Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
info

💙 แจก Starbuck Voucher มูลค่า 800 บาทฟรี! เพียงเปิดบัญชี Webull ผ่านช่องทางของ Rabbit Care สนใจ คลิก! 💙

user profile image
เขียนโดยNok Srihongวันที่เผยแพร่: May 07, 2024

กรมธรรม์รถยนต์ สำคัญอย่างไร ทำไมจึงต้องมี

สำหรับใครก็ตามที่ทำประกันรถยนต์ ก็จำเป็นจะต้องมีกรมธรรม์รถยนต์เป็นเอกสารหลักฐานที่แสดงเงื่อนไขทั้งหมดในการทำประกันร่วมกับบริษัทประกัน เพราะกรมธรรม์รถยนต์ เป็นเอกสารสำคัญที่จะใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันเกี่ยวกับข้อตกลง และเงื่อนไขต่าง ๆ ในประกัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ จึงจะได้รับความคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

ซึ่งไม่ว่าจะทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันรถยนต์ หรือประกันรูปแบบใด ก็จะมีกรมธรรม์ให้กับผู้ทำประกันทั้งสิ้น โดยในกรมธรรม์รถยนต์ และประกันทุกประเภท จะต้องมีรายละเอียดผู้รับทำประกัน ผู้ทำประกัน ข้อมูลรถยนต์ เบี้ยประกันภัย ฯลฯ หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป จะทำให้กรมธรรม์นั้นไม่สมบูรณ์ และผู้ทำประกันจะต้องเก็บเอกสารกรมธรรม์รถยนต์เอาไว้ เพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นเรื่องเคลมหรือยื่นเรื่องเอาประกันนั่นเอง

กรมธรรม์รถยนต์ มีกี่ประเภท เหมือนกับประกันรถยนต์ไหม

ประกันรถยนต์ หรือ กรมธรรม์รถยนต์ คือ ประกันภัยที่คุ้มครองความเสียหาย และความสูญเสียจากการใช้รถ ทั้งความเสียหาย บุบสลาย ของตัวรถยนต์ ตลอดจนความเสียหายต่อร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สิน ของบุคคลที่โดยสารในรถที่ประสบเหตุ รวมไปถึงบุคคลภายนอกด้วยเช่นกัน

ประกันรถยนต์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • 1. ประกันรถยนต์ภาคบังคับ หรือที่เรียกกันว่า พ.ร.บ.รถยนต์ เป็นประกันหรือกรมธรรม์รถยนต์ที่ผู้ใช้รถทุกคนต้องมีตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ประชาชนทุกคนที่ประสบภัยจากรถ ได้รับการชดเชยและเยียวยาความสูญเสีย
  • 2. ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ เป็นประกันที่เจ้าของรถสมัครใจที่จะทำ เพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดกับตัวรถ ผู้ขับขี่ หรือแม้แต่คู่กรณี และบุคคลภายนอก หรือที่เราเรียกกันทั่วไปว่า ประกันรถยนต์ นั่นเอง ซึ่งกรมธรรม์รถยนต์สำหรับประกันประเภทนี้นับว่าสำคัญมาก เพราะจะต้องใช้เป็นหลักฐานในการเอาประกันกับบริษัทประกัน

ใบสลักหลังกรมธรรม์รถยนต์ คืออะไร คนทำประกันควรรู้

ปกติแล้ว ในกรมธรรม์รถยนต์ จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับผู้เอาประกัน เบี้ยประกัน และรถที่ทำประกัน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการเคลมประกันในอนาคต หากข้อมูลเหล่านี้ผิดพลาดไป จะทำให้การเคลมประกันนั้นยากขึ้น บริษัทประกันจึงจำเป็นต้องมีใบสลักหลังกรมธรรม์รถยนต์ เพื่อช่วยให้การเคลมง่ายขึ้นในกรณีที่ข้อมูลผิดพลาด หรือกรณีที่ต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในกรมธรรม์รถยนต์

ใบสลักหลังกรมธรรม์รถยนต์ คือเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์รถยนต์ ที่บริษัทประกันออกให้ผู้ทำประกันอีกครั้งหลังจากออกเอกสารกรมธรรม์รถยนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเอาไว้ใช้ในกรณีที่ต้องการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลในกรมธรรม์รถยนต์ เช่น หากต้องการเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ หรือต้องการแก้ไขข้อมูลที่อยู่ หรือตัวสะกดต่าง ๆ ที่อาจจะสะกดผิดอยู่ในกรมธรรม์รถยนต์ ก็สามารถแจ้งบริษัทประกันหรือนายหน้าให้แก้ไขข้อมูลออกมาเป็นเอกสารใบสลักหลังกรมธรรม์รถยนต์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด หรือความยุ่งยากในการเคลมประกันในอนาคต

วิธีดูกรมธรรม์รถยนต์ ตรวจสอบกรมธรรม์ต้องดูอะไรบ้าง

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ในกรมธรรม์รถยนต์ จะต้องมีข้อมูลของผู้เอาประกัน เงื่อนไขในการเอาประกัน จำนวนเงินประกัน ค่าเบี้ยประกัน และรายละเอียดอื่น ๆ ซึ่งเมื่อเราได้รับกรมธรรม์รถยนต์มาแล้ว ควรตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ ในกรมธรรม์ให้ถูกต้อง เพื่อผลประโยชน์ของเราเองในการเอาประกัน เพราะหากมีจุดผิดพลาดในกรมธรรม์รถยนต์อาจสร้างปัญหาในการเคลมภายหลังได้ สำหรับจุดต่าง ๆ ที่ควรตรวจสอบในกรมธรรม์รถยนต์ มีดังนี้

  • รายละเอียดของผู้เอาประกัน และผู้รับผลประโยชน์
    ควรตรวจสอบกรมธรรม์รถยนต์ให้ดีว่ารายละเอียดของผู้เอาประกัน และผู้รับผลประโยชน์ถูกต้องหรือไม่ ทั้งยังควรตรวจสอบวันที่ได้รับความคุ้มครองให้ถูกต้องอีกด้วย ซึ่งปกติแล้วจะได้รับความคุ้มครองทันทีหลังจากทำประกันเสร็จสิ้น รวมทั้งจะมีวันหมดอายุระบุอยู่ในกรมธรรม์รถยนต์ไว้ด้วยเช่นกัน
  • รายละเอียดรถยนต์
    ในกรมธรรม์รถยนต์จะมีรายละเอียดเลขตัวถังปรากฏอยู่ ซึ่งบริษัทประกันจะใช้เลขตัวถังเป็นหลักฐานในการเคลมประกัน และหากเลขตัวถังผิดก็จะไม่สามารถเคลมได้
  • ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก
    บุคคลภายนอก หมายถึง ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุรถยนต์ของผู้เอาประกัน บุคคลที่ไม่ใช่คนในครอบครัว ซึ่งค่าเสียหายส่วนนี้จะต้องเบิกกับ พ.ร.บ. รถยนต์ก่อน และส่วนต่างที่เหลือจึงจะเบิกกับบริษัทประกัน
  • ความคุ้มครองตัวรถ
    ในกรมธรรม์รถยนต์จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับทุนประกัน หรือค่าความเสียหายต่อรถระบุไว้ ซึ่งจะคุ้มครองความเสียหายจากกรณีไฟไหม้ รถยนต์สูญหาย ฯลฯ
  • ความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย
    ความคุ้มครองในส่วนนี้จะเป็นความคุ้มครองบุคคลที่โดยสารในรถ รวมถึงคนขับด้วย โดยจะมีการระบุความคุ้มครองที่ได้รับไว้ในกรมธรรม์รถยนต์ ทั้งค่ารักษาพยาบาล และค่าประกันตัวหากมีการดำเนินคดี

กรมธรรม์รถยนต์ เป็นแบบไหน คุ้มครองอะไรบ้าง

กรมธรรม์รถยนต์ หรือประกันรถยนต์ จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชน โดยจะคุ้มครองทั้งตัวรถยนต์ ผู้เอาประกัน ผู้โดยสารที่อยู่ในรถ ตลอดจนบุคคลภายนอก ซึ่งเงื่อนไขในการเอาประกันจะเป็นไปตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในกรมธรรม์รถยนต์ หากเป็นประกันชั้น 1 ก็จะได้รับความคุ้มครองครอบคลุมที่สุด แต่หากเป็นประกันชั้น 3 ก็จะได้รับความคุ้มครองน้อยที่สุด

ทำประกันจนลืม เช็คประกันรถยนต์ที่เคยทำ ตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ได้อย่างไรบ้าง

สำหรับใครที่ลืมข้อมูลประกันรถยนต์ของตัวเอง สามารถเช็คข้อมูลประกันที่เคยทำไว้ได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

