เคล็ดลับผ่อนบ้านอย่างไรให้หมดไว
ปัจจุบันนี้เรื่องของการซื้อบ้านเป็นเรื่องที่น่ายินดีและมาพร้อมการต้องมีภาระหนี้ก้อนใหญ่ และเป็นเรื่องต้องวางแผนให้รอบคอบในการเงิน หรือการผ่อนบ้านกับธนาคาร วันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับการผ่อนบ้านอย่างไรให้หมดไว หลายคนไม่ทราบว่ามีหลายวิธีที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ จะผ่อนบ้านที่เป็นภาระระยะยาวให้หมดเร็วขึ้น มาดูกันเลย
การผ่อนบ้าน คือ ภาระหนี้ก้อนใหญ่ไม่ว่าหลักๆจะเป็นการผ่อนบ้านกับธนาคาร ที่ใช้เวลาผ่อนกันยาว 20-30 ปี เรียกว่าเป็นพันธะรายเดือนผูกพันกันยาวยิ่งกว่าคบแฟน สำหรับลูกหนี้การปลดหนี้เพื่อเป็นไทให้เร็วที่สุด คงเป็นอีกหนึ่งความฝันที่อยากให้เกิดขึ้น แม้ว่ามันจะยากถึงยากมาก แต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ถ้ารู้จักบริหารหนี้ให้เป็น ผ่อนบ้านกับธนาคารก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ก่อนอื่นต้องเข้าใจลักษณะ ‘การผ่อนบ้าน’ หรือผ่อนบ้านกับธนาคาร ก่อนว่าเป็นการผ่อนแบบ ‘ลดต้นลดดอก’ หมายความว่า ยิ่งจ่ายเงินผ่อนไปตัดเงินต้นให้น้อยลงเท่าไร ดอกเบี้ยก็ยิ่งน้อยลงตามสัดส่วนเงินต้นที่หายไป นั่นหมายความว่าถ้าคุณหาวิธีลดเงินต้นได้มากเท่าไร คุณก็จะผ่อนบ้านกับธนาคารหมดได้เร็วขึ้น แต่การผ่อนชำระหนี้กู้บ้านจะไปหนักเสียดอกเบี้ยซะเยอะ ซึ่งตรงนี้ผู้กู้หรือลูกหนี้สามารถเช็คได้ว่าแต่ละเดือนที่ผ่อนชำระไปตัดเงินต้นไปเท่าไร เป็นดอกเบี้ยเท่าไร บนสลิปใบเสร็จรับเงินที่คุณจะได้รับทุกครั้งเมื่อชำระงวด
ดังนั้นบรรดาลูกหนี้กู้บ้านมืออาชีพส่วนใหญ่ จึงมักจะมองหาหนทางลดดอกเบี้ยกู้บ้านอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance Home) ที่ผ่อนบ้านกับธนาคาร โดยเปรียบเทียบแพ็คเกจดอกเบี้ยต่ำ หรือสารพัดเทคนิคเท่าที่จะสรรหามาได้ โดยเราได้รวมเคล็ดลับผ่อนบ้านเหล่านี้มาให้แล้ว รับรองว่านอกจากจะช่วยให้ปลดหนี้ได้เร็วขึ้นแล้ว ยังช่วยลดดอกเบี้ยกู้บ้าน ให้การผ่อนจ่ายสบายขึ้นอีกด้วย
1. ผ่อนเกินค่างวดทุกงวด หรือบ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้
จำไว้ว่าค่างวดแต่ละเดือนที่คุณผ่อนบ้านกับธนาคาร คือ เงินต้น+ดอกเบี้ย (ซึ่งจะจมไปกับดอกเบี้ยเสียส่วนใหญ่) ซึ่งธนาคารจะแจ้งมาตั้งแต่แรกตอนทำสัญญากู้บ้านแล้วว่า การผ่อนชำระคิดเป็นเงินเท่าไรต่อเดือน ดังนั้นถ้าคุณจ่ายค่างวดเกินกว่าที่ธนาคารกำหนด หรือผ่อนบ้านกับธนาคาร เงินที่เกินมาจะไปตัดเงินต้นเดิม นั่นจะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง ก็จะช่วยให้คุณผ่อนบ้านกับธนาคารได้หมดเร็วขึ้น สมมุติค่างวดต่อเดือน 10,000 บาท คุณอาจจะผ่อนบ้านกับธนาคารต่อเดือนเป็น 15,000-20,000 บาท ก็จะทำให้ย่นระยะเวลาการเป็นหนี้ได้ถึงเท่าตัว
2. มีความสม่ำเสมอในการผ่อน อย่าดึงหนี้นาน
พึงระลึกไว้เสมอ ยิ่งผ่อนระยะเวลานานเท่าไร ยิ่งจ่ายแพง เพราะยิ่งเราเป็นหนี้ธนาคารนานหรือ ผ่อนบ้านกับธนาคารนานเท่าไร สิ่งที่เราจ่ายไปส่วนใหญ่จะเป็นดอกเบี้ย ดังนั้นถ้าวันหนึ่งเรามีเงินก้อนก็ควรมาจ่ายค่าบ้าน เพราะมันจะช่วยให้ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยบานตะเกียง โดยไม่จำเป็น
3. มีเงินก้อนต้องโปะบ้าน
อย่างที่บอกว่าถ้ามีเงินก้อนควรมาจ่ายค่าบ้าน เพราะมันจะช่วยตัดเงินต้น ทำให้ช่วยลดดอกเบี้ยในแต่ละงวด สำหรับมนุษย์เงินเดือนควรฉวยโอกาสช่วงโบนัสออก แบ่งเงินมาตัดค่าบ้าน หรือถ้าเป็นฟรีแลนซ์หรือผู้ประกอบการก็อาจตัดจากเงินโปรเจกต์ ซึ่งถ้าจะให้ดีโปะค่าบ้านตอนอัตราดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้คุ้มค่ามากขึ้น
4. รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance Home) ช่วยได้
รีไฟแนนซ์ (Refinance) คือ วิธีการย้ายหนี้เดิมจากธนาคารเก่า ผ่อนบ้านกับธนาคาร เพื่อไปธนาคารใหม่ ซึ่งธนาคารใหม่จะเสนอดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารเดิมที่คุณจากมา ช่วยให้หมดหนี้ได้เร็วขึ้น นี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยลดภาระการผ่อนบ้านให้คุณได้มาก เหมาะสำหรับลูกหนี้กู้บ้านที่ผ่อนบ้านกับธนาคารเดิมมานานเกิน 3 ปี เพราะเงื่อนไขสัญญาการกู้สินเชื่อบ้าน ธนาคารส่วนใหญ่จะกำหนดให้ไถ่ถอนได้หลังผ่อนไปแล้ว 3 ปี (บางแห่งอาจจะ 5 ปี) ซึ่งลูกหนี้กู้บ้านควรเปรียบเทียบรายละเอียดและแพ็คเกจการรีไฟแนนซ์ (Refinance) เพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ตอบโจทย์คุณมากที่สุด
5. เลือกรีไฟแนนซ์ (Refinance) บ้านกับข้อเสนอดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนบ้านกับธนาคาร
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว การเลือกรีไฟแนนซ์ (Refinance) ก็ไม่ต่างไปจากการเลือกโปรโมชั่นมือถือที่มีแพ็คเกจให้เลือกมากมาย แต่หากจะให้ตอบโจทย์ ‘ปลดหนี้ให้เร็ว’ พ้นสภาพการเป็นลูกหนี้ ควรเลือกออฟชันที่มีข้อเสนอ ‘ดอกเบี้ยต่ำ’ เพราะดอกเบี้ยคือเงินที่คุณ (ลูกหนี้) ต้องจ่าย นอกเหนือจากเงินต้น ยิ่งเสียดอกเบี้ยน้อยเท่าไร จำนวนเงินที่จะตัดเงินต้นก็มีมากขึ้น ก็จะหมดหนี้คงค้างเร็วขึ้น ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นรีไฟแนนซ์ธนาคารไหนดี สินเชื่อบ้าน พร้อมให้คำปรึกษาและบริการ
6. รวมหนี้ในชีวิตเป็นก้อนเดียว โดยการรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance Home)
ข้อนี้ฟังแล้วอาจงง แต่ให้ลองนึกดูว่า ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีภาระหนี้อื่น ๆ นอกจากหนี้กู้บ้าน เช่น บางคนอาจมีหนี้บัตรเครดิตที่พอกมาสักพัก หนี้นอกระบบ หนี้จากสินเชื่อธุรกิจ หนี้รถยนต์ ซึ่งหนี้ที่กล่าวมาส่วนใหญ่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยบ้านอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเรารวมหนี้ทั้งหมดมาเป็นหนี้กู้บ้านก็จะทำให้การผ่อนชำระเป็นการผ่อนครั้งเดียวต่อเดือน (ไม่ต้องไปวิ่งจ่ายยิบย่อย) บนอัตราดอกเบี้ยที่ดีเพียงเรตเดียว
แล้วจะรวมหนี้อย่างไรละ?
ฉะนั้นถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ผ่อนบ้านกับธนาคารมาเกิน 3 ปี คุณมีคุณสมบัติที่จะรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance Home) ได้ ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้านจะสามารถขอวงเงินกู้เพิ่มได้ โดยเงินก้อนนี้มาจากส่วนต่างของราคาบ้านลบยอดหนี้คงเหลือ (มันก็คือเงินที่คุณผ่อนไปแล้วนั่นละ) คุณก็สามารถนำเงินก้อนนี้ไปชำระหนี้อื่น ๆ ที่มีดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยบ้าน เพียงเท่านี้คุณก็จะเหลือหนี้เพียงก้อนเดียว คือ บ้าน
วิธีนี้เป็นเทคนิคการลดรายจ่ายจากหนี้ก้อนอื่น ๆ โดยใช้หลักการลดดอกเบี้ย เพราะสำหรับลูกหนี้ เงินต้นเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยน ยังไงเราต้องชำระเป็นเรื่องจริงแท้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนได้ตลอดเวลา คือ ‘ดอกเบี้ย’
7. หมั่นช้อปเรต
ตามปกติแล้วสินเชื่อต่าง ๆ มีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยและแพ็คเกจอยู่ตลอดเวลา (คล้ายกับโปรโมชั่นมือถือนั่นละ) แปรผันตามสภาพเศรษฐกิจและระเบียบจากภาครัฐ ฉะนั้นหมั่นเช็คแพ็คเกจเหล่านี้ไว้เป็นระยะ (เหมือนช้อปปิ้งเสื้อผ้า) อย่างน้อยคุณจะได้ไม่พลาดข้อเสนอดี ๆ ในการผ่อนบ้านหรือรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance Home) เช็คไม่ต้องบ่อย สัก 2 ปีครั้งก็พอ
8. เช็คสิทธิพิเศษต่าง ๆ ของบริษัท หรือจากหน้าที่การงานที่คุณทำ
อย่าลืมเช็คสิทธิประโยชน์จากบริษัทที่คุณทำงานอยู่ว่ามีข้อเสนอพิเศษกับธนาคารไหนหรือเปล่า เพราะบางทีอาจจะมีแพ็คเกจพนักงาน หรือถ้าคุณมีอาชีพแพทย์ พยาบาล ข้าราชการ กลุ่มอาชีพเหล่านี้มักจะมีดีลพิเศษกับธนาคารอยู่แล้ว ที่จะได้อัตราดอกเบี้ยหรือโปรพิเศษ
แม้ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่อย่าลืมว่านี่คือภาระหนี้ขนาดใหญ่ บางทีหากได้เจอโปรโดน ๆ อาจทำให้ลดระยะเวลาผ่อนบ้านได้เป็นปี หรือประหยัดเงินได้เป็นแสน ประหนึ่ง ‘ถูกหวย’ เลยทีเดียว
ผ่อนบ้านกับธนาคารไม่ไหวทําไงดี
1. ขอลดอัตราดอกเบี้ย
ในกรณีที่บ้านติดธนาคาร มักเป็นไปได้ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อแรกกู้ ในกรณีอื่น ธนาคารอาจให้ชำระเป็นเงินก้อนซึ่งสูงกว่าค่าผ่อนต่อเดือน หรือให้ชำระหนี้ทั้งหมดภายในครั้งเดียวเพื่อไม่ให้บ้านบ้านติดธนาคาร เหมาะกับสถานการณ์ ดังนี้ ผู้กู้ยังคงมีรายได้เป็นประจำทุกเดือน แต่มีเหตุให้รายได้ต่อเดือนลดลงหรือมีรายได้เท่าเดิมแต่รายจ่ายสูงขึ้น เหมาะกับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้ มีประวัติการชำระค่าผ่อนบ้านดี เป็นไปได้ที่จะมีรายได้สูงพอสำหรับกรณีที่ต้องชำระเงินก้อนตามเงื่อนไขของธนาคาร
2. ขอชำระค่าผ่อนบ้านต่ำกว่าปรกติ
