โรคที่ประกันสุขภาพไม่คุ้มครองมีอะไรบ้าง และทำไมถึงไม่คุ้มครอง?
ประกันสุขภาพคืออะไร?
จากข้อมูลในเว็บไซต์ของอาคเนย์ประกันชีวิต ได้พูดถึงความหมายของประกันสุขภาพไว้ว่า ประกันสุขภาพ (Health insurance) นั้นเป็นการประกันภัยที่จะให้ความคุ้มครองในส่วนของค่ารักษาพยาบาลเมื่อถึงยามจำเป็น และไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บเนื่องจากอุบัติเหตุ หรือการเจ็บป่วยที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งแบบรับยาแล้วกลับบ้าน ไปจนถึงการนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
1. ประกันสุขภาพกลุ่ม (Group Health Insurance)
เป็นประกันสุขภาพที่ทางบริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ นั้นนิยมทำให้กับพนักงานหรือบุคลากรภายในองค์กร เพื่อใช้มอบเป็นสวัสดิการคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและใช้เป็นหลักประกันให้แก่พนักงานได้ โดยจะอยู่ภายใต้กรมธรรม์เดียวกัน ซึ่งความคุ้มครองก็จะมีความแตกต่างกันไป และจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ขององค์กรนั้น ๆ โดยข้อดีของประกันสุขภาพประเภทนี้ก็จะเป็น “ค่าเบี้ยประกันต่อคน” ที่อยู่ในอัตราต่ำ เนื่องจากว่าเป็นการคำนวณเบี้ยประกันเฉลี่ยที่ออกมาเป็นอัตราเดียวทั้งหมด และจะถูกใช้กับทุกคนในกลุ่มนั่นเอง จึงทำให้ค่าเบี้ยประกันโดยรวมนั้นต่ำกว่าประกันสุขภาพแบบรายบุคคล
2. ประกันสุขภาพส่วนบุคคล (Individual Health Insurance)
เป็นประกันสุขภาพที่ทำขึ้นมาเพื่อคุ้มครองผู้เอาประกันรายบุคคลเท่านั้น โดยจะสามารถเลือกและกำหนดได้ตามความต้องการของในแต่ละบุคคล เพื่อจัดการให้เหมาะตามความเสี่ยง ดังนั้นประกันสุขภาพประเภทนี้จึงมีข้อดีในด้านของความมีอิสระ เนื่องจากว่าจะสามารถเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมกับตนเองได้ ส่วนค่าเบี้ยประกันก็จะคำนวณตามอายุและเพศของผู้เอาประกันคนนั้น ๆ
โรคที่ประกันสุขภาพไม่คุ้มครอง 2566 มีอะไรบ้าง?
สำหรับโรคที่ประกันสุขภาพไม่คุ้มครองนั้นจะมีรายการดังต่อไปนี้
- โรคที่เกิดจากการแปลงเพศ
- โรคที่ตรวจพบก่อนการทำประกันสุขภาพ
- การนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยไม่มีอาการเจ็บป่วยที่ชัดเจนหรือรุนแรง
- โรคเรื้อรัง และมีภาวะโรคแทรกซ้อน
- การติดสุราเรื้อรัง และสารเสพติดทุกชนิด
- มีความบกพร่องมาตั้งแต่กำเนิด หรือเป็นโรคทางพันธุกรรม
- การรักษากับแพทย์ทางเลือก เช่น การฝังเข็ม การนวดกดจุด เป็นต้น
- การตรวจสุขภาพเพื่อค้นหาโรค
- การฉีดวัคซีนป้องกันโรค (ยกเว้นโรคพิษสุนัขบ้า และวัคซีนป้องกันบาดทะยัก)
- การตรวจสายตา
- การรักษาเพื่อชะลอความเสื่อมของวัย
- การเข้ารับการรักษาโดยที่ไม่ได้มีคำสั่งมาจากแพทย์
- อุปกรณ์สำหรับการเคลื่อนไหว เช่น ไม้เท้า รถเข็น เป็นต้น
- การรักษาในระยะทดลอง
- การตรวจรักษาจากการได้ยิน
- การรักษาภายในช่องปาก
- การผ่าตัดอวัยวะ
- ค่าบริการที่มีการเรียกเก็บล่วงหน้า
- การรักษาที่เกิดจากความเครียด
โรคประจำตัว มีอะไรบ้าง?
โรคประจำตัว (congenital disease) เป็นโรคที่ติดตัวหรือโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นจึงต้องมีการให้ยาอยู่เป็นประจำ โดยโรคประจำตัวนั้นอาจจะเกิดได้ทั้งจากกรรมพันธุ์และพฤติกรรม ซึ่งโรคประจำตัวยอดนิยมของคนไทยนั้นมีมากมาย ยกตัวอย่างเช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคลมชัก ต้อหิน ต้อกระจก หัวใจเต้นผิดจังหวะ เส้นเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง โรคพาร์กินสัน โรคไตเรื้อรัง ไขข้อเสื่อม หอบหืด ตับแข็ง ปอดอักเสบเรื้อรัง ตับอักเสบเรื้อรัง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคอ้วน เป็นต้น
โรคเรื้อรังมีอะไรบ้าง?
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- โรคเบาหวาน
- โรคไขมันในเลือดสูง
โรคร้ายแรง มีอะไรบ้าง?
สำหรับโรคร้ายแรงนั้นจะประกอบไปด้วยกลุ่มโรคทั้งหมด 4 กลุ่ม ได้แก่
- 1. กลุ่มโรคมะเร็ง
- 2. กลุ่มโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ
- 3. กลุ่มโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง
- 4. กลุ่มโรคภาวะอวัยวะล้มเหลว เช่น โรคปอดระยะสุดท้าย และไตวายเรื้อรัง เป็นต้น
โรคที่ประกันสุขภาพไม่คุ้มครอง AIA มีอะไรบ้าง?
1. General Exclusion
คือ ข้อยกเว้นทั่วไปที่ประกันสุขภาพจะไม่ได้ให้ความคุ้มครอง ได้แก่
- โรคทางพันธุกรรม หรือภาวะที่เป็นผลมาจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่กำเนิด
- การผ่าตัดเพื่อเสริมสวย หรือการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อเสริมความงาม
- การตั้งครรภ์ การแท้งบุตร และการคลอดบุตร
- การรักษาความผิดปกติทางเพศ และการแปลงเพศ
- การตรวจสุขภาพทั่วไป หรือการร้องขอเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
- การตรวจรักษาความผิดปกติเกี่ยวกับสายตา และการทำเลสิก
- การตรวจรักษาหรือการผ่าตัดเกี่ยวกับฟันหรือเหงือก ยกเว้นกรณีจำเป็นที่มาจากอุบัติเหตุ (แต่จะไม่รวมค่าฟันปลอม การครอบฟัน การรักษารากฟัน หรือการใส่รากเทียม)
- การรักษาหรือการบำบัดสุรา ยาเสพติดให้โทษ หรือบุหรี่
- การตรวจรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับภาวะทางจิต โรคทางจิตเวช หรือเครียด
- การตรวจรักษาที่ยังอยู่ในระหว่างทดลอง
- การปลูกฝีหรือการฉีดวัคซีนป้องกันโรค (ยกเว้นการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และวัคซีนป้องกันบาดทะยัก)
- การตรวจรักษาที่ไม่ใช่แผนปัจจุบัน
- การฆ่าตัวตาย หรือการทำร้ายร่างกายตนเอง
- การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นขณะที่ผู้เอาประกันภัยนั้นก่ออาชญากรรม
- การได้รับบาดเจ็บจากสงครามกลางเมือง การกบฏ การจลาจล การก่อความวุ่นวาย การปฏิวัติ การรัฐประหาร การประกาศกฎอัยการศึก เป็นต้น
2. Personal Exclusion
คือ ข้อยกเว้นเฉพาะรายบุคคล เช่น คนที่เคยมีประวัติสุขภาพมาก่อนที่จะทำประกัน ก็อาจจะมีข้อยกเว้นในการรับประกันหรือเงื่อนไขในบางโรค
ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก คืออะไร?
- ผู้ป่วยใน (IPD) ย่อมาจากคำว่า In Patient Department หมายถึงผู้ป่วยที่ต้องได้รับการพักรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือผู้ป่วยที่ต้องแอดมิด
- ผู้ป่วยนอก (OPD) ย่อมาจาก Out Patient Department หมายถึงผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาโดยไม่ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
ระยะเวลารอคอยในประกันสุขภาพ คืออะไร?
ระยะเวลารอคอย (WAITING PERIOD) คือ ระยะเวลาในการป้องกันโรค หรืออาการที่อาจจะเป็นมาก่อนหน้าที่จะมีการทำประกัน เนื่องจากว่าจะมีบางโรคที่ยังไม่แสดงอาการนั่นเอง ซึ่งโรคทั่วไปนั้นจะมีระยะเวลารอคอย 30 วัน ส่วนโรคที่ใช้เวลานานกว่าจะแสดงอาการออกมานั้นจะมีระยะเวลารอคอย 120 วัน ได้แก่ โรคไส้เลื่อน โรคต้อเนื้อ โรคต้อกระจก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ การผ่าตัดต่อมทอนซิลและอดีนอยด์ เป็นต้น และในสัญญาเพิ่มเติมประเภทโรคร้ายแรงนั้นอาจจะมีระยะเวลารอคอยนานถึง 60-120 วัน
ควรเลือกทำประกันสุขภาพแบบไหนดี เพื่อรับความคุ้มครองเพิ่มเติม?
