การแซงบนท้องถนน ทำได้หรือไม่? บริเวณใดบ้างที่ห้ามแซง? หากเกิดอุบัติเหตุ เคลมประกันได้ไหม?
ในทุก ๆ บ้านเมืองล้วนมีกฎและระเบียบ ดังนั้นทุกคนควรปฎิบัติตามข้อบังคับเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากนี้อุบัติเหตุบนท้องถนนสามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นผู้ขับขี่ทุกคนควรปฎิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน หากฝ่าฝืนอาจมีโทษปรับหรือบางครั้งอาจต้องจำคุกขึ้นอยู่กับความร้ายแรง ดังนั้นควรมีสติและสมาธิทุกครั้งในขณะขับรถ
การแซงรถ คืออะไร?
การแทรกในขณะขับรถหมายถึงการเปลี่ยนเลนจราจรหรือเปลี่ยนตำแหน่งของรถโดยไม่ให้รถที่มาก่อนหน้ามีช่องเพียงพอให้ผ่าน หรืออาจเป็นการเปลี่ยนเลนโดยทำให้รถอื่นต้องลดความเร็วหรือหยุดเพื่อเป็นการหลบหรือหลีกเลี่ยงการชนกัน การแซงในขณะขับรถอาจเกิดขึ้นเนื่องจากความไม่ระมัดระวัง การประเมินสภาพจราจรไม่ถูกต้อง หรือเจตนาร้ายของผู้ขับขี่ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร การแทรกรถอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือสร้างความไม่พอใจในผู้ขับขี่รถคนอื่น ดังนั้น การเลือกใช้เลนจราจรอย่างถูกต้องและการให้สัญญาณก่อนการเปลี่ยนเลนจราจรเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มความปลอดภัยในการขับรถ
การแซง มีกี่ประเภท?
การแซงรถ มีหลายประเภท เช่น แซงซ้าย, ขวา, หน้า, หรือทางโค้ง เป็นต้น ซึ่งคุณควรประเมินสถานการณ์ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากการแทรกบนท้องถนนอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ โดยการแซงแต่ละประเภท มีรายละเอียดดังนี้
1. แซง ซ้าย
หมายถึงการเปลี่ยนเลนจราจรจากเลนขวาไปยังเลนซ้ายโดยไม่ให้รถที่มาก่อนหน้ามีช่องเพียงพอให้ผ่าน ในบางที่อาจมีกฎห้ามการแทรกซ้าย เช่น เส้นทางที่มีเครื่องหมายห้ามแทรกหรือมีเลนทางที่กำหนดว่าเฉพาะรถที่ต้องการเลี้ยวซ้ายเท่านั้นที่สามารถเข้าได้ การแทรกซ้ายนั้นต้องทำอย่างระมัดระวังและให้สัญญาณก่อนการเปลี่ยนเลนจราจร เพื่อให้รถที่มาก่อนหน้าทราบถึงการเปลี่ยนเลนและสามารถปรับตัวให้เหมาะสมได้
2. แซงขวา
หมายถึงการเปลี่ยนเลนจราจรจากเลนซ้ายไปยังเลนขวาโดยไม่ให้รถที่มาก่อนหน้ามีช่องเพียงพอให้ผ่าน การแทรกขวานั้นต้องทำอย่างระมัดระวังและให้สัญญาณก่อนการเปลี่ยนเลนจราจร เพื่อให้รถที่มาก่อนหน้าทราบถึงการเปลี่ยนเลนและสามารถปรับตัวให้เหมาะสมได้ อย่างไรก็ตาม การแทรกขวานั้นอาจมีกฎห้ามหรือข้อจำกัดในบางท้องถนน ในบางสถานการณ์เช่นเส้นทางที่มีเครื่องหมายห้ามแทรกขวาหรือมีเลนทางที่กำหนดว่าเฉพาะรถที่ต้องการเลี้ยวขวาเท่านั้นที่สามารถเข้าได้ ดังนั้น ควรปฏิบัติตามกฎจราจรและเครื่องหมายที่กำหนดในท้องถนนที่เจอให้ถูกต้องเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
3. แซงหน้า
หมายถึงการเปลี่ยนเลนจราจรเพื่อไปอยู่ข้างหน้าของรถหนึ่ง โดยไม่ให้รถที่อยู่ข้างหน้ามีช่องเพียงพอให้ผ่านหรือการกีดขวางทางของรถที่อยู่ข้างหน้า การแทรกหน้านั้นต้องทำอย่างระมัดระวังและให้สัญญาณก่อนการเปลี่ยนเลนจราจรเพื่อให้รถที่อยู่ข้างหน้าทราบถึงการเปลี่ยนเลนและสามารถปรับตัวให้เหมาะสมได้ นอกจากนี้การแทรกหน้าอาจเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ผู้ขับขี่ต้องการเร่งความเร็วหรือต้องการตัดหนทางรถหน้าของเขา แต่ควรทำอย่างระมัดระวังเสมอ เพราะการแทรกหน้าอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือสร้างความไม่พอใจในผู้ขับขี่รถคนอื่น ดังนั้น การเลือกใช้เลนจราจรอย่างถูกต้องและการให้สัญญาณก่อนการเปลี่ยนเลนจราจรเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มความปลอดภัยในการขับรถ
4. แซงทางโค้ง
หมายถึงการเปลี่ยนเลนจราจรเพื่อแซงหรือผ่านรถที่เดินทางบนทางโค้ง โดยทั่วไปแล้วการแทรกทางโค้งไม่เป็นที่ยอมรับในการขับรถ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่สูงของการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งอาจทำให้เกิดการชนกันระหว่างรถคุณกับรถคันข้างหน้า
การเลี่ยงการแทรกทางโค้งเป็นสิ่งสำคัญในการขับรถอย่างปลอดภัย คุณควรรักษาความเร็วที่เหมาะสมในการเข้าโค้ง เก็บรักษาระยะห่างที่เหมาะสมกับรถที่ขับขี่หน้าหรือรถที่อยู่ข้างหน้า เพื่อให้ผู้ขับขี่ทั้งสองคนมีพื้นที่และเวลาเพียงพอในการเร่งหรือเบรกในกรณีที่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี อาจมีสถานการณ์ที่จำเป็นต้องแทรกทางโค้ง เช่น ในกรณีที่มีรถหน้าเดินเครื่องหมายที่แสดงให้เข้าใจว่าเป็นทางเลี้ยว หรือรถหน้าเดินอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ในกรณีเช่นนี้ ควรดำเนินการแทรกทางโค้งอย่างระมัดระวังและให้สัญญาณก่อนการเปลี่ยนเลนจราจรเพื่อเตือนผู้ขับขี่รถหน้า
ท้องถนนบริเวณใดห้ามแซง?
การแซงรถถือเป็นการฝ่าฝืนกฎจราจรและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น ท้องถนนบริเวณใดก็ตามที่มีสัญญาณจราจรห้ามแซง รวมถึงบริเวณที่มีเครื่องหมายหรือเส้นที่ระบุว่าห้ามแซง ตัวอย่างเช่น
1. สัญญาณไฟจราจร
ในกรณีที่มีสัญญาณไฟจราจร เช่น สัญญาณไฟจราจรสี่แยก ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามสัญญาณไฟ และห้ามแซงรถในช่วงที่มีสัญญาณสีแดงหรือสัญญาณเตือนให้หยุด
2. เส้นห้ามแซง
บางท้องถนนอาจมีเส้นห้ามแซงที่วาดบนผิวถนน ซึ่งห้ามแทรกรถหรือเปลี่ยนเลนจราจรก่อนถึงจุดนั้น
3. จุดจอดรถห้ามแซง
บางท้องถนนอาจมีจุดจอดรถห้ามแทรกที่กำหนดโดยเครื่องหมาย ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามเครื่องหมายนั้นๆ และห้ามแทรกรถในบริเวณที่มีจุดจอดรถ
4. เลนจราจรทางด่วนหรือทางหลวง
บนทางด่วนหรือทางหลวง มักจะมีกฎห้ามแซงในบางเขต เช่น สัญลักษณ์ห้ามแซงเข้าเลนที่หนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตและปฏิบัติตามเครื่องหมายและกฎจราจรที่ให้มาตรฐานในท้องถนนที่คุณขับขี่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
หากเกิดอุบัติเหตุรถชน เนื่องจากแซงรถคันหน้าแล้วเกิดรถชน คำตอบคือประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครอง สามารถแจ้งเคลมประกันรถยนต์ได้ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก แต่เงื่อนไขความคุ้มครองจะขึ้นอยู่กับประกันที่คุณเลือกทำ แนะนำให้ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 กับแรบบิท แคร์ ติดตัวเอาไว้สักฉบับเพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่ทุกเส้นทาง เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน รถชน หรืออุบัติเหตุต่าง ๆ คุณก็จะได้รับความคุ้มครอง เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง บริการรถยกรถลาก บริการรถเช่าระหว่างขับ เป็นต้น
ถ้าขับรถแซงบนถนนแล้วเกิดอุบัติเหตุ ต้องเคลมประกันอย่างไร
การขับรถแซงบนถนนและเกิดอุบัติเหตุเป็นสถานการณ์ที่พบได้บ่อยในกรณีที่มีการขับขี่ที่อาจผิดพลาดหรือไม่ปลอดภัย เช่น การแซงในที่คับขันหรือขับขี่ในสภาพที่มองเห็นไม่ชัดเจน การเคลมประกันในกรณีนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันรถยนต์ที่คุณทำไว้ และการพิสูจน์ความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่าย ในกรณีนี้มีขั้นตอนและการคุ้มครองดังนี้
ขั้นตอนการเคลมประกันกรณีขับรถแซงแล้วเกิดอุบัติเหตุ
1. ตรวจสอบสถานการณ์หลังเกิดอุบัติเหตุ
เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตรวจสอบความปลอดภัยของตนเอง ผู้โดยสาร และคู่กรณี หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ให้โทรแจ้งหน่วยกู้ภัยหรือรถพยาบาลทันที ถ้าหากไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ให้ถ่ายรูปที่เกิดเหตุทั้งรถของคุณและรถคู่กรณี รวมถึงสิ่งแวดล้อมโดยรอบเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเคลมประกัน
2. ติดต่อบริษัทประกันทันที
โทรแจ้งบริษัทประกันเพื่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และทำรายงานเกี่ยวกับอุบัติเหตุ จากนั้น แจ้งรายละเอียดของเหตุการณ์อย่างชัดเจน เช่น การแซงรถอย่างไร และเหตุการณ์ที่นำไปสู่อุบัติเหตุ เป็นต้น
3. รอเจ้าหน้าที่ประกันและตำรวจ
ในกรณีที่เป็นเหตุการณ์ใหญ่หรือมีข้อพิพาทในการรับผิดชอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจถูกเรียกเพื่อทำบันทึกประจำวัน ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการเคลมประกัน
4. ทำบันทึกประจำวันและรายงานที่จำเป็น
เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำบันทึกประจำวันเกี่ยวกับเหตุการณ์ และสอบสวนพยานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อหาฝ่ายที่ต้องรับผิด หากคุณมีข้อมูลจากกล้องติดรถยนต์ ก็ควรนำเสนอให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่ประกันเพื่อช่วยยืนยันสถานการณ์
การคุ้มครองของประกันรถยนต์แต่ละชั้นในกรณีขับรถแซงแล้วเกิดอุบัติเหตุ
1. ประกันชั้น 1
คุ้มครองทั้งรถของคุณและรถคู่กรณี: หากเกิดอุบัติเหตุจากการแซง ประกันชั้น 1 จะคุ้มครองทั้งความเสียหายของรถของคุณและรถคู่กรณี แม้คุณจะเป็นฝ่ายผิด โดยบริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าซ่อมแซมรถทั้งสองฝ่าย รวมถึงค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ (ถ้ามี)
2. ประกันชั้น 2+
คุ้มครองคู่กรณีและรถของคุณ (เฉพาะกรณีชนกับยานพาหนะทางบก): หากการแซงทำให้เกิดการชนกับรถอีกคัน ประกันชั้น 2+ จะคุ้มครองค่าซ่อมแซมรถของคุณและรถคู่กรณี แต่หากคุณแซงแล้วชนกับสิ่งกีดขวางที่ไม่ใช่ยานพาหนะทางบก ประกันชั้นนี้จะไม่คุ้มครอง
3. ประกันชั้น 2
คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี: ประกันชั้น 2 คุ้มครองเฉพาะความเสียหายของคู่กรณีเท่านั้น รถของคุณจะไม่ได้รับความคุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุจากการแซง โดยบริษัทประกันจะจ่ายค่าซ่อมแซมให้กับรถคู่กรณี แต่ไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถของคุณ
4. ประกันชั้น 3+
คุ้มครองคล้ายประกันชั้น 2+: ประกันชั้น 3+ จะคุ้มครองรถของคุณและรถคู่กรณีในกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น ดังนั้น หากเกิดอุบัติเหตุจากการแซงและชนกับรถอีกคัน ประกันจะคุ้มครองทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าหากการแซงชนสิ่งกีดขวางที่ไม่ใช่รถยนต์ ประกันนี้จะไม่คุ้มครองรถของคุณ
5. ประกันชั้น 3
คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี: ประกันชั้น 3 จะคุ้มครองเฉพาะรถของคู่กรณีในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการแซง รถของคุณจะไม่ได้รับการคุ้มครอง โดยจะจ่ายเฉพาะค่าซ่อมแซมรถของคู่กรณีและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับความเสียหายของบุคคลภายนอก
ข้อควรระวังเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการขับรถแซงบนถนน
- หากคุณเป็นฝ่ายผิดในการแซง ควรเตรียมพร้อมรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะหากกรมธรรม์ของคุณไม่ครอบคลุมความเสียหายของรถตัวเอง
- ตรวจสอบเงื่อนไขการเคลมประกันในแต่ละประเภทเพื่อให้แน่ใจว่าการคุ้มครองตรงกับความต้องการของคุณ
การเคลมประกันในกรณีขับแซงแล้วเกิดอุบัติเหตุสามารถทำได้ตามขั้นตอนปกติ แต่ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่คุณถือและความรับผิดชอบในเหตุการณ์นั้น ๆ
ความคุ้มครองประกันรถยนต์
บทความแนะนำ