ชาวต่างชาติซื้อรถในไทยได้ไหม และมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?

คนต่างชาติสามารถซื้อรถในประเทศไทยได้ตามปกติ เพียงแต่จะต้องมีคุณสมบัติเพิ่มเติม ดังนี้

• เป็นผู้ถือวีซ่าประเภท Non-Immigrant ได้แก่ Non-B visa, Non-O visa as Marriage เป็นต้น
• หากถือวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวระยะสั้น เช่น Tourist visa, ผ.30, ผผ.60, ผผ.90 จะไม่สามารถซื้อขายรถมอเตอร์ไซต์หรือรถยนต์ในประเทศไทยได้

ชาวต่างชาติสามารถซื้อรถในประเทศไทยได้ เพียงแค่เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนดังต่อไปนี้

• หนังสือเดินทาง (Passport) ทั้งตัวจริงและตัวสำเนา
• สำเนา VISA ประเภท Non-Immigrant หรือวีซ่าประเภทอยู่แบบชั่วคราว
• สำเนาใบอนุญาตให้ทำงาน (Work Permit) หรือหนังสือรับรองการมีถิ่นที่อยู่อาศัย โดยสำนักตรวจคนเข้าเมือง
• ใบรับรองของที่อยู่อาศัยจากสถานเอกอัครราชทูต ซึ่งในส่วนนี้อาจจะต้องใช้เอกสารเพิ่มเติมในการขอใบรับรองด้วย ยกตัวอย่างเช่น ใบรับรองการเช่าบ้านหรือคอนโด สำเนาหนังสือเดินทาง หรือสำเนาวีซ่า เป็นต้น
• แบบฟอร์มแจ้งโอนของกรมการขนส่งทางบก
  
  

และหลังจากที่ผู้ซื้อชาวต่างชาติได้ดำเนินการตามขั้นตอนซื้อขายเสร็จเรียบร้อยแล้ว กรมการขนส่งทางบกก็จะมอบทะเบียนสีแดง (แบบชั่วคราว) มาให้ได้ใช้ก่อน แล้วหลังจากนั้นไม่เกิน 6 สัปดาห์ จึงจะได้รับป้ายทะเบียนสีขาว (แบบปกติ) มาใช้ตามปกติ พร้อมทั้งจะได้รับสติกเกอร์ยืนยันว่าได้มีการจ่ายภาษีรถยนต์เรียบร้อยแล้ว

การโอนรถยนต์หรือโอนกรรมสิทธิ์นั้นมีทั้งหมด 2 ประเภท คือ การโอนตรง และการโอนลอย โดยจะมีขั้นตอนในการดำเนินการที่ต่างกัน ดังต่อไปนี้

1. การโอนตรง เป็นการโอนรถที่เจ้าของเก่าและเจ้าของใหม่นั้นเดินทางไปติดต่อขอทำเรื่องโอนรถกับนายทะเบียนที่สำนักงานขนส่งโดยตรง ซึ่งรถยนต์คันที่ต้องการจะโอนเปลี่ยนเจ้าของนั้นจะต้องมีสภาพที่ตรงตามข้อมูลในใบคู่มือจดทะเบียนรถด้วย แต่ถ้าหากว่ามีข้อมูลที่ไม่ตรง ก็จำเป็นที่จะต้องกลับไปแก้ไขข้อมูลให้เรียบร้อยและตรงตามสภาพที่แท้จริงก่อน เว้นแต่ในกรณีที่ต้องการจะโอนเปลี่ยนเจ้าของจากผู้ให้เช่าไปยังผู้เช่าซื้อ ให้เป็นผู้ครอบครองรถตามรายการจดทะเบียน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องนำรถไปตรวจสภาพก่อนนั่นเอง
2. การโอนลอย เป็นการโอนรถโดยเจ้าของเดิม (ผู้ขายรถ) ทำการมอบเอกสารโอนรถให้กับเจ้าของคนใหม่ (ผู้ซื้อรถ) ให้ไปดำเนินการเองหลังจากที่ได้จบการซื้อขายกันไปเรียบร้อยแล้ว โดยที่ผู้ขายนั้นจะต้องทำการลงลายมือชื่อกำกับไว้ที่เอกสารให้ครบถ้วน

