ตะลอนสวย

รองพื้นคืออะไร? คู่มือรองพื้นสำหรับมือใหม่ เลือกยังไงให้ปัง

ผู้เขียน : Nok Srihong

มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว

close
Published January 24, 2023

รองพื้นเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ชิ้นสำคัญในการแต่งหน้าชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้ สำหรับมือใหม่หัดแต่งหน้าหลาย ๆ คนอาจยังคงสงสัยว่าเครื่องสำอางชิ้นนี้คืออะไร จำเป็นไหมที่ต้องใช้ และอีกปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับมือใหม่ไปจนถึงคนที่หัดแต่งหน้าไปสักพักแล้วนั่นก็คือเลือกรองพื้นยังไงให้ลุคดูปัง ไม่พังเพราะเลือกผิดเบอร์ 

เชื่อเหลือเกินว่าคงไม่มีใครอยากจะแต่งหน้าหนาหรือทาหน้าเทาออกจากบ้านกันหรอก วันนี้น้องแคร์จะพาทุกคนไปรู้จักกับเครื่องสำอางอย่างรองพื้นกันให้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการพาไปรู้จักกับประเภท, ระดับการปกปิด รวมไปถึงการเลือกสีรองพื้น เรียกได้ว่าอ่านความรู้พื้นฐานได้ครบจบในที่เดียว 

รองพื้นคืออะไร

รองพื้น (Foundation) คือเครื่องแต่งหน้าที่จะเข้ามาช่วยปรับสภาพผิวให้มีความเรียบเนียน โดย ปรับสีผิวให้มีความสม่ำเสมอ ซึ่งรองพื้นสามารถกลบร่องรอยที่ไม่พึ่งประสงค์ต่าง ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นรอยแผลเป็น, สิว, รูขุมขนที่มีขนาดใหญ่, ฝ้า, กระ เรียกได้ว่านี่คือเครื่องมืออำพรางจุดพกพร่องบนใบหน้าชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นคลิปสอนแต่งหน้าหรือว่าการรีวิวเครื่องสำอางจากบรรดาเหล่า Beauty Blogger และ Influencer รองพื้นเป็นหนึ่งใน Item แต่งหน้าชิ้นสำคัญที่ถูกหยิบมาพูดถึงมากที่สุด

รองพื้นมีกี่ประเภท

รองพื้นเป็นอีกหนึ่งเครื่องสำอางที่ทุกแบรนด์ต่างทำออกมาแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นจากฝั่ง Drug Store หรือแบรนด์ในกลุ่มที่หาซื้อได้ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นร้านขายยาไปจนถึงร้านสะดวกซื้อเช่นรองพื้น L’Oreal, รองพื้น Revlon หรือจะเป็นแบรนด์ไทยอย่างศรีจันทร์รองพื้น 

หรือจะข้ามมาที่ฝั่ง Counter Brand กับ Hi-end ที่จะใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพมากขึ้น, ส่วนผสมที่มีความเข้มค้น และบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงามและหรูหรา ยกตัวอย่างเช่นรองพื้น Bobbi Brown, รองพื้น Lancome, รองพื้น Estée Lauder, รองพื้น Chanel โดยตัวรองพื้นที่วางขายทั้งหมดในท้องตลาดมีอยู่มากมายหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทนั้นจะมีคุณสมบัติที่แต่งต่างกันออกไป น้องแคร์จึงได้แยกประเภทของออกเป็นคร่าวไว้ดังนี้

1. รองพื้นแบบทินท์ (Tinted Moisturizer)

เพราะคุณสมมบัติพิเศษที่มีความบางเบาร่วมกับการเป็น Moisturizer ให้ความชุ่มชื้นบำรุงผิว ทำให้เป็นรองพื้นที่อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคนเท่าไหร่นัก และด้วยความบางเบาเป็นพิเศษจึงเท่าให้ไม่สามารถปกปิดร่องรอยต่างๆได้ดีเท่าที่ควร 

  • เหมาะกับผิว : ผิวแห้งต้องการความชุ่มชื้น, คนที่มีสภาพผิวดีอยู่แล้ว ไม่มีร่องรอยให้ปกปิด

2. รองพื้นแบบลิควิด (Liquid Foundation)

รองพื้นแบบลิควิดหรือแบบเหลว เป็นรองพื้นอีกหนึ่งประเภทที่ได้ความนิยมเป็นอย่างมาก มีขายมากมายในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ถูกหรือว่าแพงก็มีให้เลือกใช้ ด้วยคุณสมบัติที่เหมาะสมกับทุกสภาพผิวไม่ว่าจะเป็นผิวมัน, ผิวแห้งหรือว่าผิวผสมก็สามารถเลือกใช้ได้ นอกจากนี้ตัวลองพื้นแบบเหลวยังสามารถเลือกใช้ได้หลายโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้าในลุคสบาย ๆ ไปจนถึงการแต่งหน้าแบบจัดหนักจัดเต็ม เพียงแค่เลือกความเข้มข้นของตัวรองพื้น โดยเนื้อที่เหลวจะปกปิดบางเบาส่วนเนื้อเข้มข้นจะให้การปกปิดได้เป็นอย่างดี

  • เหมาะกับผิว : สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว

3. รองพื้นแบบครีม (Cream Foundation)

สำหรับใครที่ต้องการการปกปิดอย่างแนบเนียน รองพื้นแบบครีมเป็นอะไรที่ค่อนข้างตอบโจทย์ เพราะตัวเนื้อครีมมีส่วนประกอบหลักเป็นพวกน้ำมันและ Wax จึงทำให้ได้เนื้อครีมที่มีความเข้มข้นสูง โดยนอกจากคุณสมบัติการปกปิดที่ทำได้อย่างดีเยี่ยม รองพื้นแบบครีมยังเก็บความชุ่มชิ้นได้เป็นอย่างดีจึงทำให้เหมาะกับคนที่มีสภาพผิวแห้ง ด้วยเนื้อครีมที่เข้มข้นหากใช้มากจนเกินไปจะทำให้รู้สึกว่าทาได้ยาก และควรวอร์มเนื้อครีมที่มือทุกครั้งก่อนทาเพื่อไม่ให้ทิ้งคราบไว้ 

  • เหมาะกับผิว : เหมาะกับผิวแห้ง เพราะกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี

4. รองพื้นแบบแป้ง (Powder Foundation)

เป็นรองพื้นที่มีการใช้งานง่ายตอบโจทย์ในการใช้งานระหว่างวันได้เป็นอย่างดี หลาย ๆ คนจะรู้จักกันดีในชื่อ “แป้งผสมรองพื้น” สามารถปกปิดร่องรอยไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้อย่างดี พกพาได้สะดวก โดยมีข้อแนะนำสำหรับคนที่มีผิวหน้ามันมากอาจทำให้อุดตันรูขุมขนได้ และสำหรับคนที่ผิวหน้าแห้งมากจนลอกเป็นขุย อาจทำให้เห็นขุยต่าง ๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

  • เหมาะกับผิว : สามารถใช้งานได้ในทุกสภาพผิว

5. รองพื้นแบบเนื้อมูส (Mousse Foundation)

รองพื้นเนื้อโฟมครีมนุ่ม ๆ ทำให้สามารถเกลี่ยได้ง่าย โดยที่ตัวเนื้อรองพื้นจะช่วยแต่งเติมร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า นอกจากนี้ยังมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกด้วย ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับคนที่มีร่องรอยเด่นชัด และยังเหมาะกับคนที่มักแสดงออกทางสีหน้าเพราะว่าตัวรองพื้นจะไม่มีการแตกตามรองริ้วรอยต่าง ๆ

