บำเหน็จ บำนาญ จะบริหารอย่างไร?
การได้รับบำเหน็จหรือบำนาญหลังเกษียณอายุการทำงานนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะเงินจำนวนนี้จะช่วยให้เรามีรายได้ประจำหรือเงินก้อนไว้ใช้ในการลงทุนหรือใช้สำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆในการใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุการทำงาน อีกมุมมองหนึ่งการได้รับบำเหน็จบำนาญเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการทำงาน มีความมั่นคงหลังเกษียณ
บำเหน็จ บำนาญ คืออะไร?
บำเหน็จ หมายถึง เงินตอบแทนที่ได้จากความชอบที่ได้รับราชการมา ซึ่งจะได้รับเป็นเงินก้อน ครั้งเดียว
บำนาญ หมายถึง เงินตอบแทนที่ได้จากความชอบที่ได้รับราชการมา ซึ่งจะได้รับเป็นรายเดือน
ใครบ้างที่ได้รับสิทธิ์บำเหน็จ บำนาญ
ผู้ที่เป็นข้าราชการตามกฎหมายรับเงินเดือนจากงบประมาณรายจ่ายประเภทบุคลากร และไม่เป็นบุคคลที่ต้องห้ามได้รับสิทธิ์บำเหน็จบำนาญ หรือผู้มีสิทธิ์ได้รับสิทธิข้าราชการด้วยเหตุตามมาตรา ดังนี้
- เหตุทดแทน (มาตรา 11)
เงินที่มอบให้แก่ข้าราชการที่ทางราชการสั่งให้ออกจากราชการ เลิก ยุบ ยกเลิกตำแหน่ง มีคำสั่งให้ออกโดยไม่ได้กระทำความผิด ออกจากราชการตามบัญญัติในรัฐธรรมนูญหรือทหารออกจากกองหนุนเบี้ยหวัด
- เหตุทุพพลภาพ (มาตรา 12)
เงินที่มอบให้แก่ข้าราชการที่เกิดการเจ็บป่วยทุพพลภาพ ซึ่งแพทย์ทางราชการลงความเห็นว่าไม่สามารถรับราชการในตำแหน่งงานดังกล่าวต่อไปได้
- เหตุสูงอายุ (มาตรา 13)
เงินที่มอบให้แก่ข้าราชการที่อายุครบ 60 ปี บริบูรณ์ หากอายุ 55 ปี สามารถแจ้งความประสงค์ลาออกจากราชการให้ผู้มีอำนาจสั่งอนุญาตให้ออกเพื่อรับสิทธิ์ข้าราชการบำเหน็จบำนาญ
- เหตุรับราชการนาน (มาตรา 14)
เงินที่มอบให้แก่ข้าราชการที่มีอายุการทำงานครบ 30 ปี บริบูรณ์ มีสิทธิ์เลือกรับบำเหน็จหรือบำนาญก็ได้
- ข้าราชการที่มีเวลาราชการตั้งแต่ 1 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปแต่ไม่ถึง 10 ปีบริบูรณ์ มีสิทธิ์รับบำเหน็จ
- ข้าราชการที่มีเวลาราชการตั้งแต่ 10 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีสิทธิ์รับบำนาญ
- ผู้มีสิทธิ์รับบำนาญสามารถขอเปลี่ยนเป็นบำเหน็จได้
การนับเวลาและการคำนวณเงินบำเหน็จบำนาญ
การนับเวลา
เริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่ได้รับเงินงบประมาณประเภทเงินเดือนตามมาตรา ม.23
กรณีเกษียณอายุ ทุพพลภาพ ทดแทน หรือรับราชการนาน
- ข้าราชการที่มีเวลาราชการตั้งแต่ 1 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปแต่ไม่ถึง 10 ปีบริบูรณ์ มีสิทธิ์รับบำเหน็จ
- ข้าราชการที่มีเวลาราชการตั้งแต่ 10 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีสิทธิ์เลือกรับบำเหน็จหรือบำนาญ
- ข้าราชการที่มีเวลาราชการตั้งแต่ 25 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีสิทธิ์เลือกรับบำเหน็จหรือบำนาญ
กรณีลาออกจากราชการ
- ข้าราชการที่มีเวลาราชการตั้งแต่ 10 ปี แต่ไม่เกิน 25 ปี มีสิทธิ์รับบำเหน็จ
- ข้าราชการที่มีเวลาราชการตั้งแต่ 10 ปี แต่ไม่เกิน 25 ปี มีสิทธิ์รับบำเหน็จ
- ข้าราชการที่มีเวลาราชการตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป มีสิทธิ์เลือกรับบำเหน็จหรือบำนาญ
- ผู้มีสิทธิ์รับบำนาญสามารถขอเปลี่ยนเป็นบำเหน็จได้
การคำนวณเงินบำเหน็จบำนาญ
