ป้ายจราจรสีเหลือง แต่ละป้ายมีความหมายว่าอย่างไร มีประเภทอะไรบ้าง
ความสำคัญของป้ายจราจรแต่ละประเภทจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งป้ายจราจรสีเหลืองโดยส่วนใหญ่แล้วจะมาในรูปแบบป้ายเตือนเป็นหลัก อีกทั้งป้ายจราจรสีเหลืองยังมีจำนวนมากที่สุดในหมวดหมู่ประเภทป้ายจราจรทั้งหมดบนท้องถนน ดังนั้นผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไป มีโอกาสพบเจอป้ายจราจรสีเหลืองได้มากสุด ใครที่เป็นมือใหม่หัดขับ แนะนำเลยว่าควรทำความเข้าใจความหมาย พร้อมอ่านข้อมูลเกี่ยวกับป้ายจราจรสีเหลืองให้ครบถ้วนจนจำได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ไว้ดีกว่า
ป้ายจราจราสีเหลือง มีกี่ประเภท
ป้ายจราจรสีเหลือง มีทั้งหมด 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ป้ายจราจรสีเหลืองแสดงตามรูป และป้ายจราจรสีเหลืองที่แสดงด้วยข้อความ ซึ่งมีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปตามความหมาย และการกำหนดให้ผู้ใช้งานได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ป้ายบังคับที่แสดงตามรูป
ป้ายจราจรสีเหลืองบังคับที่แสดงตามรูป ในหมวดหมู่ป้ายจราจรสีเหลือง เป็นป้ายที่ใช้รูป หรือสัญลักษณ์เพื่อสื่อถึงสิ่งที่ต้องการบังคับใช้ และแจ้งเตือนในช่วงระยะใกล้เคียง ว่าคุณต้องปฏิบัติอย่างไรต่อไปเมื่อกำลังเดินทางไปเจอสิ่งที่คอยอยู่ข้างหน้า เช่น ด้านหน้ามีวงเวียน, ด้านหน้ามีทางเชื่อม, ระวังถนนลื่น ฯลฯ
ป้ายที่แสดงด้วยข้อความ
ป้ายจราจรสีเหลืองที่แสดงด้วยข้อความ ถือเป็นส่วนน้อยของป้ายจราจรสีเหลือง ซึ่งจะเป็นการใช้ข้อความแสดงขึ้นบนป้าย เพื่อสื่อในสิ่งที่ต้องการแจ้งเตือน เช่น ห้ามแซง, เตือนทางลอดต่ำหรือแคบ, เตือนเข้าเขตชุมชน ฯลฯ
ป้ายจราจรสีเหลืองพบเจอได้ที่ไหนบ้าง
ป้ายจราจรสีเหลืองในประเทศไทยพบบ่อยกับเส้นทางประเภททางหลวง ทางหลวงหมายถึงถนนหลักที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองหรือเขตเมืองใหญ่ โดยมีเลขที่เริ่มต้นด้วยคำว่า "หลวง" ตัวอย่างเช่น ทางหลวงหมายเลข 1 (พิษณุโลก - นครราชสีมา - สุรินทร์บุรี) หรือทางหลวงหมายเลข 7 (กาญจนบุรี - นครปฐม - นครนายก) และอื่น ๆ ซึ่งป้ายจราจรสีเหลืองที่ติดตั้งบนทางหลวงจะมีหลายประเภท เช่น ป้ายเตือนอันตราย (ป้ายสี่เหลี่ยมเหลืองตามแบบสากล), ป้ายห้าม (ป้ายสี่เหลี่ยมเหลืองเป็นวงกลมในส่วนบน), ป้ายบอกทางเลี้ยว (ป้ายสี่เหลี่ยมเหลืองเป็นลูกศร) และอื่น ๆ โดยป้ายจราจรสีเหลืองนั้นมีหน้าที่เตือนให้ผู้ขับขี่ระวังและปฏิบัติตามกฎระเบียบจราจรที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางถนนนั้น ๆ
ป้ายจราจรสีเหลือง ความหมายแต่ละป้าย
ป้ายจราจรสีเหลือง ความหมายแต่ละป้าย จะเน้นไปในเรื่องการเตือนเป็นหลัก ซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 60-70 ป้ายกันเลยทีเดียว โดยแต่ละความหมายของป้ายจราจรสีเหลืองจะแบ่งประเภทย่อยได้ดังนี้