  • เหมาะกับผิว : ผิวแห้งและผิวธรรมดา

6. รองพื้นแบบผงมิเนอรัล (Mineral Foundation)

รองพื้นที่มีส่วนผสมจากแร่ธาตุตามธรรมชาติ มีลักษณะเป็นรองพื้นแบบผง จุดเด่นที่ทำให้รองพื้นชนิดนี้เป็นที่นิยมคงหนีไม่พ้นคุณสมบัติที่ใช้ได้กับทุกผิว โดยเฉพาะกับคนที่มีอาการผิวแพ้ง่าย นี่คือ Item ฟ้าประทานที่ส่งลงมาให้กับพวกคุณ เพราะการที่ใช้ส่วนประกอบจากธรรมชาติส่งผลให้อ่อนโยนต่อผิว มีให้เลือกทั้งแบบเนื้อบางเบาไปจนถึงเนื้อแน่นที่ปกปิดได้แนบเนียน

  • เหมาะกับผิว : เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่ายเพราะทำจากธรรมชาติ

7. รองพื้นแบบแท่ง (Stick Foundation)

เป็นอีกหนึ่งรองพื้นที่ถูกออกแบบมาให้สามารถพกพาไปใช้งานได้ในทุกสถานที่ กับแพ็กเกจที่มาในรูปแบบแท่ง ตัวเนื้อรองพื้นมีความเข้มข้นสูงเกาะติดผิวได้ดี ปกปิดอำพรางร่องรอยต่าง ๆ อย่างสมบูรณ์ สามารถเติมในระหว่างวันได้ทั้งแบบบางเบาหรือจะเนื้อแน่นก็ได้ แต่ด้วยความเข้มข้นนี้เองจึงอาจทำให้รองพื้นไหลเยิ้มตามหน้าหรือทำให้อุดตันจนเกิดสิวได้ และในบางสูตรรองพื้นอาจแห้งลอกเป็นขุยได้เช่นกัน

  • เหมาะกับผิว : สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว

8. รองพื้นแบบเปลี่ยนเป็นแป้ง (Liquid/Cream to Powder)

จัดว่าเป็นรองพื้นอีกหนึ่งประเภทที่ออกแบบมาเพื่อทุกสภาพผิวโดยเฉพาะคนมีผิวมัน โดยเนื้อรองพื้นในตลับจะเป็นของเหลวหรือไม่ก็ครีม ซึ่งเมื่อทาหรือเกลี่ยไปสักพักแล้วตัวรองพื้นจะเซ็ตตัวคล้ายกับแป้งเนียนไปกับผิวให้ลุคแมทท์โดยที่ไม่ต้องโปะแป้งซ้ำ อีกทั้งยังสามารถคุมความมันได้เป็นอย่างดี

  • เหมาะกับผิว : สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวมัน

9. รองพื้นแบบสเปรย์ (Spray Foundation)

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมรองพื้นที่ใช้งานง่าย โดยมาในรูปแบบของสเปย์เพียงพ่นลงบนฟองน้ำแล้วเกลี่ยไปให้ทั่วใบหน้า โดยยังมีอีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญคือสามารถเติมหน้าได้ในระหว่างวันโดยที่ไม่ต้องลบของเดิมออก ซึ่งรองพื้นประเภทนี้จะให้การปกปิดที่บางเบาเหมาะกับการไแต่งหน้าที่ไม่หนักมาก

  • เหมาะกับผิว : สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว

ประเภทเนื้อของรองพื้น

คำว่าเนื้อในที่นี้เราไม่ได้หมายถึงเนื้อครีมที่อยู่ในหลอดหรือตลับ แต่เราหมายถึงเนื้อของรองพื้นเมื่อเราจัดการแต่งแต้มลงบนไปหน้าแล้วผลลัพท์ที่ได้จะทำให้สภาพผิวของเราออกมาในลุคไหน โดยที่หลัก ๆ แล้วจะให้ลุคออกมาเป็น 2 รูปแบบด้วยกัน โดยแบบไหนจะดีกว่ากันคงเป็นเรื่องที่ตอบได้ยากเพราะเป็นเรื่องของสภาพผิวและความชื่นชอบของแต่ละบุคคล

