เราสามารถมีบัตรเครดิตหลายใบได้ไหม และสามารถมีได้สูงสุดกี่ใบ?

บัตรเครดิต (Credit Card) เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกบัตร (issuer) ซึ่งได้แก่ธนาคารพาณิชย์ หรือผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank) นั้นออกให้แก่ลูกค้าหรือผู้ถือบัตร (Card Holder) ซึ่งจะสามารถใช้จ่ายได้ตามร้านค้าที่ร่วมรายการรับชำระด้วยบัตรเครดิตมากมายทั่วประเทศ โดยที่ทางสถาบันการเงินจะเป็นผู้ออกเงินให้ก่อนภายในวงเงินที่ถูกกำหนดไว้ในบัตรเครดิต เพื่อที่จะเรียกเก็บคืนในภายหลังตามรอบบิลนั่นเอง ซึ่งบัตรเครดิตนั้นก็จะมีจุดเด่นในเรื่องของสิทธิประโยชน์อื่น ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครดิตเงินคืน ส่วนลดต่าง ๆ รวมไปถึงโปรโมชันอีกมากมายที่จะเป็นเงื่อนไขของในแต่ละธนาคารหรือสถาบันการเงินที่มีการแจ้งเอาไว้ ดังนั้นบัตรเครดิตจึงจะมีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป

1. ศึกษารายละเอียดและข้อมูลต่าง ๆ

อันดับแรกคือเราควรที่จะต้องศึกษารายละเอียดและข้อมูลต่าง ๆ รวมไปถึงสิทธิประโยชน์และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของผู้ออกบัตรในแต่ละแห่งที่แตกต่างกันไป เพื่อที่จะได้เลือกทำบัตรเครดิตที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์กับการใช้ชีวิตประจำวันของเราให้ได้มากที่สุด

2. เปรียบเทียบเงื่อนไขที่ผู้ออกบัตรกำหนด

จากนั้นให้ลองเปรียบเทียบเงื่อนไขอื่น ๆ ที่ทางผู้ออกบัตรได้กำหนดไว้ เช่น ค่าธรรมเนียมแรกเข้า ค่าธรรมเนียมรายปี รอบระยะเวลาบัญชี ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยในแต่ละรอบบิล ช่องทางในการชำระเงิน เป็นต้น

3. เตรียมเอกสารสำหรับการสมัคร

เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนสำหรับการสมัครบัตรเครดิต เช่น สำเนาบัตรประชาชน สลิปเงินเดือน Statement เป็นต้น ซึ่งเราสามารถสมัครบัตรเครดิตหลายใบได้

4. ยื่นเอกสาร

ยื่นเอกสารผ่านช่องทางที่รับสมัคร เช่น ยื่นที่ธนาคารโดยตรง หรือยื่นผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถสมัครบัตรเครดิตผ่านช่องทางออนไลน์ได้ด้วย

5. รอเจ้าหน้าที่อนุมัติบัตรเครดิต

หรือแจ้งกลับเพื่อขอเอกสารที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในกรณีที่ทางธนาคารต้องการขอเอกสารเพิ่มเติม

6. ตรวจสอบวงเงินในบัตร

เมื่อสมัครบัตรเครดิตผ่านแล้ว เราก็จะทราบวงเงินในบัตรเครดิตโดยทันที ซึ่งวงเงินนี้ก็จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ธนาคารนั่นเอง

ในปัจจุบันนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) ไม่ได้จำกัดว่าในหนึ่งคนนั้นจะต้องมีบัตรเครดิตได้สูงสุดจำนวนกี่ใบ แต่ผู้ถือบัตรจะต้องมีวินัยในการบริหารการเงินอย่างเหมาะสมตามเท่าที่สมควร ดังนั้นถ้าจะแนะนำให้พอเหมาะสำหรับการมีบัตรเครดิตไว้นั้น นั่นก็คือ 2 ใบก็เพียงพอ แต่สำหรับบางคนที่อาจจะมีมากกว่าหรือน้อยกว่านั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะวัตถุประสงค์ยิบย่อยของแต่ละคนที่ใช้ก็จะแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของทางผู้ออกบัตรหรือธนาคารอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้บัตรเครดิตที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของในแต่ละคนนั่นเอง

คำตอบจะเหมือนกันกับบัตรเครดิตเลย คือมีบัตรเครดิตหลายใบได้ ก็มีบัตรกดเงินสดหลายใบได้เหมือนกัน เพียงแต่ทุกการใช้จ่ายนั้นจะต้องมีการชำระบิลให้ตรงตามเวลาที่กำหนดทุกเดือน เพราะไม่ได้มีข้อห้ามว่าจะต้องมีไม่เกินกี่ใบ เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นมากที่จะต้องระมัดระวังในการใช้จ่าย เพราะการใช้บัตรกดเงินสดหรือบัตรเครดิตนั้นไม่เหมือนกับการใช้จ่ายด้วยเงินสด เนื่องจากว่าการรูดผ่อนชำระนั้นทำได้ง่าย รวดเร็ว และทันใจผู้ซื้อเป็นอย่างมาก ถ้าหากรูดเพลินก็จะทำให้เกิดผลเสียตามมามากด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงควรวางแผนทางการเงินให้ดี เพื่อที่เราจะได้ใช้ประโยชน์จากการมีบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

บัตรเครดิตถือว่าเป็นอีกหนึ่งสินเชื่อที่เราได้มีการยื่นขอไว้ ดังนั้นเราสามารถเช็กข้อมูลสินเชื่ออื่น ๆ ทั้งหมดของเราได้จาก “เครดิตบูโร (Credit Bureau)” ซึ่งเป็นข้อมูลจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ที่ทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมข้อมูลเครดิตจากสถาบันทางการเงินที่เป็นสมาชิกของบริษัทนั่นเอง เพราะฉะนั้นใคร ๆ ก็สามารถเช็กเครดิตบูโรได้ทั้งสิ้น เพื่อเป็นการตรวจสอบข้อมูลทางการเงินได้ในแต่ละปีว่ามีตรงไหนที่จะต้องแก้ไขให้ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งเราจะสามารถขอเช็กเครดิตบูโรได้จาก 3 ช่องทางดังนี้

1. แบบรอรับเอกสารได้เลยภายใน 15 นาที

ที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโรต่าง ๆ ซึ่งสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานที่พร้อมทั้งวันและเวลาที่เปิดทำการอีกครั้งได้จากส่วนของเครดิตบูโรในเว็บไซต์ NCB ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพียงยื่นบัตรประชาชนตัวจริงด้วยตนเอง พร้อมค่าบริการ 100 บาท

2. แบบยื่นคำขอผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร

และรอรับเอกสารผ่านทางอีเมล (E-Credit Report) ภายใน 3 วันทำการ โดยจะมีค่าบริการ 150 บาท เช่น แอปพลิเคชัน KKP e-Banking แอปพลิเคชัน TTB TOUCH แอปพลิเคชัน Krungthai Next เป็นต้น

3. แบบรอรับผลทางไปรษณีย์

ภายใน 7 วันทำการ โดยจะมีค่าบริการ 150 บาท

ข้อดี

• สามารถใช้แทนเงินสดเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการได้เลยทันที โดยที่ไม่ต้องจ่ายเป็นเงินสด ณ ร้านค้าที่ร่วมรับบัตร รวมไปถึงการชำระค่าบริการบนอินเทอร์เน็ต เช่น Master Card, VISA, American Express, China Union Pay (CUP), Japan Credit Bureau (JCB) เป็นต้น
• สามารถถอนเงินสดจากวงเงินในบัตรเครดิตที่เครื่อง ATM มาใช้ก่อนล่วงหน้าได้
• รับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามรายการส่งเสริมการขายมากมาย เช่น ผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 12 เดือน หรือได้รับเงินคืนจากยอดค่าใช้จ่าย (Cash Back) หรือแลกของรางวัลจากคะแนนสะสมที่เรามี หรือได้รับสิทธิพิเศษจากการมีบัตรเครดิตหลายใบ เช่น ที่จอดรถโดยเฉพาะ ห้องรับรองตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นต้น
  
  

ข้อเสีย

• หากใช้แบบผิดวิธีก็จะทำให้เราเกิดภาระการเป็นหนี้ขึ้นมาได้ง่าย ทั้งดอกเบี้ยและค่าบริการที่จะสร้างภาระหนี้ขึ้นมาโดยเกินความจำเป็น
• หากเรามีประวัติทางการเงินหรือประวัติสินเชื่อเสีย ก็จะส่งผลทำให้เราเป็นคนที่มีเครดิตทางการเงินไม่ดี จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้การยื่นขอสินเชื่อครั้งใหม่นั้นทำได้ยากมากขึ้น

อันดับแรกแนะนำว่าให้เลือกทำบัตรเครดิตกับธนาคารที่รับเงินเดือนเป็นประจำทุกเดือน เพราะว่าจะสามารถใช้บัญชีนี้ในการตัดยอดค่าใช้จ่ายได้เลยทันที แต่ถ้าหากว่าธนาคารนี้ยังไม่มีเงื่อนไขที่น่าสนใจหรือว่ายังไม่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเรา ก็สามารถเลือกทำบัตรเครดิตกับสถาบันทางการเงินที่มีสิทธิพิเศษหรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ได้เลยตามที่เราต้องการ ดังนั้นสามารถเลือกดูข้อมูลสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมกับ แรบบิท แคร์ ได้เลย

เพราะแรบบิท แคร์ นั้นมี บริการเปรียบเทียบบัตรเครดิต ที่รวบรวมทุกข้อเสนอสุดพิเศษไว้มากมายมาให้คุณได้เลือกแบบครบ จบ ที่นี่ที่เดียว เพื่อให้การสมัครบัตรเครดิตของคุณนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายและตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณให้ได้มากที่สุด ดังนั้นหากถูกใจข้อเสนอไหนก็สามารถเลือกรับได้เลยทันที จึงช่วยประหยัดเวลาได้มากกว่าการที่เราจะต้องใช้เวลาไปค้นหาและนำมาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียด้วยตนเอง อีกทั้งแรบบิท แคร์ ยังมีบริการคอยให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำ และช่วยประสานงานให้ตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะฉะนั้นจึงไว้วางใจได้เลยว่าแรบบิท แคร์ จะเป็นผู้ช่วยให้คุณได้เป็นอย่างดี รวมทั้งได้วงเงินตามที่คุณต้องการไว้อย่างแน่นอน

นอกจากแรบบิท แคร์ เราจะมีบริการเปรียบเทียบบัตรเครดิตที่ใช้งานง่าย ครบ จบ ภายใน 30 วินาทีแล้ว นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมายที่รวบรวมมาให้คุณโดยเฉพาะ พร้อมทั้งมีผู้ช่วยที่คอยให้คำปรึกษาและช่วยประสานงานให้ตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ได้คุณมากที่สุดและจบปัญหาที่ แรบบิท แคร์ อีกทั้งยังมีจัดโปรโมชันใหม่ ๆ ให้ลูกค้าทุกเดือนอีกด้วย ซึ่งจะเป็นการแจกของรางวัลคุณภาพดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหูฟัง AirPod หูฟัง Marshall หรือบัตรกำนัลร้านค้าชั้นนำ เป็นต้น