1. กรณีไม่ได้เป็นสมาชิก กบข. (พ.ร.บ. 2494)
- บำเหน็จ
วิธีคำนวณเงินบำเหน็จ = (เงินเดือนเดือนสุดท้าย x ระยะเวลาการรับราชการ ปี )
ตัวอย่าง
สถาพร ลาออกจากราชการ โดยได้รับเงินเดือนเดือนสุดท้าย 28,000 บาท มีระยะเวลาการทำงาน 30 ปี
28,000 x 30 = 840,000 บาท - บำนาญ
วิธีคำนวณเงินบำนาญ = (เงินเดือนเดือนสุดท้าย x ระยะเวลาการรับราชการ ปี) / 50
ตัวอย่าง
สถาพร ลาออกจากราชการ โดยได้รับเงินเดือนเดือนสุดท้าย 28,000 บาท มีระยะเวลาการทำงาน 30 ปี
(28,000 x 30)/50 = 16,800 บาท/เดือน
กรณีระยะเวลาการรับราชการมีเศษเกิน 6 เดือน ให้นับเป็น 1 ปี เช่น ระยะเวลาการทำงาน 30 ปี 7 เดือน ให้นับเป็น 31 ปี
2. กรณีเป็นสมาชิก กบข. (พ.ร.บ.กองทุน 2439)
บำเหน็จ
วิธีคำนวณเงินบำเหน็จ = (เงินเดือนเดือนสุดท้าย x ระยะเวลาการรับราชการ)
ตัวอย่าง
สถาพร ลาออกจากราชการ โดยได้รับเงินเดือนเดือนสุดท้าย 28,000 บาท มีระยะเวลาการทำงาน 30 ปี
28,000 x 30 = 840,000 บาทบำนาญ
วิธีคำนวณเงินบำนาญ = (เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย x ระยะเวลาการรับราชการ ) / 50
ตัวอย่าง
สถาพร ลาออกจากราชการ โดยได้รับเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย 25,000 บาท มีระยะเวลาการทำงาน 30 ปี (เงินเดือนเฉลี่ยแล้วต้องไม่เกิน 70% ของเงินเดือนทั้งหมด)
(25,000 x 30)/50 = 15,000 บาท/เดือน
กรณีระยะเวลาการรับราชการมีเศษเกิน 6 เดือน ให้นำจำนวนเดือนหารด้วย 12 และเศษวันให้นำจำนวนวันหารด้วย 365 เช่น ระยะเวลาการทำงาน 30 ปี 6 เดือน 14 วัน
30 + (6/12) + (14/365) = 30.53 ปี
บำนาญพิเศษ คืออะไร
บำนาญพิเศษ คือ เงินที่จ่ายให้ข้าราชการผู้ที่ประสบเหตุตามมาตรา ม.37 - 38 ซึ่งได้รับอันตรายเกิดทุพพลภาพ ทำให้ไม่สามารถรับราชการต่อได้ หรือข้าราชการที่ถึงแก่ความตายโดยผู้ที่ได้ คือ ทายาท จะได้รับบำนาญประเภทพิเศษแทน
สิทธิประโยชน์ในการเลือกรับบำนาญ
- ได้รับเงินเป็นรายเดือน ตลอดชีวิต หรือจนหมดสิทธิ์ในการรับบำนาญ
- สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตลอดชีวิต และบุคคลอื่นๆภายในครอบครัวก็สามารถใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลฟรีเหมือนกัน เช่น บิดามารดา ภรรยา ยกเว้น บุตร สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ถึงอายุ 20 ปีเท่านั้น
- ได้รับเงินช่วยเหลือพิเศษ
- รัฐบาลช่วยออกค่าเล่าเรียนบุตรจนอายุครบ 25 ปี หรือการศึกษาไม่ต่ำกว่าอนุปริญญา
- มีสิทธิ์ได้รับบำเหน็จตกทอด ทายาทหรือบุคคลที่ผู้รับบำนาญแสดงเจตนาเมื่อผู้รับบำนาญถึงแก่กรรม
- สามารถยื่นเรื่องขอรับพระราชทานเพลิงศพไปยังกรมได้
บำนาญพิเศษกรณีทุพพลภาพ
- ทุพพลภาพทั่วไป ได้รับบำนาญพิเศษอัตรา 5 - 20% ใน 50% ของเงินเดือนสุดท้าย
- ผู้ที่ปฏิบัติราชการหน้าที่ดัง ต่อไปนี้ ปฏิบัติราชการโดยอากาศยาน เรือดำน้ำ ดำน้ำ กวาดทุ่นระเบิด หรือขุด ทำลาย ประกอบวัตถุระเบิด จะได้รับบำนาญพิเศษในอัตรา 50% ของเงินเดือนเดือนสุดท้าย
- หาปฏิบัติหน้าที่ตามกระทรวงกลาโหมกำหนด เช่น การรบ การสงคราม หรือปราบปรามจลาจล ได้รับบำนาญพิเศษอัตรา 30% ใน 50% ของเงินเดือนเดือนสุดท้าย
- ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่และได้รับอันตรายถึงทุพพลภาพ แม้ยังไม่ได้รับสิทธิ์บำนาญปกติ เมื่อทุพพลภาพสามารถได้รับบำนาญปกติบวกกับบำนาญพิเศษได้
บำนาญพิเศษกรณีถึงแก่ความตาย
- กรณีถึงแก่ความตายทั่วไป ได้รับบำนาญพิเศษอัตรา 50% ของเงินเดือนเดือนสุดท้าย
- ผู้ที่ปฏิบัติราชการหน้าที่ดัง ต่อไปนี้ ปฏิบัติราชการโดยอากาศยาน เรือดำน้ำ ดำน้ำ กวาดทุ่นระเบิด หรือขุด ทำลาย ประกอบวัตถุระเบิด หรือปฏิบัติหน้าที่ตามกระทรวงกลาโหมกำหนด เช่น การรบ การสงคราม ปราบปรามจลาจล จะได้รับบำนาญพิเศษในอัตรา 40% ใน 50% ของเงินเดือนเดือนสุดท้าย
บำเหน็จตกทอด
คือ เงินที่จ่ายให้กับทายาทเมื่อผู้ปฏิบัติข้าราชการเสียชีวิต เป็นจำนวนเงิน 30 เท่าของเงินเดือน สามารถแบ่งได้ดังนี้
- บุตร ได้รับ 2 ส่วน
- สามี หรือภรรยา ได้รับ 1 ส่วน
- บิดา หรือมารดา ที่มีชีวิตอยู่ได้รับ 1 ส่วน
เทคนิคการบริหารเงินหลังเกษียณ
- มีเงินออมอย่างน้อย 2 -6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เพื่อทำให้เรามีสภาพคล่องทางการเงินในการใช้ชีวิตประจำวัน และเงินสำรองในกรณีฉุกเฉิน
- แบ่งเงินจำนวนหนึ่งฝากประจำ เป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและเพิ่มผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากประจำอีกด้วย เพราะการฝากเงินประจำได้อัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่าการฝากเงินแบบออมทรัพย์
- นำเงินไปลงทุนในการซื้อธนบัตรเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะยาว
- การลงทุนด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำ มีโอกาสได้ผลตอบแทนและยังสามารถใช้ในการออมเงินได้อีกด้วย เช่น การซื้อสลากออมสิน สลากออมทรัพย์ กองทุนรวม หุ้นกู้ของสถาบันการเงินต่างๆ หากต้องการลงทุน ควรแบ่งเงิน 15% ของเงินออมและเงินลงทุน เนื่องจากทุกการลงทุนมีความเสี่ยง
การทำประกันรูปแบบบำนาญ
หากใครที่ไม่ได้รับราชการก็สามารถวางแผนการเงินเมื่อเกษียณอายุการทำงานได้โดยการทำประกันรูปแบบบำนาญประกันประเภทนี้ทำขึ้นเพื่อให้ผู้เอาประกันได้รับการคุ้มครองเมื่อเข้าสู้วัยเกษียณอายุที่ไม่สามารถทำงานได้แล้ว โดยประกันรูปแบบนี้ต้องชำระเบี้ยประกันชีวิตเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งควรวางแผนการทำก่อนการเกษียณในระยะยาวเพื่อสะสมเงินดังกล่าวไว้ใช้ในยามเกษียณ โดยเงื่อนไขการชำระเบี้ยประกันจะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่กรมธรรม์ที่เราเลือกทำ เช่น
- ชำระเบี้ยประกันชีวิตจนกว่าจะถึงอายุเกษียณ
- ชำระเบี้ยประกันชีวิตเป็นระยะเวลาแบบปรับตัวตามอัตราดอกเบี้ย
- ชำระเบี้ยประกันชีวิตเป็นระยะเวลาที่กำหนดกับทางประกัน เช่น 5, 10, 15, 20 ปี
เป็นอย่างไรกันบ้างหลายคนคงเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างบำเหน็จและบำนาญกันแล้วใช่ไหม วางแผนการใช้ชีวิตหลังเกษียณของตัวเองให้ดีว่าหลังจากเกษียณแล้วเราอยากทำอะไร อยากเอาเงินไปลงทุนในด้านไหนให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดจากนั้นก็วิเคราะห์กันเลยว่าเราจะเลือกรับบำเหน็จหรือบำนาญดีเพราะของดีของการรับเงินเกษียณอายุทั้งสองมีข้อแตกต่างกันออกไป แต่สำหรับใครที่ไม่รู้จะวางแผนการเงินหลังเกษียณอย่างไรให้เรา แรบบิท แคร์ ช่วยคัดสรรแผนการเงินหลังเกษียณอายุให้กับคุณด้วยประกันชีวิตหลังเกษียณที่จะวางแผนการเงินหลังเกษียณอายุให้คุณและสิทธิพิเศษต่างๆที่คุณจะได้รับอีกมากมาย
ประกันชีวิตที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