จะใช้วิธีประนอมหนี้นี้ได้ก็ต่อเมื่อจำนวนยอดชำระต่อเดือนนั้นสูงกว่ายอดดอกเบี้ยต่อเดือนอย่างน้อย 500 บาท โดยสามารถขอประนอมหนี้แบบนี้ได้เพียงครั้งเดียว และระยะเวลาในการชำระค่าผ่อนที่ต่ำกว่าปรกตินั้นต้องไม่นานเกิน 2 ปี เหมาะกับสถานการณ์ ดังนี้ ผู้กู้ยังคงมีรายได้เป็นประจำทุกเดือน แต่มีเหตุให้รายได้ต่อเดือนลดลงหรือมีรายได้เท่าเดิมแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น เหมาะกับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้ มีประวัติการชำระค่าผ่อนบ้านดี เป็นไปได้ที่จะสามารถจัดการกับรายจ่ายที่เป็นอุปสรรคต่อการผ่อนบ้านในจำนวนเดิมได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด
3. ขอขยายเวลาชำระหนี้
หากผ่อนบ้านไม่ไหววิธีประนอมหนี้นี้จะทำให้ยอดค่าผ่อนต่อเดือนลดลงและขอขยายเวลากู้ได้จนอายุไม่เกิน 70 ปีเท่านั้นเหมาะกับสถานการณ์ ดังนี้เพื่อไม่ให้บ้านติดธนาคาร ผู้กู้ยังคงมีรายได้เป็นประจำทุกเดือน แต่มีเหตุให้รายได้ต่อเดือนลดลงหรือมีรายได้เท่าเดิมแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น เหมาะกับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้ อายุน้อยหรืออีกหลายปีกว่าจะอายุถึง 70 ปี สัญญากู้ปัจจุบันมีระยะเวลากู้ไม่ถึง 30 ปี มีรายได้ต่อเดือนเป็นประจำ เช่น รายได้จากการทำงานประจำหรือได้รับเงินปันผลทุกเดือน
4. ขอผ่อนผันการค้างชำระ
ถ้าผ่อนบ้านไม่ไหววิธีนี้ช่วยให้ผู้กู้สามารถแก้ไขหรือจัดการปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้น ถ้ามากกว่านั้นอาจทำบ้านติดธนาคารได้ ต้องทำการยื่นภายในระยะเวลาไม่เกิน 36 เดือน จากนั้นจึงค่อยชำระเงินที่ค้างไว้ตามรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งดังนี้
4.1 ขอชำระเป็นเงินก้อนเล็กทุกเดือน เหมาะกับสถานการณ์ ดังนี้
ผู้กู้ขาดรายได้ มีรายได้ไม่คงที่ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าผ่อนในแต่ละเดือน หรือยังคงมีรายได้ประจำเท่าเดิมหรือใกล้เคียง แต่มีรายจ่ายสูงอย่างต่อเนื่องจนไม่อาจชำระค่าผ่อนได้ เหมาะกับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้ เป็นไปได้ที่จะแก้ไขสถานการณ์ขาดรายได้หรือรายได้ไม่พอรายจ่ายโดยการหางานประจำทำหรือสร้างอาชีพให้มีรายได้มั่นคงต่อเดือนภายในระยะเวลาที่กำหนด
4.2 ขอชำระเป็นเงินก้อนโดยแบ่งเป็นงวด ๆ เหมาะกับสถานการณ์ ดังนี้
ผู้กู้ขาดรายได้ชั่วคราว มีรายได้ต่อเดือนไม่คงที่ หรือมีรายได้เป็นประจำแต่มีรายจ่ายสูงชั่วคราวเหมาะกับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้ เป็นไปได้ที่จะชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ (ซึ่งส่งผลกระทบให้ไม่สามารถชำระค่าผ่อนบ้านได้) ในช่วงเวลาผ่อนผันการชำระเงิน และสามารถหารายได้มาชำระหนี้คงค้างผ่อนบ้านกับธนาคารได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด เป็นไปได้ที่จะมีรายได้จำนวนมากเป็นครั้งคราวหรือรายได้พิเศษสูง
4.3 ขอชำระเงินคงค้างทั้งหมดภายในระยะเวลาหนึ่ง เหมาะกับสถานการณ์ ดังนี้
ผู้กู้ขาดรายได้ชั่วคราว มีรายได้ต่อเดือนไม่เพียงพอต่อค่าผ่อนบ้าน หรือยังคงมีรายได้ประจำเท่าเดิมหรือใกล้เคียงแต่มีรายจ่ายสูงอย่างต่อเนื่องจนไม่อาจชำระค่าผ่อนได้ จำนวนเงินค้างชำระต่ำหรือไม่สูงมาก เหมาะกับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้ เป็นไปได้ที่จะชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ (ซึ่งส่งผลกระทบให้ไม่สามารถชำระค่าผ่อนบ้านได้) ในช่วงเวลาผ่อนผันการชำระเงิน และสามารถหารายได้มาชำระหนี้คงค้างได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด เป็นไปได้ที่จะมีรายได้สูงภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น โบนัส รายได้จากการขายหุ้น รายได้จากการขายสินทรัพย์มูลค่าสูงอย่างบ้าน คอนโด ที่ดิน รถ เป็นต้น
5. ขอโอนหลักทรัพย์เป็นของธนาคารชั่วคราวและจะซื้อคืน
หากผ่อนบ้านไม่ไหวหรือถ้าบ้านติดธนาคาร และถ้าผ่อนบ้านไม่ไหวขายคืนธนาคารได้ไหม การประนอมหนี้แบบนี้คล้ายกับการขายฝากแล้วเช่าบ้านตัวเองอยู่ โดยค่าเช่าหลักทรัพย์คิดอยู่ที่ 0.4-0.6% ของมูลค่าหลักทรัพย์ และมักทำสัญญาเช่าเป็นรายปี ทั้งนี้หากจำนวนหนี้สูงกว่าราคาประเมินของหลักทรัพย์ ผู้กู้จำเป็นต้องชำระส่วนต่างภายในวันโอน เหมาะกับสถานการณ์ ดังนี้
ผู้กู้ขาดรายได้และไม่น่าจะกลับมามีรายได้ภายใน 1 ปี หรือมีรายได้เป็นประจำหรือไม่คงที่ต่อเดือนแต่มีรายจ่ายสูงต่อเนื่องนานเกิน 1 ปี เหมาะกับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้ มีเงินมากพอที่จะสามารถชำระส่วนต่างระหว่างหนี้และราคาประเมินหลักทรัพย์ มีกำลังที่จะสามารถจ่ายค่าเช่าต่อเดือนแก่ธนาคารได้หรือสามารถผ่อนบ้านกับธนาคาร เป็นไปได้ที่จะมีรายได้สูงภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น โบนัส รายได้จากการขายหุ้น รายได้จากการขายสินทรัพย์มูลค่าสูงอย่างบ้าน คอนโด ที่ดิน รถ เป็นต้น
เห็นไหมว่ามีหลายวิธีที่จะช่วยให้ท่านไม่ปล่อยบ้านให้ธนาคารยึด และหากต้องเลือกว่าให้ขายบ้านคืนธนาคารก็มีวิธีให้ท่านไม่ขาดทุนมาก เป็นอย่างไรกันบ้าง ท่านคงพอได้คำตอบแล้วว่าเคล็ดลับการผ่อนบ้านให้หมดไวนั้นไม่ยากเพียงแค่นั้นมีการวางแผนผ่อนบ้านกับธนาคารและเลือกธนาคารในการทำ ธุรกรรมด้านการเงินที่ดี เราขอแนะนำ สินเชื่อ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แรบบิท แคร์ เพราะเราได้รวบรวมข้อเสนอสินเชื่อมากมายหลายธนาคาร เรียกได้ว่าใช้บริการกับเราครบวงจร ไม่ต้องเสียเวลาไปขอกับหลายธนาคาร ที่พร้อมให้คำปรึกษา และปลอดภัยอีกด้วย
สินเชื่อบ้านที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ
- ดอกเบี้ยเฉลี่ย 2 ปีแรก เพียง 2.89% ต่อปี
- อนุมัติด่วนภายใน 3 วันทำการ
- กู้เพิ่มง่าย