ดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) คืออะไร ? เกี่ยวอะไรกับการลงทุน
ยุคสมัยนี้จะวิเคราะห์ปัจจัยในการลงทุนตามแบบฉบับเดิม ๆ ไม่ได้แล้ว เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนแปลง เช่น ดัชนีราคาของหุ้นนั้นจากที่เคยปรับขึ้นลงตามการเติบโตของกำไร ปัจจุบันกลับสวนทางกัน หรือปัจจัยอื่น ๆ ในตลาดโลก ที่ส่งผลให้เราไม่สามารถวิเคราะห์การดูราคาหุ้นและทองแบบสมัยเก่า ๆ ได้ โดยบทความในวันนี้จะมาแนะนำให้รู้จักดูวิธีการดูราคาหุ้นและทองผ่านสิ่งที่เรียกว่า ดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) คืออะไร เกี่ยวอะไรกับการลงทุนมาฝาก
ดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) คืออะไร?
ดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) คือ อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง ที่ผู้ลงทุนในการถือครองพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) โดยทำการหักอัตราเงินเฟ้อเรียบร้อยแล้ว หรือก็คือผลตอบแทนสุทธิจากการถือพันธบัตรที่แท้จริงนั่นเอง โดยสามารถคำนวณได้ด้วยการนำ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Nominal Bond Yield) มาหักลบกับ อัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้ (Inflation Expectation)
ตัวอย่างเช่น
นาย A ถือพันธบัตรที่ได้อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 4% ต่อปี โดยที่มีอัตราการเติบโตของเงินเฟ้ออยู่ที่ 1% ต่อปี
ดังนั้นดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) หรือผลตอบแทนที่จะได้รับของนาย A อยู่ที่ 3% ต่อปี
นอกจากนี้ หากดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) ถูกปรับตัวให้มีมูลค่าลดลง นั่นหมายถึงคนก็จะสนใจพันธบัตรรัฐบาลลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้นักลงทุนทั้งหลาย พร้อมใจที่จะเทขายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ที่สามารถทำกำไรได้มากกว่า โดยธนาคารกลางหลายๆ แห่งพยายามจะเพิ่มเงินเข้าสู่ระบบ เพื่อเพิ่มอัตราเงินเฟ้อโดยใช้มาตรการ Quantitative Easing (QE) หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ เพื่อลดอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาล และเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) เพื่อบีบให้คนไปลงทันในสินทรัพย์อื่นๆ เช่น หุ้น หรือ ทองคำ แต่การที่ธนาคารหลายๆ ที่ใช้มาตรการ Quantitative Easing (QE) หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ อัตราดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) ลดลงจนติดลบในช่วงปี 2563
ผลกระทบจากการที่ ดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) สูง
หากอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) เอาชนะอัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้ (Inflation Expectation) นั่นหมายถึง ดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) จะปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนจะขายทรัพย์สินอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อมาลงทุนกับพันธบัตรรัฐบาลในช่วงขาขึ้นแบบนี้ ถึงแม้ว่าทองคำจะเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ไม่ได้ดอกเบี้ย นักลงทุนจึงตัดสินใจที่จะเทขายทองคำด้วย
ผลกระทบจากการที่ ดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) ต่ำ
หากอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) แพ้อัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้ (Inflation Expectation) และ ดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) ก็ปรับตัวต่ำจนติดลบ หมายความว่า นักลงทุนจะเลือกลงทุนกับอะไรที่เสี่ยงมากขึ้น เช่น หุ้น และทองคำ เพื่อเอาชนะเงินเฟ้อให้ได้ ซึ่งหมายความว่า ถึงแม้หุ้นและทองคำสามารถทำกำไร หรือมีสิทธิทำกำไรได้ดีกว่าการถือพันธบัตรรัฐบาลในช่วงที่ดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) ปรับตัวต่ำลงนั่นเอง
ความสัมพันธ์ระหว่าง ดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) และการลงทุน
อัตราดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) มีความสัมพันธ์กับการลงทุนอย่างชัดเจน เพราะเมื่อดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) อยู่ในช่วงขาขื้นเหมือนจะเป็นการเปิดทางให้ลงทุนกับสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง เช่นอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงพันธบัตรรัฐบาล แต่หากดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) ขาลงก็จะเป็นการเบิกทางให้กับการลงทุนความเสี่ยงต่ำ เช่นการออมทอง ซื้อทอง ไปจนถึงการลงทุนกับหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
โดยหากกล่าวถึงดอกเบี้ยที่แท้จริง หลายคนอาจมองข้าม การลงทุนในรูปแบบการฝากประจำ ที่ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยเป็นสำคัญ ยิ่งอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Yield) ต่ำลง เงินตอบแทนที่ได้จากการฝากประจำก็จะได้น้อยลง แต่อีกหนึ่งทางเลือกที่หลาย ๆ คนมักมองข้าม ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับการฝากประจำ คือการลงทุนกับประกันชีวิตสะสมทรัพย์ (Saving Life Insurance) ที่นอกจากจะได้เงินตอบแทน ยังได้ลดหย่อนภาษี และเป็นการสะสมเงินก้อนเพื่อนำไปใช้ในบั้นปลายของชีวิตอีกด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนความเสี่ยงต่ำที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มาก ๆ ไม่ต้องขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) เท่าไหร่ ?
อ่านมาถึงตรงนี้ หวังว่าหลายคนคงจะเข้าใจความสัมพันธ์ที่ดอกเบี้ยแท้จริง (Real Yield) มีผลต่อการเงิน การทอง และการลงทุน ซึ่งหากใครกำลังตามหาอีกหนึ่งช่องทางการลงทุนที่น่าสนใจมาก ๆ แรบบิท แคร์ ขอแนะนำประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ที่มีข้อเสนอทั้งคุ้มครองครอบคลุม และออมเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ใครสนใจคลิกไปสมัครกันได้เลย !
ประกันชีวิตที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