ชาร์จมือถือในรถ ทำให้รถแบตเตอรี่เสื่อมไวจริงหรือไม่ ?
หลายท่านคงเคยชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือในรถยนต์กัน ซึ่งอาจอยู่ในช่วงที่แบตใกล้จะหมดขณะอยู่บนรถ หรือว่าชาร์จเพื่อดูหนัง ฟังเพลง หรือกำลังใช้แอพจีพีเอสเพื่อนำทางไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง แต่คุณเคยได้ยินหรือไม่ว่า การชาร์จแบตในรถยนต์นั้นอาจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการทำให้รถแบตเตอรี่เสื่อมเร็วได้ ซึ่งจริงหรือไม่นั้น ในบทความนี้เรามีข้อมูลดี ๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับเจ้าของรถมาฝากกัน
ชาร์จมือถือในรถทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมเร็วหรือไม่ ?
สำหรับใครที่ชาร์จมือถือบนรถบ่อยๆ รศ.ธีร เจียศิริพงษ์กุล อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อธิบายว่า การชาร์จแบตมือถือในรถนั้นไม่ส่งผลให้แบตเตอรี่รถเราเสื่อมได้ เพราะมือถือใช้กำลังไฟไม่สูงมากในการชาร์จ จึงไม่ส่งผลต่อการทำให้แบตเตอรี่รถเสื่อม แต่อย่าลืมใช้สายชาร์จที่ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยด้วย
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันนี้การเลือกใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไออ้อน และมีวงจรที่ควบคุมการชาร์จในตัวส่วนอุปกรณ์คาร์ชาร์จเป็นแค่เพียงหม้อไฟที่จะทำให้ไฟเข้าเครื่องมีแรงดันตามความต้องการของมือถือหากกระแสไฟในการจ่ายไม่ได้มากกว่ามือถือที่ควรรับได้ตามสเปคก็ไม่เป็นอะไร ถ้าใช้อะแดปเตอร์ที่ได้มาตรฐานจะจ่ายไฟเข้ามือถือได้ตามสเปค ดังนั้นไม่ว่าจะชาร์จมือถือจากไฟรถหรือไฟบ้านก็เร็วเท่ากัน
สำหรับหลายคนที่เคยเจอปัญหาเครื่องมือถือร้อนบ่อยอาจจะเป็นที่ตัวอะแดปเตอร์ไฟรถไม่ดี แนะนำว่า ก่อนสตาร์ตเครื่องให้ถอดอะแดปเตอร์ที่จุดบุหรี่ออกก่อน จนเครื่องยนต์เดินเรียบแล้วค่อยเสียบชาร์จมือถือ เพราะขณะที่บิดกุญแจสตาร์ตเครื่องไฟจะกระชากขึ้นๆลงๆอาจทำให้มือถือมีปัญหาได้
ข้อแนะนำ สำหรับการชาร์จมือถือในรถยนต์
- อย่าเสียบสายชาร์จทิ้งไว้และสตาร์ทเครื่อง ควรสตาร์ทเครื่องก่อน แล้วค่อยเสียบชาร์จแบตมือถือ เพราะกระแสไฟฟ้าตอนสตาร์ทเครื่อง จะกระชาก อาจทำให้แบตมือถือ หรือวงจรภายในโทรศัพท์เสียหายได้
- นำโทรศัพท์มือถือออกจาก Wireless Charger หรือดึงที่ชาร์จออกทุกครั้ง ก่อนที่จะดับเครื่องยนต์
- ควรเลือกสายชาร์จของแท้ หรือยี่ห้อที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
วิธีป้องกัน ชาร์จมือถือในรถ อย่างไรจึงจะปลอดภัย
การชาร์จแบตเตอรี่ในรถยนต์มีเทคนิคง่าย ๆ ที่ทำให้เราปลอดภัยและประหยัดพลังงาน ในแบบฉบับที่เจ้าของรถทุกคนทำได้ ในขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากและไม่ซับซ้อน เช่น
- ใช้อุปกรณ์สายชาร์จแบตเตอรี่ที่ได้มาตรฐานทำจากพลาสติกเกรด A ไม่มีรอยต่อ หรือซื้ออุปกรณ์ที่เป็นของแท้มาใช้ ก็จะทำให้สบายใจไม่ต้องคอยกังวลต่ออันตรายในการเกิดไฟรั่วที่ทำให้ไม่ได้มาตรฐานนั่นเอง
- ควรสตาร์ทรถก่อนแล้วค่อยเสียบสายชาร์จ อย่าเสียบสายชาร์จคาไว้เพราะเมื่อเราสตาร์ทเครื่องยนต์จะเกิดกระแสไฟกระชากส่งผลต่อแบตมือถือได้
- อย่าลืมดึงอุปกรณ์ต่อที่ชาร์จโทรศัพท์ออกจากช่องเขี่ยบุหรี่ทุกครั้งก่อนดับเครื่อง
- ไม่ควรเปิดอุปกรณ์ในรถพร้อมกันหลายอย่างขณะที่ชาร์จมือถือในรถเป็นการเพิ่มโอกาสให้เกิดไฟกระชากได้
- ควรพกแบตเตอรีสำรอง หรือ Power Bank ติดไว้ด้วย ปลอดภัยกว่าแน่นอน และไม่ส่งผลต่อแบตเตอร์รี่มือถือของเรา
ประกันรถยนต์ตัวช่วยให้ความปลอดภัย
เมื่อเราทราบถึงเทคนิคการชาร์จแบตในรถให้ปลอดภัยกันแล้ว และเป็นการยืดอายุการใช้งานของรถยนต์อีกด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ลืมถึงความปลอดภัยอีกข้อนั้นคือ ความคุ้มครองด้วยการต่อประกันภัยรถยนต์ ซึ่งจะมีให้เจ้าของรถได้เลือกตั้งแต่ประกันรถยนต์ชั้น 1 ชั้น 2+ ชั้น 3+ หรือ ชั้น 3 ซึ่งมีรายละเอียดถึงความเหมาะสมของแต่ละบุคคลในการเลือก ดังนี้
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น1 เหมาะกับคนที่เพิ่งซื้อรถใหม่ หรือเป็นรถราคาแพง ที่มีอายุประมาณไม่เกิน 7 ปี ให้ความคุ้มครองคุณและรถของคุณ ความเสียหายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของบุคคลที่สาม การบาดเจ็บทางร่างกาย เช่นเดียวกันกับความสูญเสียที่เกิดจากไฟไหม้ รถหาย และภัยธรรมชาติซึ่งรวมน้ำท่วมด้วย
- ประกันรถชั้น 2+ ราคาที่ถูกกว่า ประกันรถยนต์ชั้น 1 เล็กน้อย เหมาะสำหรับคนขับที่ต้องการความสบายใจในการขับขี่ ในให้ความคุ้มครองคล้ายกับชั้น 1
- ประกันรถชั้น 3+ เหมาะกับผู้ที่มีงบน้อยหรือเป็นเจ้าของรถที่เก่ามากหรือมีมูลค่าไม่สูงมากนัก ประกันชั้น 3+ นี้ให้ความคุ้มครองครอบคลุมการบาดเจ็บในวงเงินที่ค่อนข้างต่ำ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อย
- ประกันรถชั้น 3 เหมาะกับคนที่ใช้รถเก่า ที่มีงบจำกัดมากๆ ซึ่งต้องการความคุ้มครองที่มากขึ้นอีกเล็กน้อยจากประกันภาคบังคับ
สรุปได้ว่า การชาร์จโทรศัพท์มือถือในรถยนต์เป็นเรื่องที่ใครหลายคนพบเจอในชีวิตประจำวัน แต่ควรระวังผลกระทบต่อแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพอย่างเร็ว และนี่คือข้อสรุปเนื้อหาเกี่ยวกับการชาร์จโทรศัพท์มือถือในรถยนต์:
- การดึงพลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์: การชาร์จโทรศัพท์มือถือในรถยนต์นั้นใช้แหล่งพลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อให้ไฟฟ้าในโทรศัพท์มือถือชาร์จเต็ม แม้ว่าจะมีการระบายพลังงานที่มีการควบคุม แต่การใช้งานครั้งหนึ่งนี้ไม่น่าเป็นปัญหา หากมีการใช้งานน้อยเท่านั้น
- สาเหตุหลักของแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม: การชาร์จโทรศัพท์มือถือในรถยนต์ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพ แบตเตอรี่เสื่อมสภาพมาจากหลายปัจจัย เช่น การใช้งานรถไม่บ่อย อุณหภูมิสภาพแวดล้อมที่สูงหรือต่ำเกินไป และความประมาณในการใช้งาน
- ผลกระทบต่อแบตมือถือ: แบตเตอรี่รถยนต์ต้องจ่ายไฟไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ในรถยนต์ หากแรงดันไฟฟ้าไม่คงที่หรือมีความไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้แบตมือถือเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น แต่ความเป็นจริงแล้วเรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นปัญหาที่หลายคนพบเจอ
การรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ให้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ โดยไม่ว่าจะมีการชาร์จโทรศัพท์มือถือในรถยนต์หรือไม่ก็ตาม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์เพื่อสร้างความยาวนานในการใช้งานแบตเตอรี่ โดยเฉพาะการบำรุงรักษาและการตรวจสอบประจุแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รถยนต์สามารถทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยได้ในทุกสถานการณ์
มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 10 ปี เขียนด้านเงิน การลงทุน บทความวิเคราะห์สถานการณ์การเงินในประเทศ และฝากผลงานไว้ที่ Rabbit Care ถึง 4 ปี