รองพื้นเนื้อแบบแมทท์

เนื้อแมทท์ (Matte) หรือที่เราอาจได้ยินกันบ่อย ๆ ว่าแมทท์ลุค คือเนื้อรองพื้นที่ให้คุณสมบัติติดทนนาน เพื่อน ๆ คนไหนที่ต้องการปกปิดและให้ลุคผิวที่ดูเนียนแล้วล่ะก็ แบบเนื้อแมทท์ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี และนอกจากนี้ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยคุมความมันได้อย่างยอมเยี่ยม จึงเหมาะอย่างยิ่งกับสภาพผิวมันรวมไปถึงสภาพผิวของคนในประเทศโซนร้อนอย่างประเทศไทยอีกด้วย

รองพื้นเนื้อแบบโกลว์

เรียกได้ว่าเป็นขั้วตรงข้ามของเนื้อแมทท์เลยก็ว่าได้ กับรองพื้นเนื้อโกลว์ (Glow) ไอเท็มแต่งสไตล์เกาหลียอดนิยม โดยเนื้อแบบนี้จะให้ลุคผิวที่ดูชุ่มฉ่ำมันวาว เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่มีสภาพผิวที่แห้งเพราะตัวรองพื้นจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าได้เป็นอย่างดี

ระดับการปกปิด

หลังจากที่เราพาไปรู้จักกับประเภทต่าง ๆ กันแล้ว ว่าแต่ะละประเภทมีลักษณะอย่างไรและเหมาะกับสภาพผิวแบบไหน สิ่งต่อไปที่น้องแคร์จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกันนั่นก็คือระดับการปกปิดของรองพื้น ซึ่งในแต่ละประเภทจะให้การปกปิดที่แตกต่างกันออกไป ไล่ตั้งแต่แบบเบาบางไปจนถึงการปกปิดอย่างแนบเนียน เพื่อที่จะเลือกรองพื้นให้ได้ตรงกับความต้องการไปดูกันว่าจะมีระดับการปกปิดอะไรกันบ้าง

  • Sheer Coverage/Light Coverage : ปกปิดบางเบาหรือแทบไม่ปกปิด เหมาะกับคนที่ไม่มีปัญหาบนใบหน้า ต้องการแต่งหน้าโชว์สภาพผิวหรือแต่ต้องการปรับสภาพผผิวให้ดูเรียบเนียน 
  • Sheer To Medium Coverage : ปกปิดในระดับบางเบาไปจนถึงปานกลาง เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวเพียงเล็กน้อย
  • Medium Coverage : ปกปิดระดับปานกลาง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปกปิดจุดปัญหาแต่ไม่ได้ต้องการความหน้าแน่น
  • Medium To Full Coverage : เป็นตรงกลางระหว่าง Medium และ Full Coverage จะเอนเอียงไปทางไหนขึ้นอยู่กับปริมาณในการใช้
  • Full Coverage : ระดับสูงสุดในการปกปิดอำพราง เหมาะกับคนที่ต้องการซ้อนปัญหาบนใบหน้า ไปจนถึงการแต่งหน้าที่ต้องการการติดทนทั้งวัน

อุปกรณ์สำหรับใช้ลงรองพื้น

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้หน้าออกมาสวยไม่สวยได้นั้น นอกเหนือจากตัวรองพื้นแล้วนั่นก็คือขั้นตอนการลงรองพื้นนี่เอง หากลงแล้วเกลี่ยได้ไม่ดีอาจทำให้ปกปิดได้ไม่สมบูรณ์ อีกทั้งยังอาจทิ้งเป็นคราบที่ทำให้ไม่สวยงามอีกด้วย ดังนั้นอุปกรณ์สำหรับใช้ลงรองพื้นจึงเข้ามามีบทบาทเพื่อเป็นตัวช่วยให้กับเพื่อน ๆ ทุกคนลงรองพท้นได้ง่ายขึ้น เพิ่มความเรียบเนียนบนใบหน้า

นิ้วมือ

เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีมาตั้งแต่เกิด ไม่ต้องลงทุนเสียเงินแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีความสะดวกและความง่ายในการใช้งาน โดยเฉพาะมือใหม่หัดแต่งหน้า ซึ่งลงในแบบนี้ยังสามารถควบคุมปริมาณทำให้ประหยัดการเนื้อครีมได้อีกด้วย การลงรองพื้นชนิดเหลวและแบบครีมด้วยมือยังถือว่าเป็นการวอร์มตัวครีมให้ใช้งานได้ง่ายและดียิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ควรระวังไว้หน่อยนั่นก็คือการใช้มืออาจทำให้เกิดคราบหรือรอยนิ้วมือบนใบหน้าได้  

แปรงแต่งหน้า

เป็นอุปกรณ์แต่งหน้าอีกหนึ่งชิ้นที่ขาดไม่ได้ โดยตัวแปรงแต่งหน้ามีอยู่หลายประเภท ซึ่งในแต่ละแบบจะให้คุณสมบัติที่ช่วยให้การลงพื้นแตกต่างกันไป โดยข้อดีหลัก ๆ ของการใช้แปรงแต่งหน้านั่นก็คือช่วยให้การลงรองพื้นเป็นไปอย่างเรียบเนียนไม่เป็นคราบ ให้ลุคที่ดูเป๊ะปัง แต่ก็มีข้อเสียคืออาจจะยากในการใช้สำหรับมือใหม่ และถ้าตัวหัวแปรงไม่ดีก็อาจทิ้งขนแปรงติดบนใบหน้าได้ และควรเลือกซื้อแปรงที่มีขนนุ่มเพื่อลดการละคายเคือง

ฟองน้ำ

ไอเท็มยอดฮิตของทุกคนที่มีให้เลือกหลายราคาตั้งแบบถูกไปจนถึงแพง โดยฟองน้ำมีให้เลือกหลายรูปทรงไม่ว่าจะเป็นทรงรีแบบไข่หรือที่ว่าจะเป็นทรงเหลี่ยมหัวตัด โดยข้อดีของฟองน้ำแต่งหน้าคือความรวดเร็วในการเกลี่ย รวมไปถึงการเกลี่ยได้อย่างเรียบเนียนสามารถเข้าได้ทุกซอกมุม แต่มีข้อควรระวังนั่นก็คือตัวฟองน้ำจะกินเนื้อครีมในปริมาณมากและถ้าหากใช้เนื้อครีมจำนวนเยอะเกินไปอาจทำให้รองพื้นหนาได้

ซิลิโคนแบบใส

อีกหนึ่งอปุกรณ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก กับจุดเด่นในเรื่องการดูแลรักษาที่แม้เจ้าซิลิโคนแบบใสจะเลอะแค่ไหนก็สามารถทำความสะอาดเช็ดล้างออกได้อย่างง่าย ๆ ไม่เป็นการสะสมของแบคทีเรีย ทำให้อ่อนโยนต่อผิวหน้า ลดการเกิดสิวได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังกินเนื้อรองพื้นน้อยกว่าอุปกรณ์ชนิดอื่นอีกด้วย แต่มีข้อควรระวังคือเวลาใช้ควรกะปริมาณเนื้อครีมให้ดี ถ้ามาเกินอาจเยิ้มได้

