แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ ส่งเคลมได้หรือไม่ ? มีอายุการใช้งานกี่ปี ?

แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ อีกชิ้นส่วนสำคัญที่นับว่าเป็นหัวใจหลักของเจ้ารถจักรยานยนต์คู่ใจ หากเสียสามารถส่งเคลมได้หรือไม่ โดยปกติแล้วแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์สามารถชาร์จได้ไหม มีอายุการใช้งานกี่ปี ? คำตอบของทุกคำถามเหล่านี้ แรบบิท แคร์ รวบรวมมาให้ในบทความนี้ รวมถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ที่เจ้าของรถควรรู้ไว้ มีแต่ดีกับดีอย่างแน่นอน

เมื่อพูดถึงประเภทของแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ บางคนอาจจะยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าแบตเตอรี่เหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็นหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งความจริงแล้วปัจจุบันแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ที่ยังใช้กันอยู่นั้นมีทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน คือ

แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์แบบตะกั่วกรด หรือแบตน้ำ (Conventional / Wet Cell Batteries)

แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ชนิดนี้เป็นแบตเตอรี่ชนิดพื้นฐานซึ่งในปัจจุบันไม่นิยมใช้ในมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ ๆ กันแล้ว เนื่องจากมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก อายุการใช้งานสั้น อีกทั้งมีข้อจำกัดคือจะต้องวางในแนวตั้งเพียงเท่านั้น ส่งผลให้จำเป็นที่จะต้องทำการตรวจเช็กและเปลี่ยนแบตอยู่บ่อยครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็นับเป็นแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ที่หาซื้อง่ายและมีราคาถูกที่สุด

แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์แบบแห้ง (AGM / Maintenance Free Batteries)

แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ชนิดนี้เป็นแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ชนิดที่นิยมใช้งานกันมากที่สุดในปัจจุบัน แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ชนิดนี้นั้นเป็นแบตเตอรี่ที่ถูกพัฒนาจากแบตแบบตะกั่วกรดหรือแบตน้ำ ซึ่งจะยังคงจุดเด่นในการใช้ตะกั่วกรดแต่ของเหลวนั้นจะติดอยู่บริเวณภายในแบตเตอรี่ระหว่างเส้นใยไฟเบอร์กลาสพิเศษ และมีการเพิ่มซีลปิดด้านบนเหลือไว้เพียงบริเวณขั้วไฟเพียงเท่านั้น ด้วยวิธีการนี้จึงทำให้กรดไม่สามารถหกออกจากขั้วไฟได้ นอกจากนี้ยังมีขนาดเล็กกะทัดรัดกว่าแบตเตอรี่ชนิดอื่น ดูแลง่าย ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำหรือตรวจระดับอิเล็กโทรไลต์ ไม่ต้องกังวลในเรื่องของการรั่วซึม อีกทั้งยังมีแรงจ่ายกระแสเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์สูงมากยิ่งกว่าแบตเตอรี่แบบตะกั่วกรด อายุการใช้งานนานกว่า ทำให้แม้จะมีราคาแรงกว่าแต่แบตเตอรี่ชนิดนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างมากนั่นเอง

แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ ลิเธียม

แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ชนิดนี้เป็นแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ชนิดที่มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุดอีกทั้งยังมีความสามารถในการให้กำลังไฟสูง ภายในแบตเตอรี่นั้นไม่มีของเหลวบรรจุอยู่ ทำให้สามารถวางได้ทุกแนว มีขนาดเล็กกะทัดรัดและมีน้ำหนักเบากว่าแบตเตอรี่ทั้ง 2 ชนิดก่อนหน้า

นอกจากนี้แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ชนิดนี้ยังมีความซับซ้อนของแบตเตอรี่ในส่วนของวงจรในการควบคุมกระแสไฟฟ้าที่สูงมาก ส่งผลให้ราคาของแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ชนิดนี้สูงมากตามไปด้วย

หลังจากทราบข้อมูลเกี่ยวกับแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ทั้ง 3 ชนิดไปแล้ว ลำดับต่อไปก็จะต้องทำการเลือกยี่ห้อของแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ประเภทที่ต้องการนั้น ๆ ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วส่วนใหญ่ก็จะเลือกกันตามความพึงพอใจส่วนบุคคลเป็นหลัก ทั้งในเรื่องความเชื่อมั่นในแบรนด์และข้อจำกัดทางด้านราคา

ปัจจุบันแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์นั้นจะมีความจุเป็นแบบ 12 โวลต์ และจะมีความแตกต่างกันที่แอมป์ของรถมอเตอร์ไซค์ ควรดูว่าแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ กี่แอมป์จึงจะสามารถใช้กับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของคุณได้ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงเรื่องของค่า CCA แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ หรือค่าความสามารถในการจ่ายกระแสไฟที่ใช้ในการสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ในสภาพอากาศเย็นด้วยนั่นเอง (ยิ่งค่า CCA สูงก็จะช่วยให้สตาร์ทรถในขณะที่อากาศเย็นได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย)

นอกจากปัจจัยที่ว่ามาอีกสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงคือเรื่องของขนาด ในการเลือกแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสมนั้นจะต้องให้ความสำคัญในการเลือกแบตเตอรี่ที่มีขนาดเหมาะสมกับมอเตอร์ไซค์ที่จะนำไปใช้ด้วยนั่นเอง

ข้อมูลจากเว็บไซต์ Yamaha กล่าวว่าแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ อายุการใช้งานเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2 ปี และอาจมีการเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าระยะเวลาดังกล่าว หรือเสียหายก่อนได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงความใส่ใจในการดูแลแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ของผู้ใช้งานแต่ละคน

แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ สตาร์ทมือไม่ติด แบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ หมด สามารถที่จะนำไปชาร์จได้ไหม คำตอบคือสามารถชาร์จได้ โดยจะมีวิธีการชาร์จแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ ดังนี้

• เลือกกระแสชาร์จให้เหมาะสมโดยการตรวจสอบความจุของแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ของคุณ โดยจะสามารถใช้วิธีคำนวณได้คือ 10% x ขนาดความจุแบตเตอรี่ (Ah) = กระแสชาร์จ
• ตรวจสอบจำนวนแอมป์ในการชาร์จที่เหมาะสมว่าจะต้องชาร์จเพิ่มอีกเท่าไหร่ โดยใช้วิธีคำนวณ คือ 65% x ขนาดแบตเตอรี่ = จำนวนแอมป์ (Ah) ที่ต้องชาร์จเพิ่ม
• คำนวณชั่วโมงในการชาร์จแบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะสมโดยสามารถใช้วิธีคำนวณดังนี้ จำนวนแอมป์ (Ah) ที่ต้องชาร์จเพิ่ม / กระแสชาร์จ = จำนวนชั่วโมงที่ต้องชาร์จ
• คอยเช็กว่าแบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์ที่ชาร์จอยู่ใกล้เต็มหรือยังโดยการสังเกตเข็มมิเตอร์วัดค่ากระแส กรณีเป็นเครื่องชาร์จแบบ Mannual แต่หากใช้เครื่องชาร์จแบบ Automatic เมื่อชาร์จเต็มเครื่องชาร์จจะตัดกระแสให้โดยอัตโนมัติ

มาถึงคำถามยอดฮิตที่ใครหลายคนต่างสงสัย แบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์สามารถส่งเคลมได้หรือไม่ แรบบิท แคร์ จะมาตอบคำถามให้ว่าจะสามารถส่งเคลมได้หรือไม่แต่ก่อนอื่นจะต้องแบ่งออกเป็น 2 กรณีด้วยกัน

กรณีเสื่อมสภาพตามการใช้งาน

กรณีแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์เสื่อมสภาพตามระยะเวลาการใช้งานหรือพฤติกรรมการใช้งานที่ไม่ระมัดระวังของผู้ใช้งานโดยทั่วไปแล้วในกรณีนี้จะไม่สามารถส่งเรื่องขอยื่นเคลมกับทางบริษัทประกันได้

กรณีเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุ

กรณีแบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์เสียงจากการเกิดอุบัติเหตุ สำหรับในกรณีนี้แล้วนั้นโดยทั่วไปจะสามารถส่งเคลมได้เพราะถือว่าเป็นการที่รถได้รับการเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุตามที่คุณได้ทำประกันภัยเอาไว้ แต่ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจซื้อประกันรถมอเตอร์ไซค์ ก็ต้องศึกษารายละเอียดความคุ้มครองให้มั่นใจ ว่าแผนประกันที่ได้เลือกซื้อไว้ดูแลครอบคลุมมากแค่ไหน

ขอแนะนำว่าควรเลือกซื้อประกันรถมอเตอร์ไซค์กับบริษัทที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำรายละเอียดทุกขั้นตอนและมีเงื่อนไขความคุ้มครองคุ้มค่าอย่าง แรบบิท แคร์

ในส่วนของการดูแลยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์นั้น ผู้ใช้งานจำเป็นที่จะต้องทำการตรวจเช็กแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ ทั้งในส่วนของการตรวจเช็กระดับน้ำกลั่น ตะกอนขั้วบวก-ขั้วลบ และการดูแลทำความสะอาดไม่ให้มีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกมาเกาะหรือจับตัวอยู่ที่บริเวณแบตเตอรี่ อีกทั้งยังควรใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ของคุณอยู่สม่ำเสมอ ไม่จอดทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานเพราะการจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ โดยไม่ได้สตาร์ทหรือทำการขับขี่เลยจะส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ได้อย่างยาวนานนั่นเอง

วิธีการสังเกตง่าย ๆ ว่าแบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์ของเราเสื่อมสภาพแล้วหรือไม่มี ดังนี้

• รถมอเตอร์ไซค์สตาร์ทติดยากกว่าปกติ สตาร์ทไม่ค่อยติด หากมีอาการแบบนี้ควรรีบเช็กสภาพแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์และชาร์จไฟโดยด่วน
• ระบบไฟทำงานผิดปกติ เช่น ไฟไม่สว่างเท่าที่ควร ไฟเลี้ยวค้าง ไฟเปิดไม่ติด
• ใช้งานแบตเตอรี่ครบ 2 ปี แม้ว่าจะยังไม่มีอาการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแต่ปกติแล้วแบตเตอรี่รถมอเตอร์ไซค์จะมีอายุการใช้งานเต็มที่อยู่ที่ประมาณ 2 ปี

เรียนรู้วิธีการเลือกแบตเตอรี่และวิธีการสังเกตการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่กันไปแล้ว เมื่อถึงคราวที่ต้องเปลี่ยนแต่ไม่อยากไปร้านก็สามารถหาซื้อแบตเตอรี่มาเปลี่ยนเองได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีดังนี้

• ทำการขันสกรูซึ่งยึดพลาสติกครอบบริเวณแบตเตอรี่ออก
• ทำการขันนอตที่ยึดบริเวณขั้วแบตเตอรี่ออกโดยเริ่มจากการขันที่บริเวณขั้วลบของแบตเตอรี่ก่อน
• ขันนอตบริเวณขั้วบวกของแบตเตอรี่ออก
• ทำการยกแบตเตอรี่อันเก่าออก
• ทำการใส่แบตเตอรี่อันใหม่เข้าไปแทนที่
• ทำการขันนอตขั้วบวกและขั้วลบเข้ากับแบตเตอรี่
• ปิดฝาครอบจากนั้นขันสกรูยึดเข้าตามเดิมเป็นอันเสร็จสิ้น
  
  

เพียงเท่านี้ก็สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ที่บ้านได้แล้ว แต่สำหรับใครที่ไม่มั่นใจหรือไม่เคยลองทำมาก่อนก็ขอแนะนำว่าให้นำไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเปลี่ยนให้ ไม่ต้องเหนื่อยเองแถมสบายใจ ว่ามีช่างผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลเปลี่ยนให้ ถูกต้อง ปลอดภัยอย่างแน่นอน