เรื่องสุขภาพถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากเป็นอันดับต้น ๆ เพราะในปัจจุบันนี้คนเราต่างใช้ชีวิตประจำวันท่ามกลางความเสี่ยงต่าง ๆ มากมาย ที่เรานั้นไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อเราเจ็บป่วยขึ้นมาเมื่อใด สิ่งสำคัญที่เราจะต้องเตรียมนั่นก็คือในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ซึ่งถ้าหากใครที่ไม่ได้มีเงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็อาจจะลำบากได้ ดังนั้นการเลือกทำประกันสุขภาพ จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะประกันสุขภาพจะช่วยรองรับความเสี่ยงด้วยวงเงินคุ้มครองด้านสุขภาพในยามฉุกเฉิน ช่วยลดภาระค่ารักษาพยาบาล สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท อีกทั้งยังช่วยคลายกังวลในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการรักษาได้อีกด้วย เจ็บป่วยเล็กน้อยก็เคลมได้
ซื้อประกันสุขภาพผ่านแรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
เมื่อซื้อประกันสุขภาพผ่านโบรกเกอร์ชั้นนำอย่างแรบบิท แคร์ คุณจะสามารถเข้าถึงความคุ้มครองได้อย่างรวดเร็วและได้รับความคุ้มครองอย่างง่าย ๆ โดยที่เบี้ยประกันนั้นมีราคาที่ถูก เพราะคุณจะได้รับแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ดีที่สุดจากการเปรียบเทียบแผนประกันสุขภาพที่หลากหลาย อีกทั้ง แรบบิท แคร์ ยังมีข้อเสนอสุดพิเศษให้คุณอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพรายปี ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ประกันสุขภาพรายเดือน ประกันสุขภาพแบบไม่ต้องสำรองจ่าย หรือประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี และนอกจากนี้ก็ยังมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย ง่ายดาย และสะดวกรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องไปเสียเวลาติดต่อตัวแทนขายประกันสุขภาพทีละบริษัทแต่อย่างใด
ประกันสุขภาพที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ
ประกันชดเชยรายได้
- ชดเชยรายได้สูงสุด 1,500 บาท/วัน มากสุด 365 วัน
- ผ่าตัดใหญ่ รับเงินก้อนสูงสุด 30,000 บาท/ครั้ง
- รับเงินปลอบขวัญสูงสุด 1,500 บาท/ครั้ง หลังออกจาก รพ.
- กรณีเสียชีวิต รับเงินก้อน สูงสุด 3 แสนบาท
- เบี้ยประกันภัย เริ่มต้นเพียง 4 บาท/วัน
- ไม่ต้องตรวจสุขภาพ
- ชำระเบี้ยสั้น 5 ปี
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย
- เหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 5 ล้านบาท/ปี
- เบี้ยประกันภัย เริ่มต้นวันละไม่เกิน 30 บาท
- รับเงินชดเชยสูงสุด 2,000 บาท/วัน
- ค่าห้อง ค่าอาหารใน รพ. สูงสุด 3,000 บาท/วัน
- สมัครได้ตั้งแต่อายุ 18 ปี - 70 ปี
- ไม่ต้องตรวจสุขภาพ
- ลดหย่อนภาษีได้
ประกันสุขภาพ
- เหมาจ่าย สูงสุด 1 ล้าน ไม่จำกัดวงเงิน
- ค่าห้อง สูงสุด 8,000 บาท/วัน รวมถึงห้องจากรพ.ในเครือ BDMS
- คุ้มครองกว่า 100 อาการ รวมโรคร้าย และ โควิด-19
- ค่ารักษาทั่วไป สูงสุด 1,500 บาท (สูงสุดไม่เกิน 30 ครั้ง/ปี)
- คุ้มครองค่าจ้างพยาบาลพิเศษ สูงสุด 1,000 บาท/วัน (สูงสุดไม่เกิน 15 วัน/ปี)
- สมัครได้ตั้งแต่ อายุ 6-65 ปี (ต่ออายุถึง 70 ปี)
- เบี้ยประกันภัยเริ่มต้น เพียง 22 บาท/วัน
ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ
- คุ้มครองผู้ป่วยใน สูงสุด 5 ล้านบาท/ครั้ง
- คุ้มครองผู้ป่วยนอก สูงสุด 2,500 บาท/วัน (เมื่อซื้อความคุ้มครองเพิ่ม)
- คุ้มครองค่าห้องผู้ป่วย สูงสุด 15,000 บาทต่อวัน (ไม่เกิน 365 วัน)
- ไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน เมื่อเข้ารักษาที่โรงพยาบาล กรุงเทพและในเครือ BDMS
- คุ้มครองการรักษา ด้วยเคมีบำบัด สูงสุด 100,000 บาท/ปี (เฉพาะผู้ป่วยนอก)
- สมัครได้ตั้งแต่อายุ 15 วัน - 65 ปี ไม่ต้องตรวจสุขภาพก่อนสมัคร