<a href="https://www.mikecar.co.th/article/detail/376"rel="nofollow,noopener,noreferrer">จากข้อมูลในเว็บไซต์ของ MikeCar ได้กล่าวถึงเรื่องการโอนรถของชาวต่างชาติไว้ว่า สามารถโอนรถได้ตามปกติ เพียงแต่การโอนกรรมสิทธิ์รถหรือการโอนเปลี่ยนเจ้าของนั้น ทางผู้โอนและผู้รับโอนจะต้องแจ้งต่อนายทะเบียนให้ทราบภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่โอนรถ

1. หลักฐานประจำตัวของเจ้าของรถ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล เป็นต้น (ในกรณีที่เป็นชาวต่างชาติ ให้ใช้ภาพถ่าย PASSPORT, VISA หนังสือรับรองถิ่นที่อยู่ หรือหนังสือรับรองการทำงาน เป็นต้น)
2. หลักฐานในการได้มาของรถ เช่น สัญญาเช่าซื้อ ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี เป็นต้น
3. หนังสือแจ้งการจำหน่ายจากทางบริษัทของผู้ผลิต
4. กรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พรบ.) ที่ยังไม่หมดอายุ
5. หนังสือมอบอำนาจ (ในกรณีที่เจ้าของรถไม่ได้มาดำเนินการด้วยตนเอง) พร้อมทั้งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ และของผู้รับมอบอำนาจ

1. ใช้แบบคำขอจดทะเบียนรถใหม่ แล้วยื่นคำขอจดทะเบียนพร้อมหลักฐานที่เตรียมไว้
2. นำรถเข้าไปตรวจสภาพที่สำนักงานขนส่ง
3. ชำระค่าธรรมเนียมและค่าภาษีประจำปีให้เรียบร้อย
4. รับใบคู่มือจดทะเบียนรถ เครื่องหมายเสียภาษี และแผ่นป้าย เป็นอันจบขั้นตอน

• ค่าคำขอฉบับละ 5 บาท
• ค่าตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ ฉบับละ 10 บาท
• ค่าตรวจสภาพรถยนต์(รย.) ฉบับละ 50 บาท
• ค่าแผ่นป้ายทะเบียนรถ แผ่นละ 100 บาท
• ใบคู่มือจดทะเบียนรถ ฉบับละ 100 บาท
• ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (ในกรณีที่ทะเบียนบ้านอยู่ต่างจังหวัด) ฉบับละ 20 บาท
• ค่าภาษีตามชนิดของรถที่ขอจดทะเบียน

สำหรับการโอนรถเพื่อเปลี่ยนเจ้าของนั้น ทางผู้โอนและผู้รับโอนจะต้องแจ้งต่อนายทะเบียนให้ทราบภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่โอนรถ โดยจะใช้เอกสารโอนรถประกอบคำขอ ดังนี้

1. หลักฐานประจำตัวผู้โอนและผู้รับโอน เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล เป็นต้น (กรณีที่เป็นชาวต่างชาติ ให้ใช้ภาพถ่าย PASSPORT, VISA หนังสือรับรองถิ่นที่อยู่ หรือหนังสือรับรองการทำงาน เป็นต้น)
2. หลักฐานการโอนกรรมสิทธิ์ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี หรือหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พินัยกรรม คำสั่งศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก เป็นต้น
3. ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์
4. หนังสือมอบอำนาจ (ในกรณีที่เจ้าของไม่ได้มาดำเนินการด้วยตนเอง) พร้อมทั้งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของทั้งผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจด้วย

1. กรอกรายละเอียดในแบบคำขอโอนและรับโอน ซึ่งจะมีการกรอกข้อความและลงนามในคำขอเอกสารโอนรถ
2. จากนั้นให้ยื่นคำร้องขอโอนทะเบียนรถ เพื่อเปลี่ยนเจ้าของรถพร้อมหลักฐานที่ได้เตรียมเอาไว้
3. นำรถเข้าไปตรวจสอบหรือตรวจสภาพ
4. ชำระค่าธรรมเนียมให้เรียบร้อย
5. รับใบคู่มือจดทะเบียนรถคืน เป็นอันจบขั้นตอน

• มีค่าธรรมเนียมคำขอ ฉบับละ 5 บาท
• มีค่าโอนทะเบียนรถ ฉบับละ 100 บาท
• มีค่าธรรมเนียมอากร (แล้วแต่กรณี)

คนต่างชาติสามารถผ่อนรถในประเทศไทยได้ไหม?

สามารถผ่อนได้ เพียงแต่จะต้องมีใบอนุญาตทำงานในไทย รวมไปถึงมีผู้ค้ำประกันที่เป็นคนสัญญาติไทยด้วย และจะต้องใช้เอกสารดังต่อไปนี้

เอกสารสำหรับคนต่างชาติ

• หนังสือเดินทาง (Passport)
• วีซ่า (VISA)
• ใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย (Work Permit) หนังสือรับรองถิ่นที่อยู่ สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองบริษัท
• ต้องมีอายุการทำงาน 1 ปีขึ้นไป
• สำเนาสมุดบัญชีย้อนหลัง 6 เดือนขึ้นไป ที่เป็นของธนาคารในประเทศไทย
  
  

เอกสารสำหรับผู้ค้ำประกัน

• สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
• สำเนาทะเบียนบ้าน
• สำเนาสมุดบัญชีย้อนหลัง 3-6 เดือน ที่เป็นของธนาคารในประเทศไทย
• สลิปเงินเดือน หรือเอกสารทางด้านรายได้เพิ่มเติม
  
  

สามารถซื้อรถจากต่างประเทศแล้วนำเข้ามาที่ประเทศไทยได้ไหม?

สำหรับการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศแล้วเข้ามาในเมืองไทยนั้นสามารถ “ทำได้” แต่เพื่อเป็นการป้องกันการลักลอบนำเข้ารถยนต์แบบผิดกฎหมาย ทางกระทรวงพาณิชย์จึงได้ทำการยกร่าง ครม.เพื่อทำการควบคุมรถยนต์นำเข้า ป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อม และป้องกันการฟอกเงิน ซึ่ง ครม.ดังกล่าวได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา ดังนั้นถ้าหากต้องการจะนำเข้ารถยนต์ที่ใช้แล้วเพื่อนำมาใช้เอง ก็จำเป็นที่จะต้องศึกษาข้อกฎหมายและปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในเรื่องของการขออนุญาต และการขอจดทะเบียนนำเข้ารถยนต์ตามกฎหมาย

ควรเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนดี เพื่อรับความคุ้มครองเพิ่มเติม?

ถ้าหากว่าเป็นรถยนต์ที่เรานั้นใช้ในชีวิตประจำวัน มีการใช้งานเป็นประจำอยู่แล้ว หรือสำหรับรถยนต์คันใหม่ป้ายแดงนั้น การเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก เพราะว่านอกจากจะได้รับความคุ้มครองครอบคลุมสูงสุด ทั้งในแบบที่มีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็ตาม รถยนต์สูญหาย รถยนต์ไฟไหม้ รถยนต์น้ำท่วม หรืออะไรก็ตาม ก็จะได้รับความคุ้มครองทุกกรณีแบบครอบคลุมทั้งหมด เรียกได้ว่าคุ้มค่า คุ้มราคากับเงินที่เสียไปอย่างแน่นอน

ซื้อประกันรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

เพราะนอกจากเราจะสามารถเลือกแผนประกันภัยที่มีเบี้ยประกันราคาถูกที่สุด ตอบโจทย์ทุกความต้องการของเรา แรบบิท แคร์ ยังช่วยดูแลคุณแบบ Exclusive ทั้งในเรื่องของบริการหลังการขายตลอด 24 ชั่วโมง และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคุณในทุกความกังวล ซึ่งรับรองได้เลยว่าการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์กับแรบบิท แคร์ นั้นจะคุ้มค่าแน่นอน ทั้งซื้อง่าย ได้กรมธรรม์เร็ว มีส่วนลดพิเศษต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งยังช่วยติดตามประสานงานเคลมของคุณให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เพราะฉะนั้นลูกค้าจึงสามารถที่จะมั่นใจได้เลยว่าจะไม่ผิดหวัง ถ้าหากเลือกทำประกันภัยรถยนต์กับแรบบิท แคร์