ป้ายเตือนสีเหลืองทางโค้งลักษณะต่าง ๆ
- ป้ายเตือนทางโค้งซ้าย
- ป้ายเตือนทางโค้งขวา
- ป้ายเตือนทางโค้งกลับเริ่มซ้าย
- ป้ายเตือนทางโค้งกลับเริ่มขวา
- ป้ายเตือนทางโค้งรัศมีแคบเลี้ยวซ้าย
- ป้ายเตือนทางโค้งรัศมีแคบเลี้ยวขวา
- ป้ายเตือนทางโค้งกลับรัศมีแคบเริ่มซ้าย
- ป้ายเตือนทางโค้งกลับรัศมีแคบเริ่มขวา
- ป้ายเตือนทางคดเคี้ยวเริ่มซ้าย
- ป้ายเตือนทางคดเคี้ยวเริ่มขวา
ป้ายเตือนสีเหลืองทางแยก
- ป้ายเตือนทางเอกตัดกัน
- ป้ายเตือนทางเอกตัดกันรูปตัววาย
- ป้ายเตือนทางเอกตัดกันรูปตัวที
- ป้ายเตือนทางโทแยกทางเอกทางซ้าย
- ป้ายเตือนทางโทแยกทางเอกทางขวา
- ป้ายเตือนทางโทแยกทางเอกเยื้องกันเริ่มซ้าย
- ป้ายเตือนทางโทแยกทางเอกเยื้องกันเริ่มขวา
- ป้ายเตือนทางโทเชื่อมทางเอกจากซ้าย
- ป้ายเตือนทางโทเชื่อมทางเอกจากขวา
- ป้ายเตือนทางโทแยกทางเอกทางซ้ายรูปตัววาย
- ป้ายเตือนทางโทแยกทางเอกทางขวารูปตัววาย
ป้ายเตือนสีเหลืองวงเวียน
- ป้ายเตือนวงเวียนข้างหน้า
ป้ายเตือนสีเหลืองช่องจราจรแคบลง
- ป้ายเตือนทางแคบลงทั้งสองด้าน
- ป้ายเตือนทางแคบด้านซ้าย
- ป้ายเตือนทางแคบด้านขวา
- ป้ายเตือนสะพานแคบข้างหน้า
ป้ายเตือนสีเหลืองช่องจราจรลดลง
- ป้ายเตือนช่องจราจรปิดด้านซ้าย
- ป้ายเตือนช่องจราจรปิดด้านขวา
ป้ายเตือนสีเหลืองเกี่ยวกับรถไฟ
- ป้ายเตือนทางข้ามทางรถไฟไม่มีเครื่องกั้นทาง
- ป้ายเตือนทางข้ามทางรถไฟมีเครื่องกั้นทาง
- ป้ายเตือนทางข้ามทางรถไฟติดทางแยก
ป้ายเตือนสีเหลืองทางลอด
- ป้ายเตือนทางแคบ
- ป้ายเตือนทางลอดต่ำ
ป้ายเตือนสีเหลืองทางลาดชัน
- ป้ายเตือนทางขึ้นลาดชัน
- ป้ายเตือนทางลงลาดชัน
- ป้ายเตือนสีเหลืองสภาพผิวถนนผิดปกติ
- ป้ายเตือนรถกระโดด
- ป้ายเตือนผิวทางขรุขระ
- ป้ายเตือนทางเป็นแอ่ง
- ป้ายเตือนถนนลื่น
- ป้ายเตือนผิวทางร่อน
- ป้ายเตือนระวังหินร่วง
ป้ายเตือนสีเหลืองเปลี่ยนช่องทางเดินรถและทางขนาน
- ป้ายเตือนออกทางขนาน
- ป้ายเตือนเข้าทางหลัก
- ป้ายเตือนเปลี่ยนช่องการเดินรถด้านซ้าย
- ป้ายเตือนเปลี่ยนช่องการเดินรถด้านขวา
- ป้ายเตือนสีเหลืองทางร่วม ทางคู่ และจุดกลับรถ
- ป้ายเตือนทางร่วมด้านซ้าย
- ป้ายเตือนทางร่วมด้านขวา
- ป้ายเตือนทางคู่ข้างหน้า
- ป้ายเตือนสิ้นสุดทางคู่
- ป้ายเตือนทางจุดกลับรถไปทางซ้าย
- ป้ายเตือนทางจุดกลับรถไปทางขวา
ป้ายเตือนสีเหลืองรถสวนทาง และไฟจราจร
- ป้ายเตือนรถสวนทางกัน
- ป้ายเตือนสัญญาณไฟจราจรข้างหน้า
- ป้ายเตือนสีเหลืองหยุด ให้ทาง และเขตสำคัญ
- ป้ายเตือนหยุดข้างหน้า
- ป้ายเตือนให้ทางข้างหน้า
- ป้ายเตือนระวังสัตว์
- ป้ายเตือนระวังเครื่องบินบิน
- ป้ายเตือนระวังอันตราย
- ป้ายเตือนเขตห้ามแซง
- ป้ายเตือนสลับกันไป
- ป้ายเตือนสีเหลืองสิ่งกีดขวาง
- ป้ายเครื่องหมายลูกศรคู่
- ป้ายเตือนแนวทาง
- ป้ายเตือนเครื่องหมายลูกศรขนาดใหญ่
- ป้ายเตือนแนวทาง
- ป้ายเตือนสิ่งกีดขวาง
ป้ายเตือนสีเหลืองแบบข้อความ
- ป้ายเตือนใช้เกียร์ต่ำ
- ป้ายเตือนเขตชุมชนลดความเร็ว
นอกเหนือจากป้ายจราจรสีเหลืองทั้งหมดที่เราต้องทำความเข้าใจแล้ว ยังมีป้ายจราจรอีกมากมายที่ผู้ใช้รถ ใช้ถนนจะต้องเรียนรู้ เพื่อที่จะสามารถปฏิบัติตามได้อย่างครบถ้วน ดังนั้นอย่าลืมหาความรู้อื่น ๆ เพิ่มเติมกันด้วย ซึ่งป้ายสีอื่น ๆ นอกจากป้ายจราจรสีเหลือง แรบบิท แคร์ ได้ทำข้อมูลเตรียมพร้อมไว้ให้อ่านอย่างครบถ้วนแล้ว
ทั้งนี้หากใครอยากเพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่ หลังจากเรียนรู้ความหมายป้ายจราจรสีเหลืองอย่างครบถ้วน แรบบิท แคร์ อยากแนะนำให้ทำประกันรถยนต์เสริมเพิ่มเติมเอาไว้ เผื่อในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นมา จะได้มีคนที่พร้อมดูแลเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง และแน่นอนว่าถ้าเลือกใช้บริการผ่านเรา คุณจะได้รับข้อเสนอสุดพิเศษ เช่น ส่วนลดสูงสุด 70%, เลือกผ่อน 0% ได้นานถึง 10 เดือน และยังมีบริการดูแลด้านอื่นอีกเพียบ หากสนใจเพียงคลิกลิงก์ประกันรถยนต์ หรือโทรติดต่อได้ที่ 1438 ตลอด 24 ชั่วโมง
ป้ายจราจรสีเหลืองมีประโยชน์ในการเคลมประกันรถยนต์อย่างไร
ป้ายจราจรสีเหลืองเป็นป้ายเตือนที่ใช้เพื่อบอกผู้ขับขี่ให้ทราบถึงสถานการณ์ที่ต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เช่น ทางโค้ง, ทางลาดชัน, ทางข้าม, ทางแยก หรือสถานการณ์อื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ การปฏิบัติตามหรือไม่ปฏิบัติตามป้ายจราจรสีเหลืองสามารถส่งผลต่อการพิจารณาความรับผิดชอบในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุและกระบวนการเคลมประกันรถยนต์ได้ดังนี้:
ประโยชน์ของป้ายจราจรสีเหลืองในการเคลมประกันรถยนต์
1. ยืนยันการปฏิบัติตามข้อบังคับและความระมัดระวัง
ป้ายจราจรสีเหลืองเป็นป้ายเตือนที่บอกให้ผู้ขับขี่ระวังในสถานการณ์ที่อาจเกิดอันตราย เช่น ป้ายเตือนทางโค้ง, ป้ายเตือนทางข้าม, ป้ายเตือนเขตก่อสร้าง เป็นต้น หากคุณปฏิบัติตามคำเตือนอย่างถูกต้อง เช่น ลดความเร็วหรือเปลี่ยนเลนตามป้ายเตือน แต่ยังเกิดอุบัติเหตุจากการกระทำของคู่กรณี การใช้ภาพถ่ายป้ายจราจรสีเหลืองและสภาพจราจรในบริเวณนั้นสามารถช่วยยืนยันว่าคุณขับขี่อย่างระมัดระวังตามคำเตือนแล้ว ซึ่งจะช่วยในการเคลมประกันได้
ตัวอย่าง : หากคุณลดความเร็วตามป้ายเตือนทางโค้ง แต่เกิดอุบัติเหตุเพราะรถคันอื่นขับมาด้วยความเร็วสูง ป้ายเตือนสีเหลืองนี้จะช่วยยืนยันว่าคุณปฏิบัติตามข้อแนะนำอย่างถูกต้อง
2. พิสูจน์ความประมาทของคู่กรณี
หากคู่กรณีไม่ปฏิบัติตามป้ายเตือนและเกิดอุบัติเหตุ เช่น ไม่ลดความเร็วในบริเวณที่มีป้ายเตือนห้ามแซงหรือป้ายเตือนระวังทางโค้ง แล้วเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ที่ประมาท การใช้ป้ายเตือนเหล่านี้เป็นหลักฐานจะช่วยพิสูจน์ว่าคู่กรณีเป็นฝ่ายผิดและประมาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเคลมประกันของคุณได้
ตัวอย่าง : หากคู่กรณีแซงในบริเวณที่มีป้ายเตือนห้ามแซงและชนเข้ากับรถของคุณ การถ่ายภาพป้ายเตือนห้ามแซงจะช่วยพิสูจน์ว่าคู่กรณีไม่ปฏิบัติตามป้ายเตือนและเป็นฝ่ายผิด
3. สนับสนุนการเจรจาและไกล่เกลี่ย
ในกรณีที่มีข้อพิพาทหรือการโต้แย้งเกี่ยวกับการขับขี่ เช่น การเบรกกะทันหันหรือการเปลี่ยนเลน การมีหลักฐานที่แสดงป้ายเตือนสีเหลืองในบริเวณที่เกิดเหตุจะช่วยในการเจรจาและไกล่เกลี่ยได้ โดยแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นต้องการความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ตัวอย่าง : หากคุณเบรกกะทันหันในบริเวณที่มีป้ายเตือน “ระวังสัตว์ข้ามถนน” หรือ “ระวังเด็ก” แล้วเกิดอุบัติเหตุจากการที่คู่กรณีขับตามมาด้วยความเร็ว การมีหลักฐานป้ายเตือนจะช่วยอธิบายเหตุผลที่คุณต้องเบรกและช่วยลดความผิดของคุณในการเกิดอุบัติเหตุ
4. ช่วยลดความรับผิดชอบในกรณีที่ปฏิบัติตามคำเตือนอย่างถูกต้อง
หากเกิดอุบัติเหตุในสถานการณ์ที่คุณปฏิบัติตามคำเตือนในป้ายจราจรสีเหลือง เช่น ลดความเร็วหรือระมัดระวังในเขตก่อสร้าง การมีหลักฐานที่แสดงว่าคุณปฏิบัติตามคำเตือนอย่างถูกต้องจะช่วยลดความรับผิดชอบของคุณในการเกิดอุบัติเหตุ และช่วยให้การเคลมประกันเป็นไปอย่างราบรื่น
ตัวอย่าง : หากคุณขับผ่านบริเวณที่มีป้ายเตือนเขตก่อสร้างและลดความเร็วตามที่ป้ายระบุ แต่เกิดอุบัติเหตุจากการที่รถคันอื่นขับฝ่ามาด้วยความเร็ว การมีหลักฐานป้ายเตือนจะช่วยยืนยันว่าคุณปฏิบัติตามข้อแนะนำแล้ว
5. สนับสนุนการอ้างอิงตำแหน่งและสถานการณ์ที่เกิดเหตุ
ป้ายเตือนสีเหลืองสามารถใช้เพื่อระบุตำแหน่งที่เกิดเหตุและสภาพจราจรในขณะนั้นได้ เช่น การมีป้ายเตือน “เขตทางแยก” หรือ “ระวังคนข้ามถนน” จะช่วยสนับสนุนคำอธิบายของคุณเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดเหตุและเพิ่มน้ำหนักให้กับการเคลมประกัน
ตัวอย่าง : หากเกิดอุบัติเหตุในบริเวณที่มีทางแยกซับซ้อนและคุณชะลอความเร็วตามป้ายเตือน “ระวังทางแยก” แต่เกิดอุบัติเหตุจากการที่รถคันอื่นขับเร็วเกินไป การมีภาพถ่ายป้ายเตือนจะช่วยสนับสนุนคำอธิบายของคุณได้
การเก็บหลักฐานจากป้ายจราจรสีเหลือง
ถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอป้ายจราจรสีเหลืองในบริเวณที่เกิดเหตุ รวมถึงภาพมุมกว้างที่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างป้ายและตำแหน่งที่เกิดเหตุ รวมทั้งตรวจสอบว่าสัญลักษณ์หรือข้อความในป้ายชัดเจนและเข้าใจได้ง่าย เพื่อช่วยในการอธิบายสถานการณ์ที่เกิดเหตุได้ชัดเจนมากขึ้น
ป้ายจราจรสีเหลืองมีประโยชน์ในการเคลมประกันรถยนต์เพราะช่วยยืนยันว่าคุณปฏิบัติตามคำเตือนและข้อแนะนำบนท้องถนนอย่างถูกต้อง และสามารถพิสูจน์ความประมาทหรือการไม่ปฏิบัติตามป้ายเตือนของคู่กรณีได้ ซึ่งช่วยให้กระบวนการเคลมประกันเป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ความคุ้มครองประกันรถยนต์