แทน
และที่น่ากลัวที่สุด บริษัทประกันอาจจะไม่รับทำประกันให้คุณในปีถัดไปก็ได้ ดังนั้น การขับรถยนต์ด้วยความไม่ประมาท ประวัติดี ไม่มีเคลม จะดีที่สุดนะ!
สรุปแล้ว ขับรถแหกโค้งเอง ประกันรับเคลมไหม?
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ อย่างการขับรถแหกโค้งเอง บอกได้เลยว่า ถ้าเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 จะสามารถเบิกเคลมได้ โดยจะคุ้มครองทั้งรถยนต์ และผู้ขับขี่ รวมไปถึงผู้โดยสารในรถด้วย ไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่ก็ตาม
ว่าง่ายๆ คือ ต่อให้ขับรถแหกโค้ง รถตกถนน รถพลิกคว่ำ จน กันชนหน้ารถพัง กันชนรถด้านหลังเละ หรือแม้แต่บาดดเจ็บ ก็สามารถเคลมได้ แต่รายละเอียดหรือเงื่อนไขต่างๆ ต้องขึ้นกับกรมธรรม์ และตัวบริษัทประกันที่เราทำไว้ด้วย
ส่วนประกันชั้นอื่นๆ อย่าง ประกันชั้น 2 ชั้น 2+ ชั้น 3 หรือ ชั้น 3+ จะไม่ให้ความคุ้มครองในอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณีทุกแบบ
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 , 3 ไม่ให้ความคุ้มครองในส่วนของค่าซ่อมรถ เพราะถือว่าตัวประกันภัยจะคุ้มครองในส่วนของทรัพย์สินภายนอก หรือคู่กรณีที่เกิดอุบัติเหตุกับเราเท่านั้น
ส่วนประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ , 3+ จะไม่ให้ความคุ้มครอง เพราะสถานการณ์ให้ความคุ้มครองเฉพาะการเกิดอุบัติเหตุชน กับคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะทางบก
ขับรถแหกโค้งเอง ประกันรถยนต์แต่ละชั้นคุ้มครองต่างกันอย่างไร
เมื่อเกิดเหตุการณ์ขับรถแหกโค้งหรืออุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี เช่น รถเสียหลักพลิกคว่ำ การคุ้มครองจากประกันรถยนต์จะแตกต่างกันไปตามประเภทของประกันที่คุณมี โดยประกันแต่ละชั้นมีการคุ้มครองดังนี้
1. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1
- คุ้มครอง: ประกันชั้น 1 คุ้มครองเต็มที่แม้ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากการขับรถแหกโค้งเอง หรือไม่มีคู่กรณี ไม่ว่าจะเป็นการพลิกคว่ำ ชนต้นไม้ หรือชนขอบทาง ประกันชั้นนี้จะจ่ายค่าซ่อมรถของคุณ รวมถึงคุ้มครองทรัพย์สินส่วนอื่น ๆ ที่เสียหาย
- สรุป: ชั้น 1 จะจ่ายค่าซ่อมรถของคุณแม้ไม่มีคู่กรณี
2. ประกันชั้น 2 ไม่มีคู่กรณี เคลมได้ไหม
- ไม่คุ้มครอง: ประกันชั้น 2 จะไม่คุ้มครองในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของคุณเอง ถ้าคุณขับรถแหกโค้งและไม่มีคู่กรณี
- สรุป: ไม่จ่ายค่าซ่อมรถของคุณ กรณีไม่มีคู่กรณี
3. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+
- ไม่คุ้มครอง: ชั้น 2+ จะคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถของคุณในกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น (เช่น ชนกับรถคันอื่น) ดังนั้น ถ้าเกิดอุบัติเหตุแหกโค้งเองโดยไม่มีคู่กรณี ประกันชั้นนี้จะ ไม่คุ้มครอง ความเสียหายของรถคุณ
- สรุป: ไม่จ่ายค่าซ่อมรถถ้าไม่มีคู่กรณี
4. ประกันชั้น 3 คุ้มครองอะไรบ้าง
- ไม่คุ้มครอง: ประกันชั้น 3 จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือบุคคลภายนอกเท่านั้น ไม่คุ้มครองรถของคุณเอง กรณีเกิดอุบัติเหตุแหกโค้งหรือพลิกคว่ำเอง ประกันชั้นนี้จะ ไม่คุ้มครอง
- สรุป: ไม่จ่ายค่าซ่อมรถของคุณ
5. ประกันรถยนต์ 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง
- ไม่คุ้มครอง: ชั้น 3+ คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถในกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบก (มีคู่กรณี) เท่านั้น ดังนั้น ถ้าเกิดอุบัติเหตุแหกโค้งเองโดยไม่มีคู่กรณี ประกันชั้นนี้จะ ไม่คุ้มครอง
- สรุป: ไม่จ่ายค่าซ่อมรถถ้าไม่มีคู่กรณี
สรุปแบบง่ายๆ คือ มีเพียงประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น ที่สามารถคุ้มครองได้ถึงการเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี และสามารถเบิกเคลมซ่อมรถ ค่ารักษาตัว ได้ แต่ประกันภัยชั้นอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ และจะคุ้มครองเมื่อมีคู่กรณีเท่านั้น
จะเห็นได้ว่า หากเป็นประกันชั้น 1 จะครอบคลุมแทบทุกรูปแบบอุบัติเหตุ แม้แต่ในเคสที่ไม่มีคู่กรณี จึงไม่แปลกใจที่จะมีเบี้ยประกันที่ราคาแพง เมื่อเทียบกับประกันชั้นอื่นๆ แต่สำหรับใครที่มั่นใจในการขับขี่ของตนเอง การเลือกประกันชั้นรองๆ ลงมา ก็ช่วยคุณประหยัดเงินในการซื้อประกันรถได้มาก
แต่ถ้าอยากประหยัดมากกว่านี้ เลือกประกันรถยนต์ได้ตรงใจ ตรงกับทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ ต้องนี่เลย! ประกันรถชั้น 1 จาก Rabbit Care ผ่อน 0% ให้นานถึง 10 เดือน และส่วนลดสูงสุดถึง 70% พร้อมบริการเปรียบเทียบ และผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา คลิกเลย!
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- น้ำเข้ารถ เคลมประกันรถยนต์ ได้ไหม ?
- ขับรถตกหลุมเสียหาย เคลมประกันได้หรือไม่ ?
- เคลมประกันรถยนต์แบบไหน ถึงจะเรียกว่าบ่อย ?
- ขั้นตอนการเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับ แรบบิท แคร์
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct