Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
info
🎵 เดือน 10 นี้!! Rabbit Care แจกลำโพง Marshall Emberton 2 และ Rabbit Voucher มูลค่ารวม 13,490 บาท แค่สมัครบัตรฯ UOB ผ่าน Rabbit Care คลิก! 💳

หาสินเชื่อรถยนต์ที่โดนใจ
แรบบิท แคร์ ช่วยได้

สินเชื่อรถมือสอง
สินเชื่อรถมือสองคืออะไร?

สินเชื่อรถมือสองคือสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์หรือสินเชื่อลีสซิ่งสำหรับการซื้อรถยนต์มือสองในกรณีที่ต้องการซื้อรถมือสองแต่ไม่ต้องการจ่ายเงินสดในคราวเดียว สัญญาเช่าซื้อหมายความว่าเมื่อทำสัญญาแล้ว บริษัทไฟแนนซ์จะเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ของรถคันดังกล่าว ส่วนผู้ขอสินเชื่อซื้อรถจะอยู่ในฐานะผู้เช่าซื้อ ซึ่งจะผ่อนชำระค่างวดงวดละเท่า ๆ กันในอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) ให้กับบริษัทไฟแนนซ์จนกว่าจะครบ เมื่อชำระครบตามที่กำหนดไว้ในสัญญาสินเชื่อรถแล้ว ผู้เช่าซื้อก็จะได้รับกรรมสิทธิ์ของรถมือสองคันดังกล่าว

สินเชื่อรถมือสองต่างจากสินเชื่อรถมือหนึ่งอย่างไร?

โดยทั่วไปแล้ว สินเชื่อรถมือสองจะไม่แตกต่างจากสินเชื่อรถยนต์มือหนึ่งมากนัก เพราะทั้งสองสินเชื่อจะเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เหมือนกัน ซึ่งหมายความว่าผู้เช่าซื้อจะต้องชำระค่างวดในเงื่อนไขคล้าย ๆ กันและคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) เช่นเดียวกัน

แต่สินเชื่อรถมือสองอาจคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่ารถมือหนึ่ง เนื่องจากบริษัทไฟแนนซ์ต้องรับความเสี่ยงมากกว่าเมื่อออกสินเชื่อลีสซิ่งหรือสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ให้รถมือสอง ทั้งนี้เพราะว่ารถมือสองนั้นระยะเวลาใช้งานที่ยาวนานกว่าและจะมีการเสื่อมสภาพในทุก ๆ ปี ทำให้เจ้าของรถอาจต้องจ่ายเงินค่าซ่อมแซมและค่าอะไหล่บ่อยกว่ารถมือหนึ่ง จนอาจทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ไม่ผ่อนชำระค่างวดต่อ และยอมถูกยึดรถกลับไปแทน รวมถึงมีความเสี่ยงเรื่องค่าเสื่อมราคาของรถในกรณีที่ต้องยึดรถมาขายทอดตลาดต่ออีกด้วย

จะเห็นได้ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับรถมือหนึ่งแล้ว รถมือสองมีโอกาสที่จะเกิดปัญหามากกว่า บริษัทไฟแนนซ์จึงต้องคิดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรถมือสองให้สูงขึ้นเพื่อให้คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ต่างจากสัญญากู้ซื้อบ้านอย่างไร?

สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์คือสัญญาเช่าซื้อที่เจ้าของเอารถยนต์ที่ตนเองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ออกให้เช่า โดยผู้เช่าซื้อจะได้ใช้รถในระหว่างที่เช่าอยู่ และมีเงื่อนไขว่าผู้เช่าซื้อจะต้องจ่ายเงินค่าเช่าเป็นจำนวนงวดตามที่กำหนดในสัญญาสินเชื่อรถมือสองซึ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์หรือสินเชื่อลีสซิ่ง และเมื่อชำระค่าเช่าจนครบตามสัญญาแล้ว ผู้เช่าซื้อก็จะได้กรรมสิทธิ์ของรถคันนั้นไป

เนื่องจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีการคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) หมายความว่าจะคำนวณดอกเบี้ยจากจำนวนเงินต้นเต็มจำนวนตลอดอายุสัญญาสินเชื่อรถมือสอง จากนั้นจึงหารเฉลี่ยออกมาเป็นรายงวด งวดละเท่า ๆ กัน ทำให้ในกรณีที่ผู้เช่าซื้อชำระเงินเกินกว่าค่างวดที่กำหนดในแต่ละงวด เงินส่วนเกินนั้นจะถูกนำไปชำระเป็นค่างวดในเดือนถัด ๆไป โดยถือเป็นการชำระค่างวดล่วงหน้าบางส่วนหรือเต็มจำนวน เมื่อถึงรอบชำระเงินงวดถัดไป ผู้เช่าซื้อก็จะต้องชำระเพียงเงินส่วนขาดหรือไม่ต้องชำระค่างวดเพิ่ม โดยขึ้นอยู่กับจำนวนเงินส่วนเกินที่ได้ชำระเข้ามาก่อนหน้านี้

ส่วนสินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะแตกต่างจากสินเชื่อซื้อรถตรงที่เป็นการกู้ยืมเงินโดยมีการทำสัญญาจำนอง โดยผู้ซื้อบ้านจะได้กรรมสิทธิ์ของบ้านก่อน แล้วนำบ้านไปจดทะเบียนไว้กับธนาคารหรือผู้ออกสินเชื่อเพื่อเป็นหลักประกันในการชำระหนี้ ซึ่งผู้จำนองจะไม่ต้องมอบกรรมสิทธิ์ให้กับผู้รับจำนอง ซึ่งต่างจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่เจ้าของกรรมสิทธิ์จะเป็นบริษัทไฟแนนซ์ที่ให้เช่าซื้อ

การคิดดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านก็จะแตกต่างจากสินเชื่อซื้อรถเช่นเดียวกัน โดยทั่วไปแล้วสินเชื่อบ้านจะคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ซึ่งจะคำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนจากยอดหนี้ที่เหลืออยู่จนกว่าจะชำระเงินต้นหมด ดังนั้น ในกรณีที่ผู้กู้ชำระเงินเกินกว่าค่างวดที่กำหนด เงินที่ชำระเกินจะถูกนำไปตัดชำระคืนเงินต้น ก็จะช่วยลดเงินต้นให้หมดไวขึ้นได้ แต่ผู้กู้ยังคงมีหน้าที่ต้องชำระค่างวดในเดือนถัดไปตามเงื่อนไขในสัญญากู้เงิน

สินเชื่อรถมือสองเหมาะกับใคร?

สินเชื่อรถมือสองเหมาะกับคนที่ต้องการมองหาซื้อรถมือสองแต่ไม่ต้องการซื้อด้วยเงินสด แต่เลือกที่จะขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์หรือสินเชื่อลีสซิ่งเพื่อผ่อนชำระกับทางบริษัทไฟแนนซ์หรือสถาบันการเงินแทน เนื่องจากสินเชื่อซื้อรถมือสองจะช่วยให้เป็นเจ้าของรถได้ง่ายกว่าในราคาที่ประหยัดกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ที่ทำให้การซื้อรถป้ายแดงอาจเป็นภาระที่หนักเกินไป

อย่างไรก็ตาม คนที่กำลังมองหารถมือสองควรต้องเตรียมพร้อมทั้งในเรื่องค่างวดผ่อนรถ โดยต้องประเมินอย่างรอบคอบว่าจะสามารถผ่อนให้ครบสัญญาสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสองได้หรือไม่ รวมถึงควรพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะสูงกว่าสินเชื่อรถมือหนึ่ง รวมถึงเตรียมรับมือกับรายจ่ายจุกจิกที่อาจเกิดขึ้นเมื่อขอสินเชื่อรถมือสอง

ขอสินเชื่อรถมือสองมีขั้นตอนอย่างไร?

1. ตรวจสอบสภาพรถและตกลงราคารถให้เรียบร้อย

ขั้นตอนแรกของการขอสินเชื่อรถมือสองคือต้องตกลงราคากับผู้ขายให้เรียบร้อยก่อน เพราะถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับการคำนวณเงินดาวน์และเงินค่างวด รวมถึงควรตรวจสอบสภาพรถ อายุของรถ และทดลองขับก่อนด้วย

2. ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อ

หากต้องการขอสินเชื่อรถมือสองโดยใช้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์หรือสินเชื่อลีสซิ่ง ควรตรวจสอบคุณสมบัติของตนเองว่าเป็นไปตามที่บริษัทไฟแนนซ์กำหนดหรือไม่ ทั้งในเรื่องของอาชีพ รายได้ต่อเดือน อายุการทำงาน ไปจนถึงประวัติทางการเงิน

3. เตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอสินเชื่อรถมือสอง

ขั้นตอนต่อไปในการขอสินเชื่อรถมือสองคือเตรียมเอกสารให้พร้อม ซึ่งหากเป็นบุคคลธรรมดาจะต้องเตรียมสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองรายได้ รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน และหากต้องมีบุคคลค้ำประกัน จะต้องเตรียมสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และเอกสารแสดงประวัติทางการเงินของผู้ค้ำประกันด้วย

4. ทำสัญญาเงินกู้สินเชื่อรถมือสอง

เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ให้ส่งเรื่องขอสินเชื่อรถมือสองกับบริษัทไฟแนนซ์ โดยก่อนทำสัญญาบริษัทจะดำเนินการตรวจสอบสภาพรถและถ่ายรูปเพื่อนำไปประเมินราคา แล้วจึงแจ้งผลการอนุมัติสินเชื่อซื้อรถ โดยจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 3 - 7 วันทำการ

5. ทำสัญญาซื้อขายและโอนรถ

เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว ขั้นตอนถัดไปในการขอสินเชื่อรถมือสองคือการทำสัญญาซื้อขายและโอนรถกับทางกรมขนส่ง ซึ่งเจ้าของกรรมสิทธิ์ของรถจะเป็นบริษัทไฟแนนซ์ หลังจากนั้นทางผู้ขายจะได้รับเงินจากบริษัท ส่วนผู้ซื้อก็จะต้องชำระเงินดาวน์ตามที่ตกลงกันไว้จึงจะรับรถได้

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา