Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้

การแจ้งความเรื่องซ่อมรถนั้นมีขั้นตอนอย่างไร และมีความสำคัญอย่างไรบ้าง?

กฎหมายเกี่ยวกับการซ่อมรถมีอะไรบ้าง?

สำหรับธุรกิจซ่อมรถยนต์นั้นจะถือว่าเป็นธุรกิจที่ถูกควบคุมหลักฐานการรับเงิน ตามประกาศของคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาที่ระบุว่าอู่ซ่อมรถนั้นจะต้องส่งมอบหลักฐานการรับเงินให้แก่ผู้บริโภค ดังนั้นหากอู่ซ่อมรถไม่ยอมส่งมอบหลักฐานการซ่อมตามรายการที่ระบุ ก็จะต้องถูกระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้บริโภคจะต้องเตรียมเอกสารในการยื่นเรื่องร้องเรียนผู้ประกอบธุรกิจกับทาง สคบ. ดังนี้

  1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง
  2. ชื่อและนามสกุล หรือชื่อของผู้ประกอบธุรกิจ พร้อมที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ของผู้ที่ทำให้เสียหาย
  3. เอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบเสร็จ สื่อโฆษณาชวนเชื่อ สลิปโอนเงิน เป็นต้น
  4. เดินทางไปแจ้งความ พร้อมทั้งลงบันทึกประจำวันด้วย

ใบรับรถเข้าซ่อม คืออะไร?

ใบรับรถเข้าซ่อมนั้นถือว่าเป็นหลักฐานที่จะใช้แสดงให้เห็นว่ารถยนต์ของเรานั้น ได้อยู่ในการดูแลของศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถเรียบร้อยแล้ว และยังใช้เป็นหลักฐานสำคัญในกรณีที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ว่าในตอนนี้รถยนต์ของเรานั้นอยู่ในการดูแลของศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถ ซึ่งไม่ใช่เจ้าของรถแต่อย่างใด โดยรายละเอียดในใบรับรถเข้าซ่อมนั้นจะมีดังนี้

  1. ชื่อและที่อยู่ของผู้ประกอบธุรกิจอู่ซ่อมรถ
  2. รายละเอียดของรถยนต์ เช่น ยี่ห้อ รุ่น หมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขตัวถัง และหมายเลขทะเบียนรถยนต์
  3. วันที่เอารถเข้าศูนย์ซ่อม และวันที่รับมอบรถเมื่อซ่อมเสร็จแล้ว
  4. วันที่ที่อู่ซ่อมรถได้รับเงินจากเจ้าของรถ หรือค่าตอบแทนการในการให้บริการซ่อมรถยนต์
  5. ระยะเวลาการซ่อมรถยนต์ ตั้งแต่ในวันที่รับมอบรถไปจนถึงวันที่ซ่อมรถเสร็จ
  6. รายการที่ซ่อมรถยนต์
  7. กรณีที่มีการเปลี่ยนอะไหล่ด้วย จะต้องระบุรายการ ยี่ห้อ สภาพของอะไหล่ที่เปลี่ยน พร้อมทั้งราคาของอะไหล่ด้วย
  8. ค่าบริการซ่อมรถยนต์
  9. ระบุระยะเวลาหรือระยะทางของการรับประกันคุณภาพงานซ่อม และการรับประกันอะไหล่ที่มีการเปลี่ยนด้วย
  10. มีลายมือชื่อของผู้ที่มีอำนาจในการรับเงินในบิลซ่อมรถยนต์ด้วย เพื่อใช้เป็นหลักฐานการรับเงินที่ครบถ้วนและเรียบร้อย

ร้องเรียนรถซ่อมนาน อู่ประกันซ่อมรถนานมาก ทำอย่างไรดี?

จากข้อมูลในเว็บไซต์ของสภาองค์กรของผู้บริโภค ได้กล่าวถึงช่องทางในการร้องเรียนไว้ว่า สามารถรวบรวมหลักฐานและเอกสารที่มี เพื่อนำไปร้องเรียนกับ สคบ. ได้ตามช่องทางที่สะดวก ดังนี้



  • สายด่วน 1166
  • ร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ www.tcc.or. th
  • อีเมล [email protected]. th
  • โทรศัพท์ 02-2391839 กด 1 หรือ 081-1343215 หรือ 081-1343216
  • Line Official : @tccthailand (มี @ ข้างหน้า)
  • Facebook Fanpage ชื่อว่า “สภาองค์กรของผู้บริโภค”

ขั้นตอนการเคลมประกันรถมีอะไรบ้าง?

  1. เตรียมเอกสารการเคลมรถให้ครบถ้วน เพื่อนำรถไปซ่อมที่ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถได้เลย ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ ทะเบียนรถยนต์ กรมธรรม์ประกันภัย รูปรถชนกลางคืน และใบเคลม
  2. เคลียร์ของออกจากรถ ก่อนที่จะนำรถเข้าไปซ่อมที่ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถ
  3. หลังจากนั้นรับใบรับรถเข้าซ่อม เพื่อดูรายละเอียดในการซ่อมให้ชัดเจน และจะสามารถใช้แสดงเป็นหลักฐานต่างในการเคลมประกันได้ด้วย ดังนั้นจึงควรเก็บใบรับรถไว้ให้ดี
  4. เก็บใบเสร็จรับเงินไว้ให้ดี เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการรับประกันงานซ่อมจากทางศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถ
  5. ตรวจเช็กสภาพรถก่อนที่จะนำรถออกจากศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถ หากตรวจเจอปัญหาอะไรก็จะได้รีบแจ้งได้เลยทันที และไม่เสียเวลาอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นความเรียบร้อยทั้งภายในและภายนอกของรถยนต์ ล้อรถยนต์ ลมยาง รวมไปถึงความเรียบร้อยของอุปกรณ์ในรถยนต์ อีกทั้งควรตรวจเช็กระบบไฟโดยการลองสตาร์ตรถยนต์ และลองขับเพื่อเช็กระบบการทำงานของไฟนั่นเอง พร้อมทั้งตรวจเช็กอะไหล่ว่าเป็นอะไหล่แท้หรืออะไหล่คุณภาพ รวมไปถึงสีของรถว่าตรงกับสีรถเดิมของเรา และไม่ผิดปกติแต่อย่างใด

เคลมรถประกันชั้น 1 นานไหม?

สำหรับการเคลมรถประกันชั้น 1 นั้นจะมีระยะเวลาไม่เกิน 7 วันทำการ หากลูกค้ามีการตรวจสภาพรถยนต์ด้วยตนเอง แต่ถ้าหากว่าเป็นการตรวจสภาพรถด้วยบริษัทประกันภัย จะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 15 วันทำการ โดยจะนับตั้งแต่วันที่มีการตรวจรถเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการนัดตรวจสภาพรถด้วยบริษัทประกันนั้นจะนับจากวันที่แจ้งงานประมาณ 7 วันทำการนั่นเอง ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของในแต่ละบริษัทประกันภัยร่วมด้วย

เคลมรถนานสุดกี่วัน?

สำหรับการเคลมรถประกันชั้นอื่น ๆ นอกเหนือจากประกันภัยชั้น 1 จะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 5 วันทำการ ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับการดำเนินการของในแต่ละบริษัทประกันภัยด้วย

“ซ่อมศูนย์” มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?

ข้อดี

ข้อเสีย

รับประกันงานซ่อมในระยะเวลาที่รับประกัน

ราคาแพงกว่าซ่อมที่อู่

มีอะไหล่แท้รองรับ จึงช่วยประหยัดเวลาเพิ่มขึ้น

มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากต้องเปลี่ยนอะไหล่

การซ่อมมีมาตรฐาน

รอคิวเข้าซ่อมรถนาน

ทำงานโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

มีศูนย์บริการให้เลือกไม่มากเท่าอู่ซ่อมรถ

“ซ่อมอู่” มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?

ข้อดี

ข้อเสีย

มีอู่ให้เลือกมากมาย

อาจโดนโกงเรื่องค่าอะไหล่ หรือค่าแรง

ค่าเบี้ยประกันถูกกว่าซ่อมที่ศูนย์บริการ

บางครั้งอะไหล่ที่ใช้จะไม่ใช่ของแท้

สามารถต่อรองค่าซ่อมรถได้ง่ายกว่า

บางอู่ไม่มีรับประกันหลังซ่อมเสร็จ

ใช้ระยะเวลาในการซ่อมไม่นาน

งานซ่อมไม่ประณีตเท่าซ่อมที่ศูนย์บริการ

กรณีใดบ้างที่จะทำให้การเคลมถูกปฏิเสธ?

เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปฏิเสธการเคลม จึงควรศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขความคุ้มครองตามกรมธรรม์อย่างถี่ถ้วน อีกทั้งควรให้ข้อมูลที่ถูกต้อง แจ้งเคลมเร็ว ยื่นเอกสารการเคลมครบถ้วน และปฏิบัติตามเงื่อนไขของกรมธรรม์อย่างเคร่งครัด ซึ่งกรณีที่จะสามารถถูกปฏิเสธการเคลมได้นั้นจะมีอยู่หลายกรณี ยกตัวอย่างเช่น

  • มีการฉ้อฉลประกันภัย หรือมีการบิดเบือนความจริงโดยเจตนา
  • เหตุการณ์นั้นไม่อยู่ในเงื่อนไขที่กรมธรรม์ให้ความคุ้มครอง
  • มีการรายงานที่ล่าช้า หรือไม่ได้รายงานเหตุการณ์ภายในระยะเวลาที่กำหนด
  • หากอยู่ในข้อยกเว้นความคุ้มครองตามกรมธรรม์ เช่น เมาแล้วขับ เป็นต้น
  • มีการปกปิดข้อมูลหรือให้ข้อมูลเท็จ บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธการเคลมได้
  • มีหลักฐานที่ไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงจำเป็นมากที่จะต้องจัดเตรียมเอกสารที่จำเป็นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
  • ไม่ชำระเบี้ยประกันตามเวลาที่กำหนด หรือปล่อยให้กรมธรรม์ขาดอายุ

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

สามารถยกเลิกการเคลมได้ไหม?

สามารถยกเลิกได้เฉพาะในบางกรณีเท่านั้น โดยจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์เป็นหลัก

เคลมบ่อยแค่ไหนถึงจะเรียกว่า “เสียประวัติ”

หากเป็นการเคลมแบบแห้ง 200% ของราคาเบี้ยประกันที่จ่ายต่อปี และเป็นการเคลมตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป หรือเป็นการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี อย่างนี้จะถือว่าเสียประวัติทันที

ซ่อมอู่และซ่อมห้าง อายุรถจะต้องไม่เกินกี่ปี?

สำหรับรถยนต์ที่จะนำมาส่งซ่อมอู่หรือส่งซ่อมห้างนั้นจะมีการจำกัดอายุด้วย กล่าวคือ รถที่มีอายุไม่เกิน 5-7 ปี สามารถซ่อมห้างได้ ส่วนรถที่มีอายุไม่เกิน 10-12 ปี สามารถซ่อมอู่ได้นั่นเอง

ควรเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี เพื่อรับความคุ้มครองเพิ่มเติม?

การมีประกันภัยรถยนต์ไว้จะช่วยทำให้ผู้ขับขี่นั้นเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น เพราะเราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าในอนาคตนั้นจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับเราบ้าง แต่อย่างน้อยถ้าหากว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เราก็จะได้รับความคุ้มครองค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นได้จากประกันภัยรถยนต์ที่เราได้ทำเอาไว้ ซึ่งก็จะแนะนำให้เลือกทำเป็นประกันภัยชั้น 1 เพราะไม่เพียงแต่จะได้รับความคุ้มครองอย่างเดียวเท่านั้น แต่ว่าเรายังจะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้าไปอีกด้วย และจะยังได้รับความคุ้มครองสำหรับการชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ค่าซ่อมสีรถ ในกรณีที่รถนั้นเกิดริ้วรอยต่าง ๆ ที่ไม่ได้มาจากการเฉี่ยวชนของคู่กรณีอีกด้วย และถ้าหากว่าเราจะดูเฉพาะแค่เรื่องความคุ้มครองของยางรถยนต์ จะเห็นได้ว่าประกันชั้น 2+ และ 3+ นั้นจะสามารถเคลมได้เฉพาะในกรณีที่เกิดความเสียหายจากรถชนรถเท่านั้น ส่วนประกันภัยชั้น 2 และ 3 จะไม่สามารถเคลมได้นั่นเอง

ซื้อประกันรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

นอกจากคุณจะได้รับแผนประกันภัยที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของคุณแล้ว ในเรื่องของราคาก็คุ้มค่ามากเช่นเดียวกัน เพราะแรบบิท แคร์ เรามีข้อเสนอจากบริษัทชั้นนำที่จะให้คุณได้เลือกสรรแบบหลากหลาย อีกทั้งยังมีสิทธิประโยชน์เฉพาะที่แรบบิท แคร์ มาให้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความอุ่นใจในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น สามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมกับรับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่เว็บไซต์ของ แรบบิท แคร์

ความคุ้มครองประกันรถยนต์