การเลือกสีรองพื้นให้เหมาะกับตัวเอง

หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับรองพื้นไปกันพอสมควรแล้วไม่ว่าจะเป็นชนิด, ประเภทของเนื้อครีม, ระดับการปกปิดรวมไปถึงอุปกรณ์ที่ใช้ลงช่วยเกลี่ย ทีนี้เรามาถึงส่วนที่หลาย ๆ คนรอคอยกับการเลือกสีรองพื้นอย่างไรให้ปังให้เข้ากับสภาพผิวของตัวเอง ซึ่งการเลือกนี้ถือว่าสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้เพราะหากเลือกสีผิดไม่เข้ากับสภาพผิว และความต้องการในการใช้งาน รับรองเลยว่าเป็นฝันร้ายของทุกคนอย่างแน่นอน

ถามตัวเองว่าต้องการนำไปใช้ตอนไหน

สิ่งแรกเลยก่อนที่เพื่อน ๆ จะซื้อรองพื้นสักหนึ่งชิ้น เพื่อน ๆ ควรจะต้องรู้ก่อนว่าอยากเอาไปใช้ในตอนไหน หรือก็คือเราจะซื้อไว้ทำไมนั่นเอง เพราะอย่างที่เราได้แนะนำทุกคนไปในตอนต้นถึงประเภทของรองพื้น ทำให้เรารู้ว่าแต่ละชนิดมีคุณสมบัติเป็นอย่างไร บางตัวให้การปกปิดบางเบา บางตัวเหมาะกับคนผิวมันจึงควรเลือกให้ตรงกับจุดประสงค์การใช้งานที่สุด 

รู้จักกับสภาพผิวของตนเอง

เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญลำดับต้น ๆ ในการเลือกซื้อคือการรู้จักกับสภาพผิวของตัวเองก่อนว่าเป็นอย่างไร เป็นคนมีผิวแห้ง, ผิวมันหรือว่าผิวผสม เพราะรองพื้นแต่ละแบบมีความเหมาะกับสภาพผิวที่ต่างกัน และนอกจากที่จะรู้จักสภาพผิวของตัวเองแล้ว เราควรที่จะรู้จักกับสีผิวของตัวเองผ่านวิธี Undertone ซึ่งจะช่วยให้เรารู้จักกับสีผิวที่แท้จริง

โดยที่ Undertone หมายถึงสีของผิวที่แท้จริง ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ชั้นผิวหนัง ซึ่งเจ้าตัวสีผิวในชั้นนี้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต่างจากสีผิวภายนอกที่สามารถได้รับผกระทบจากทั้งฝุ่นละอองและแสงแดดทำให้มีการเปลี่ยนแปลง โดยวิธีการเช็ค Undertone สามารถทำได้อย่างง่าย ๆ ผ่านการหงายข้อมือเช็คสีเส้นเลือดกับแสงที่มีความสว่าง โดยเน้นเป็นแสงธรรมชาติเพื่อให้ได้ความแม่นยำ 

  • Cool Undertone : ผิวโทนชมพู เส้นเลือดสีน้ำเงิน – ม่วง
  • Warm Undertone : ผิวโทนเหลือง เส้นเลือดสีเขียว – เขียวเข้ม
  • Neutral Undertone : ผิวโทนปกติ เส้นเลือดสีน้ำเงิน – เขียว

ศึกษาการ Swatch สี

พอรู้จักโทนสีผิวที่แท้จริงของตัวเอง ขั้นต่อมาเราก็ควรศึกษา Swatch ของแต่ละแบรนด์ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งการ Swatch ในที่นี้ก็คือการนำรองพื้นเฉดสีต่าง ๆ มาทาเทียบกับแขนในสีผิวต่างๆกัน ซึ่งการทำ Swatch จะทำให้เราทราบว่าสีนั้นเข้ากับตัวเราไหม ถ้าเป็นไปได้ให้ลองดูการ Swatch สีที่เทียบกับแขนนางแบบจริง ๆ 

เช็กการรีวิวจาก Blogger

เรียกได้ว่าเป็นการดูรีวิวจากผู้ใช้งานจริง เพราะในการรีวิวบรรดา Blogger ต่าง ๆ มักจะรีวิวบอกเราเกี่ยวกับรายละเอียดของตัวรองพื้นแต่ละตัวว่ามีเนื้อครีมเป็นอย่างไร เกลี่ยยากหรือง่ายมากน้อยเพียงไหน ให้การปกปิดเป็นอย่างไร ถ้าเป็นไปได้ควรหารีวิวจาก Blogger ที่มีคุณสมบัติและสภาพผิวที่ใกล้เคียงกับเพื่อน ๆ ให้ได้มากที่สุด

ทดลองของจริงที่ร้าน

สิบปากว่าไม่ทำตาเห็นสุดท้ายการทดลองรองพื้นใช้กับตัวเองก็เป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด แต่จากขั้นตอนที่เราได้แนะนำเพื่อน ๆ ในข้างต้นถ้าเพื่อน ๆ ได้ทำตามเรามาตลอด น้องแคร์เชื่อว่าจะลดเวลาการลองที่หน้าร้านไปได้พอสมควรเลยทีเดียว ทีนี้ก็มาถึงการทดลองกับโทนสีที่เราชอบ ควรลองดูคุณสมบัติต่าง ๆ ว่าตรงใจของเราไหม ทดลองเกลี่ยทาแล้วเทียบกันดู เพื่อหาเฉดสีที่เข้ากับเรามากที่สุด

รองพื้นเป็นเครื่องสำอางชิ้นเล็ก ๆ ที่ต้องการการใส่ใจในการเลือกอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นความเหมาะสมของสภาพผิวไปจนถึงลักษณะการใช้งาน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่คู่ควรกับการสละเวลาไปกับการตามหาชนิดหรือเฉดสีที่เข้ากับตัวเรา เพราะหากเราเลือกผิดพลาดอาจส่งผลตามมาที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้ เหตุนี้เองแบรนด์เครื่องสำอางทั้งเล็กใหญ่ต่างแข่งขันออกผลิตภัณท์ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของแต่ละคน 


ตั้งแต่แบรนด์ที่มีราคาถูกไปจนถึงราคาแพงอย่างรองพื้น Bobbi Brown, Chanel, La Mer ซึ่งในการซื้อของที่มีราคาแพงแบบนี้แล้วจ่ายเงินโดยใช้บัตรเครดิต ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการใช้เงินที่คุ้มค่าเพราะสามารถสะสมคะแนนนำไปแลกรับสิทธิ์ต่าง ๆ ได้ ซึ่งถ้าคนไหนสนใจสมัครบัตรเครติดก็สามารถมาสมัครที่ แรบบิท แคร์ ได้เลย เพราะเรามีหลากหลายผลิตภัณฑ์ให้เพื่อนได้เลือกใช้งาน

  
เปรียบเทียบบัตรเครดิตที่ใช่ ง่ายๆ แค่ 30 วิ คลิกเลย!
icon angle up or down

สามารถเลือกได้มากกว่า 1 ข้อ

เด็กจบใหม่ รักการท่องเที่ยว รักการช้อปปิ้ง รักความหรูหรา รักสุขภาพ รักการกิน
  

บทความตะลอนสวย

ตะลอนสวย

ต่อขนตา มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร มีความเสี่ยงอะไรหรือไม่ รวมสิ่งที่น่ารู้เกี่ยวกับการต่อขนตา

เรื่องความสวยความงามกับสาว ๆ นั้นเป็นของคู่กัน การต่อขนตาก็เป็นหนึ่งในทางเลือกในการดูแลความงามที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน
กองบรรณาธิการ
01/04/2024

ตะลอนสวย

เสริมหน้าอกอันตรายไหม ? ราคาเท่าไหร่ ต้องพักฟื้นกี่วัน ?

สมัยนี้การเสริมหน้าอกไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่หรือเป็นการศัลยกรรมที่ฟังดูเข้าถึงยาก
คะน้าใบเขียว
20/12/2023