  • เช็คผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สามารถเช็คเลขกรมธรรม์รถยนต์ได้ เช็คได้ว่าประกันรถยนต์ของเราทำไว้ที่บริษัทไหน หมดอายุเมื่อไหร่
  • เช็คกับบริษัทประกันของตัวเอง หากจำได้ว่าทำประกันไว้กับบริษัทไหน สามารถสอบถามรายละเอียดของกรมธรรม์รถยนต์กับบริษัทประกัน หรือสอบถามผ่านตัวแทนบริษัทประกันก็ได้เช่นกัน
  • เช็คข้อมูลกรมธรรม์จากกรมธรรม์รถยนต์ที่เก็บไว้กับตัว
  • เช็คจากศูนย์รถยนต์ที่ซื้อ หากเป็นกรณีที่เพิ่งซื้อรถคันใหม่ ทางศูนย์อาจมีการแถมประกันรถยนต์มาด้วย จึงสามารถเช็คข้อมูลกับศูนย์ที่ซื้อมาได้เช่นกัน
  • เช็คข้อมูลกับโบรคเกอร์ประกัน หากเป็นการซื้อประกันกับบริษัทโบรคเกอร์ประกัน สามารถสอบถามข้อมูลประกันของเรากับบริษัทได้โดยตรง

กรมธรรม์รถยนต์หาย ทำอย่างไรดี

เมื่อกรมธรรม์รถยนต์ หาย ทำได้ด้วยการไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจ จากนั้นให้ติดต่อไปที่บริษัทประกันเพื่อยื่นเรื่องขอรับสำเนากรมธรรม์ใหม่ โดยอาจมีค่าใช้จ่ายในการออกกรมธรรม์ใหม่ หรือสำหรับบางบริษัท อาจยื่นขอเอกสารผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ซึ่งความคุ้มครองตามกรมธรรม์จะยังคงอยู่เหมือนเดิม การที่กรมธรรม์หายจะไม่ส่งผลใด ๆ ต่อเงื่อนไขความคุ้มครองตามกรมธรรม์

กรมธรรม์รถยนต์ กี่วันได้ ระยะเวลาออกกรมธรรม์ นานเท่าไหร่

สำหรับระยะเวลาออกกรมธรรม์ ปกติแล้วหลังจากจ่ายค่าเบี้ยประกันเรียบร้อยแล้ว จะใช้เวลาประมาณ 7-15 วันทำการจึงจะได้รับกรมธรรม์ ซึ่งหากเป็นการทำประกันชั้น 2+ 3+ หรือชั้น 2 และ ชั้น 3 ที่ไม่ต้องมีการนัดตรวจสภาพรถ หรือถ่ายรูปรถเป็นหลักฐาน จะใช้เวลาไม่นานเท่ากับการทำประกันชั้น 1 ที่ต้องมีการตรวจสภาพรถ ซึ่งในบางกรณีจะใช้เวลาเพียง 1-3 วัน ก็ได้รับกรมธรรม์แล้ว

อยากเปลี่ยนแปลงข้อมูลในกรมธรรม์ ทำได้หรือไม่

หากต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในกรมธรรม์ สามารถทำได้โดยการติดต่อกับบริษัทประกันเพื่อขอเปลี่ยนแปลงข้อมูล หรือหากทำประกันรถยนต์ไปแล้วเรียบร้อย แต่มีการแต่งรถเพิ่มเติม ก็จำเป็นจะต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลในกรมธรรม์ และเมื่อแก้ไขข้อมูลเรียบร้อย ข้อมูลในใบสลักหลังกรมธรรม์ก็จะถูกแก้ไขด้วยเช่นกัน

จะเห็นได้ว่า การทำประกันรถยนต์ มีความสำคัญต่อผู้ขับขี่ และเจ้าของรถเป็นอย่างมาก เพราะจะได้รับความคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุเป็นเงินค่าชดเชย ค่าซ่อมรถ และค่ารักษาพยาบาล ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของเจ้าของรถไปได้มากเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ทั้งยังเปรียบเสมือนการมีที่ปรึกษาช่วยไกล่เกลี่ยทุกครั้งที่เกิดเหตุไม่คาดคิด ประกันรถยนต์ จึงเป็นสิ่งที่เจ้าของรถทุกคนควรมี และหากทำประกันกับบริษัทชั้นนำที่มอบความคุ้มครองได้ครอบคลุมในราคาสุดคุ้ม ยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ทุกครั้งที่ขับขี่ เช่นเดียวกับ แรบบิท แคร์ ที่พร้อมนำเสนอแผนประกันจากบริษัทชั้นนำ พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. มีศูนย์ซ่อมครอบคลุมทั่วไทย มีบริการผ่อน 0% และมอบส่วนลดปีถัดไปสูงสุดถึง 70% เมื่อไม่มีเคลม ทั้งยังมีบริการเช่ารถสำรองเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนเงินชดเชยค่าเดินทางระหว่างนำรถยนต์เข้าซ่อม มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำตลอดการซื้อกรมธรรม์ นับว่าซื้อประกันจากเรานั้นสะดวก คุ้มค่า และได้รับความคุ้มครองครอบคลุมอย่างแน่นอน

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา