ทำไม! แอลกฮอลล์ จึงไม่ควรใช้ทำความสะอาดภายในรถยนต์
สวัสดีครับ พบกับ MR.CARRO ผู้เชี่ยวชาญด้านรถมือสอง จาก CARRO กันอีกครั้งนะครับ แม้ว่าในช่วงต้นปี 2564 มานี้ หลายคนยังต้องเจอกับวิกฤติโควิด-19 ที่กลับมาระบาดระลอกใหม่อีกรอบ ซึ่งทุกคนต้องดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ
สำหรับรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ที่ใช้งานทุกวัน หรือรถยนต์สาธารณะอย่าง แท็กซี่มิเตอร์ หรือรถที่วิ่งรับคนผ่าน App หลายคันอาจจะสกปรก จนอาจจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้ ยิ่งในยุค New Normal นี้ เราต้องให้ความสำคัญกับความสะอาดอย่างมาก และลดการสัมผัสให้มากที่สุด
หลายคนอาจสังเกตเห็นว่า แอลกฮอลล์ หรือเจลแอลกฮอลล์ ที่มี Ethyl Alcohol (เอทิลแอลกอฮอล์) ให้ความเข้มข้นมากกว่า 70% สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อวัณโรค เชื้อรา และไวรัสบางชนิดได้ จึงน่าเอามาใช้ทำความสะอาดในส่วนของจุดสัมผัสในรถดูบ้าง
เพราะเหตุใด จึงไม่ควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดรถ
แต่ MR.CARRO ขอบอกว่าไม่ควรเช็ดในรถนะครับ เพราะอาจทำให้ภายในรถคุณเสียหายได้ เพราะอะไรกันนั้น อ่านข้างล่างกันต่อไปเลยครับ …
ปกติแล้ว ในรถยนต์ของเรามีวัสดุประกอบไปด้วยหลายชนิด ตั้งแต่ตัวเบาะ ที่เป็นแบบผ้า, หนังสังเคราะห์, หนังแท้ หรือหนังกลับแบบ Alcantara เป็นต้น
ในส่วนของแผงคอนโซล พวงมาลัย หลายรุ่นเป็นวัสดุบุนุ่ม (และหุ้มด้วยหนังอีกที) หรือถ้าลดต้นทุนหน่อยก็เป็นพลาสติกแข็ง และชิ้นส่วนอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหนัง, ยาง, ฝ้าย, ใยสังเคราะห์ หรือมีสารเคลือบเงาไว้ เพื่อให้ทนทานต่อการใช้งาน
เพื่อความสะอาด คุณแค่เพียงใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำ เช็ดในส่วนที่ต้องสัมผัสบ่อยๆ หรือจะเช็ดทั้งหมดของแผงคอนโซลเลยก็ได้ ในส่วนของช่องแอร์ หรือตามซอยมุมหรือคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง ซึ่งเป็นจุดที่ทำความสะอาดค่อนข้างยากหน่อย ให้ใช้ก้านสำลีชุบน้ำ ค่อยๆ เช็ดทำความสะอาดไป หรือใช้แปรงปัดก็ได้
เมื่อทำความสะอาดภายในรถเสร็จแล้ว ลองหาโอกาสจอดรถในที่กลางแจ้ง เปิดประตูรถทั้งหมด ให้ลมเข้า-ออกสะดวก (ถ้าทำได้) กลางแดดจัดๆ สักครั้ง ถ้าความร้อนสูงถึง 54 องศาเซลเซียส เป็นเวลานาน 20 นาที เชื้อไวรัส 99.99% จะตาย (จากผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา)
ที่สำคัญ หากคุณใช้แอลกฮอลล์ หรือเจลแอลกฮอลล์ทำความสะอาดมือแล้ว ควรรอให้แห้งก่อน ที่จะสัมผัสชิ้นส่วนต่างๆ ภายในรถยนต์นะครับ
เพราะแอลกฮอลล์ หรือเจลแอลกฮอลล์ มีฤทธิ์กัดกร่อนวัสดุบางชนิดได้ โดยเฉพาะวัสดุประเภทหนัง, ยาง และสารเคลือบต่างๆ จะทำให้พลาสติกดูกรอบลง หนังสีซีด หรือหนังหุ้มหลุดลอกได้เลยทีเดียว!
