รย.30 คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร?
เอกสารแนบท้าย (ประกันรถยนต์) รย.30 คืออะไร?
สำหรับเอกสารแนบท้ายนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารประกันรถยนต์ จากข้อมูลแบบรายการโครงสร้างข้อมูลการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับของเว็บไซต์ oiceservice.oic.or.th ได้อธิบายในส่วนของข้อยกเว้นภัยก่อการร้าย หรือ รย.30 จะเป็นการให้คำอธิบายหรือเป็นส่วนขยายเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อยกเว้นที่กำหนด โดยจะมีข้อความแจ้งไว้ที่มีเนื้อหาใจความว่า “ถ้าข้อความใดในเอกสารนี้เกิดขัดแย้งกับข้อความที่ปรากฏไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยหรือสลักหลังใด ๆ ให้เป็นที่ตกลงกันว่ากรมธรรม์ประกันภัยนี้จะไม่คุ้มครองในด้านของความสูญเสีย ความเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายใด ๆ ก็ตาม ซึ่งไม่ว่าจะมีสาเหตุโดยตรงหรือโดยอ้อมก็ตาม ที่เป็นผลมาจากหรือเกี่ยวเนื่องมาจากการกระทำก่อการร้าย ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุหรือเหตุการณ์ใดที่จะส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง หรือมีลำดับเหตุการณ์เป็นอย่างไรสำหรับความสูญเสียนั้น โดยจุดประสงค์ของข้อยกเว้นนี้ จะพูดถึงการกระทำก่อการร้ายที่หมายถึงการกระทำโดยใช้กำลัง หรือความรุนแรง หรือเกี่ยวข้องกับองค์กรหรือรัฐบาลใด ที่ได้มีการกระทำเพื่อผลลัพธ์ทางการเมือง ศาสนา ลัทธินิยม หรือจุดประสงค์ที่คล้ายคลึงกัน รวมทั้งเพื่อต้องการส่งผลให้รัฐบาล หรือสาธารณชน หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของสาธารณชนตกอยู่ในสภาวะตื่นตระหนก หวาดกลัว อีกทั้งข้อยกเว้นนี้จะไม่คุ้มครองในด้านของความสูญเสีย ความเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุโดยตรงหรือโดยอ้อมก็ตาม และเป็นผลมาจากหรือมีส่วนเกี่ยวเนื่องกับการกระทำใด ๆ ที่ต้องกระทำขึ้นมาเพื่อควบคุม ป้องกัน หรือหยุดยั้ง โดยไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำก่อการร้าย และในกรณีที่ส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อยกเว้นนี้ไม่สามารถนำมาใช้บังคับได้ ก็จะถือว่าส่วนที่เหลือยังคงมีผลบังคับใช้อยู่”
เอกสารแนบท้ายประกันภัยรถยนต์ที่เราควรรู้?
หากเราได้มีการทำประกันภัยภาคสมัครใจก็จะต้องได้รับเอกสารแนบท้ายและตัวกรมธรรม์ประกันภัยมาด้วย ซึ่งข้อมูลในเอกสารแนบท้ายนั้นก็สำคัญไม่แพ้ข้อมูลในกรมธรรม์เช่นกัน โดยข้อมูลที่ว่านั้นนั่นก็คือความคุ้มครองที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “รย.” หรือรถยนต์นั่นเอง และจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
- รย.01 เป็นความคุ้มครองเพิ่มเติมในกรณีอุบัติเหตุส่วนบุคคลสำหรับผู้ขับขี่ และในผู้โดยสารสำหรับรถยนต์คันที่เอาประกันภัย ที่จะส่งผลทำให้เกิดการเสียชีวิต หรือสูญเสียอวัยวะ เช่น มือ เท้า สายตา หรือทุพพลภาพทั้งชั่วคราวและถาวร เป็นต้น
- รย.02 เป็นความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับค่ารักษาพยาบาลทั้งในผู้ขับขี่และในผู้โดยสารสำหรับรถยนต์คันที่เอาประกันภัย
- รย.03 เป็นการประกันภัยตัวผู้ขับขี่ ถ้าหากว่าผู้ขับขี่นั้นไม่ได้เป็นฝ่ายกระทำความผิดทางกฎหมาย แต่จะไม่มีผลถ้าหากว่าผู้ขับขี่นั้นเป็นฝ่ายกระทำผิดทางกฎหมายเอง
สลักหลังกรมธรรม์คืออะไร?
สลักหลังกรมธรรม์ (Endorsement) คือ เอกสารหลักฐานที่ทางบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้ออกให้กับผู้เอาประกันภัยเฉพาะในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข เช่น ชื่อผู้รับผลประโยชน์ ที่อยู่ การแก้ไขข้อมูลผู้ขับขี่ การเพิ่มอุปกรณ์ตกแต่งรถ การเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกัน การเปลี่ยนแปลงลักษณะการใช้รถ เป็นต้น
ขั้นตอนการแจ้งสลักหลังกรมธรรม์
- ผู้เอาประกันภัยจะต้องแจ้งคำร้องไปยังบริษัทประกันภัยหรือตัวแทนบริษัทประกันภัย เพื่อแจ้งขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลในกรมธรรม์ประกันภัย เพราะข้อมูลต่าง ๆ จะส่งผลกระทบต่อกรมธรรม์ประกันภัยด้วย ดังนั้นจึงควรแจ้งให้ทางบริษัทประกันภัยทราบทุกครั้งเพื่อผลประโยชน์ในการเรียกร้องสินไหมของตัวผู้เอาประกันภัยเอง
- ผู้เอาประกันภัยจะต้องแนบเอกสารประกอบการแจ้งขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลในกรมธรรม์ประกันภัย และลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ
- หากจะต้องมีการชำระเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมจากการเปลี่ยนแปลงข้อมูล ทางผู้เอาประกันภัยจะต้องยินยอมชำระเงินในส่วนตรงนี้เพิ่ม การแก้ไขดังกล่าวถึงจะมีผลคุ้มครองใหม่
- ทางบริษัทประกันภัยจะดำเนินการออกสลักหลังกรมธรรม์ชุดใหม่ที่ได้มีการแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงข้อมูลให้ แล้วทำการจัดส่งสลักกรมธรรม์ชุดใหม่นี้ให้ทางผู้เอาประกันภัยตามลำดับ
รย.30 มีความสำคัญอย่างไร?
โดยปกติแล้วในเอกสารแนบท้ายนั้นจะมีบอกรายละเอียดและข้อกำหนดเกี่ยวกับการประกันตัวและการให้ความคุ้มครองในด้านต่าง ๆ เช่น รย.30 เป็นต้น ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องรู้เพิ่มเติม ดังนั้นผู้ที่ทำประกันภัยจึงควรอ่านศึกษาและทำความเข้าใจในรายละเอียดประกันภัยให้รอบคอบและถี่ถ้วนเสียก่อน
ไม่คุ้มครอง รย.30 คืออะไร?
จากข้อความข้างต้นเราจะรู้แล้วว่า รย.30 คือ ข้อยกเว้นภัยก่อการร้ายที่จะมีระบุไว้แนบอยู่ท้ายกรมธรรม์ประกันภัย ดังนั้นการไม่คุ้มครอง รย.30 ก็คือการที่รถยนต์คันนั้นในกรมธรรม์มีเอกสารแนบท้ายไว้นั่นเอง บริษัทประกันภัยก็จะไม่ได้รับผิดชอบในเหตุการณ์ก่อการร้ายต่าง ๆ แต่ถ้าในกรมธรรม์ไม่มีเอกสาร รย.30 แนบท้าย ก็จะแสดงว่าบริษัทประกันนั้นจะรับผิดชอบในเหตุระเบิดหรือสงครามก่อการร้ายต่าง ๆ นั่นเอง
กรณีใดบ้างที่บริษัทประกันภัยรถยนต์จะไม่ได้ให้ความคุ้มครอง?
- ผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับ เนื่องจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ออกมาตรการกำหนดข้อยกเว้นเกี่ยวกับความคุ้มครองสำหรับการประกันภัยรถยนต์ตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 11/2560 โดยมีข้อความว่า “การขับขี่โดยบุคคล ซึ่งในขณะที่ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะไม่ได้รับความคุ้มครอง”
- การขับรถยนต์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการแข่งขัน ซึ่งทางบริษัทประกันภัยจะให้เหตุผลว่าใช้รถในทางที่ผิดประเภท และในกรมธรรม์จะระบุไว้อย่างชัดเจนว่าประกันภัยนั้นมีไว้ใช้สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล ดังนั้นจึงจะให้ความคุ้มครองสำหรับการใช้งานส่วนบุคคลเท่านั้น
- ได้รับความเสียหายจากเหตุสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามในรูปแบบใดก็ตาม เช่น ก่อการร้าย การรุกราน สงครามการเมือง การแผ่รังสี การแตกตัวของประจุ อาวุธปรมาณู เป็นต้น
- การใช้รถยนต์นอกประเทศ จะถือว่าเป็นการใช้รถยนต์นอกเขตความคุ้มครอง
- รถเสียจากการจอดทิ้งไว้เฉย ๆ เพราะจะถือว่าเป็นรถเสื่อมสภาพแล้ว และจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี คือ รถยนต์ที่เสื่อมสภาพจากการใช้งาน และรถยนต์ที่เสื่อมสภาพจากการที่ไม่ได้ใช้งาน
- ใช้รถแบบผิดกฎหมาย เช่น ใช้รถขนส่งยาเสพติด เป็นต้น
- การยินยอมรับผิดจากสัญญาที่ทำขึ้นเอง โดยที่ไม่ได้แจ้งให้ทางบริษัทประกันภัยรับทราบ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นฝ่ายผิดก็ตาม
ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองภัยก่อการร้ายหรือไม่?
โดยปกติแล้วทางบริษัทประกันภัยรถยนต์นั้นจะไม่ได้มีการให้ความคุ้มครองรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายตามที่ รย.30 กำหนดเอาไว้ในคู่มือประกันภัย ยกเว้นเฉพาะในกรณีที่ทาง คปภ. นั้นจะประกาศให้บริษัทประกันภัยนั้นให้ความคุ้มครองเป็นกรณีพิเศษ หรือทางรัฐบาลได้มีการออกมาประกาศให้ความคุ้มครองได้เป็นกรณีพิเศษ ดังนั้นเราจะต้องไม่ประมาทในทุกการขับขี่ หากสังเกตว่ามีสถานการณ์ที่ไม่ผิดปกติอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงและอยู่ให้ห่างไกลจากพื้นที่บริเวณนั้น และสำหรับในปัจจุบันนี้ก็จะมีบริษัทประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองภัยก่อการร้ายด้วย โดยจะรวมอยู่ในประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 และประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ แต่ก็จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและรายละเอียดของในแต่ละบริษัทอีกเช่นเดียวกัน
ความคุ้มครองประกันรถยนต์
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
ควรเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี เพื่อรับความคุ้มครองเพิ่มเติม?
แนะนำว่าควรทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ไว้จะดีที่สุด เพราะถึงแม้ว่าราคาจะแพงเป็นอันดับต้นในบรรดาประกันภัยทุกชั้น แต่ในเรื่องของความคุ้มครองที่จะได้รับนั้นก็สามารถมั่นใจได้เลย 100% ว่าคุ้มค่า คุ้มราคาแน่นอน เพราะถือว่าเป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นในกรณีรถหาย รถไฟไหม้ หรือรถน้ำท่วม ก็รับเคลมทั้งสิ้น
ซื้อประกันภัยรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
เพราะลูกค้าสามารถมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับสิทธิพิเศษตั้งแต่เริ่มวางแผนซื้อประกันภัยกับทางแรบบิท แคร์ เพราะว่าแรบบิท แคร์ นั้นจะมีระบบเปรียบเทียบแผนประกันออนไลน์ที่ใช้งานง่าย รวดเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่ 30 วินาที ก็จะสามารถรู้ราคาของประกันภัยรถยนต์ในแต่ละบริษัทประกันภัยชั้นนำทั่วประเทศได้เลย เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกสรรแผนประกันที่ตอบโจทย์และตรงตามความต้องการมากที่สุด อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาได้มาก และนอกจากนี้แรบบิท แคร์ ยังมีข้อเสนอสุดพิเศษอื่น ๆ ที่ลูกค้าจะได้รับหากซื้อประกันรถยนต์กับเรา ซึ่งสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของแรบบิท แคร์