สุดท้ายนี้ หากใครที่ต้องการขายรถคันเดิม CARRO Thailand ขอแนะนำบริการขายรถแบบด่วนๆ ที่ช่วยให้คุณจบการขายได้ภายใน 24 ชั่วโมง ในชื่อ CARRO Express (คาร์โร เอ็กซ์เพรส) ซึ่งเรามีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาดูแลคุณอย่างใกล้ชิด รวมทั้งพร้อมแนะนำช่วยเหลือคุณในการเตรียมเอกสารต่างๆ พร้อมปิดการขายรถของคุณ และได้รับเงินรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง! ซึ่งเหมาะกับในยุคนี้มากเลย
หากใครมีข้อสงสัย สามารถ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือจะสะดวก Add Line มาสอบถามได้ที่ @Carrothai ครับ
และ “CARRO Automall” (คาร์โร ออโต้มอลล์) ศูนย์รวมรถยนต์มือสองสภาพเยี่ยม รับประกันคุณภาพ เอกสารครบถ้วน และผ่านการตรวจสภาพรถจากบริษัท Inspection ชั้นนำทุกคัน ในราคาที่คุณเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ สำหรับคนที่กำลังมองหารถมือสองมาใช้งานครับ
ห้องโดยสารรถเสียหายจากการทำความสะอาด ประกันรถยนต์แต่ละชั้นคุ้มครองอย่างไรบ้าง
การคุ้มครองจากการต่อประกันภัยรถยนต์เมื่อเกิดความเสียหายต่อห้องโดยสารจากการทำความสะอาด ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันภัยรถยนต์ที่คุณเลือกใช้ ซึ่งประกันแต่ละชั้นมีระดับการคุ้มครองแตกต่างกัน ดังนี้
1. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 : คุ้มครองอย่างครอบคลุมที่สุด
- คุ้มครองความเสียหายต่อห้องโดยสาร:
- ประกันชั้น 1 ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์ของคุณไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดจากเหตุการณ์ใดที่ไม่ตั้งใจ เช่น น้ำยาทำความสะอาดทำให้เบาะเสียหาย หรือวัสดุภายในเสียหาย
- คุณต้องมีหลักฐาน เช่น ใบเสร็จการทำความสะอาดหรือรูปภาพความเสียหาย เพื่อยื่นเคลมกับบริษัทประกัน
- ข้อควรระวัง: หากบริษัทพิจารณาว่าความเสียหายนั้นเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกัน เช่น ใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อนโดยรู้ว่าอาจทำให้เสียหาย อาจส่งผลต่อการพิจารณาเคลม
2. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ : คุ้มครองแบบจำกัด
- คุ้มครองเฉพาะกรณีที่เกิดจากเหตุการณ์ภายนอก:
- ประกันชั้น 2+ ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากการทำความสะอาดหรือการใช้งานทั่วไป
- คุ้มครองเฉพาะกรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี หรือเหตุการณ์ร้ายแรง เช่น รถชน ไฟไหม้ หรือรถถูกโจรกรรม ดังนั้น ความเสียหายต่อห้องโดยสารจากการทำความสะอาดไม่น่าจะเคลมได้ในประกันชั้น 2+
3. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2, ชั้น 3 และ 3+ : คุ้มครองเฉพาะบุคคลภายนอกและบางกรณีที่มีคู่กรณี
- ไม่คุ้มครองความเสียหายภายในรถ:
- ประกันชั้น 2 และชั้น 3 เน้นคุ้มครองความเสียหายที่คุณก่อให้กับทรัพย์สินหรือบุคคลภายนอกเท่านั้น จึงไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์ของคุณ ไม่ว่าจะภายในหรือภายนอก
- ชั้น 3+ จะคุ้มครองกรณีรถชนที่มีคู่กรณี แต่ไม่รวมถึงการซ่อมแซมความเสียหายภายใน
Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology