Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้

Credit Score คืออะไร? เจาะลึกคะแนนเครดิตที่ธนาคารใช้พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ

Credit Score หรือที่เรียกกันในภาษาไทยว่า “คะแนนเครดิต” คือ ค่าคะแนนตัวเลขที่สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือทางการเงินของบุคคล โดยพิจารณาจากพฤติกรรมการใช้จ่ายและชำระหนี้ในอดีต เพื่อใช้ในการประเมินความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อโดยธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ โดยทั่วไป คะแนนจะอยู่ในช่วง 300-850 ยิ่งคะแนนสูง ก็ยิ่งแสดงถึงความน่าเชื่อถือของผู้กู้มากขึ้น ทำให้มีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น อัตราดอกเบี้ยต่ำลง และวงเงินสูงขึ้น

ความแตกต่างระหว่าง Credit Score และ เครดิตบูโร

หลายคนมักสับสนระหว่าง Credit Score และ เครดิตบูโร แท้จริงแล้ว

  • เครดิตบูโร คือ หน่วยงานที่รวบรวมและจัดเก็บข้อมูลเครดิตของผู้กู้ทั้งหมด เช่น ประวัติการชำระหนี้ บัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน/รถ
  • Credit Score คือ คะแนนที่คำนวณขึ้นจากข้อมูลเครดิตของคุณ ซึ่งจัดทำโดยเครดิตบูโร หรือสถาบันที่เกี่ยวข้อง

คะแนนเครดิตบูโร คืออะไร? มีผลอย่างไรกับการขอสินเชื่อ

หน่วยงานที่ดูแลคะแนนเครดิตบูโรในประเทศไทย

ในประเทศไทย การตรวจสอบคะแนนเครดิตบูโรดำเนินการโดยบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB) ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลสินเชื่อของประชาชนจากธนาคาร สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการสินเชื่อที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย

ข้อมูลที่จัดเก็บในเครดิตบูโร

NCB จะจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ของผู้กู้ เช่น

  • ประวัติการชำระหนี้ย้อนหลัง 36 เดือน
  • วงเงินสินเชื่อที่มีอยู่
  • การค้างชำระหรือผิดนัด
  • การขอสินเชื่อล่าสุด
  • จำนวนบัญชีสินเชื่อที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ข้อมูลเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการคำนวณ Credit Score โดยตรง

เครดิตสกอริ่งทำงานอย่างไร?

ปัจจัยที่ใช้คำนวณ Credit Score

Credit Score จะคำนวณจากหลายปัจจัยหลัก เช่น

  • ประวัติการชำระเงิน 35%
  • จำนวนหนี้ที่มีอยู่ 30%
  • อายุของบัญชีเครดิต 15%
  • การเปิดบัญชีใหม่บ่อยแค่ไหน 10%
  • ประเภทของสินเชื่อที่ใช้ 10%

ระบบคะแนนและเกณฑ์ประเมิน

  • Excellent (750-850): โอกาสอนุมัติสินเชื่อสูง ดอกเบี้ยต่ำ
  • Good (700-749): มีความน่าเชื่อถือสูง
  • Fair (650-699): มีโอกาสได้รับอนุมัติ แต่ดอกเบี้ยอาจสูงขึ้น
  • Poor (600-649): มีความเสี่ยง อาจต้องมีผู้ค้ำประกัน
  • Very Poor (<600): โอกาสถูกปฏิเสธสูง

ทำไม Credit Score ถึงสำคัญ?

ส่งผลต่อการอนุมัติสินเชื่อ

เมื่อคุณยื่นขอสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน รถ หรือบัตรเครดิต ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะไม่พิจารณาแค่ "รายได้" เท่านั้น แต่จะดู “คะแนนเครดิต (Credit Score)” ควบคู่กันไปด้วย เพื่อประเมินความเสี่ยงในการปล่อยกู้ หากคะแนนเครดิตของคุณ ต่ำกว่ามาตรฐาน เช่น เคยมีประวัติค้างชำระบ่อย หรือใช้วงเงินเกินตัว แม้คุณจะมีรายได้ดี แต่ธนาคารก็อาจมองว่าคุณมีแนวโน้มจะ “ผิดนัดชำระหนี้” อีกในอนาคต ทำให้

  • โอกาส ถูกปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้น
  • อาจต้องใช้ ผู้ค้ำประกัน หรือ หลักประกันเพิ่มเติม
  • ได้รับวงเงินน้อยกว่าที่ร้องขอ
  • ถูกเรียกเก็บ ดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่า

ในบางกรณี ธนาคารอาจใช้ระบบอัตโนมัติที่ “ตัดสิทธิ์ทันที” หากคะแนนเครดิตต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้ โดยไม่แม้แต่พิจารณาข้อมูลอื่น ดังนั้น คะแนนเครดิตจึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญ ว่าคุณเป็นลูกค้าที่ “น่าให้กู้” หรือ “มีความเสี่ยง” ในมุมมองของสถาบันการเงิน

ดอกเบี้ยและวงเงิน

คะแนนเครดิตยังมีผลต่อเงื่อนไขของสินเชื่อ เช่น

  • ดอกเบี้ยต่ำลง เมื่อคะแนนดี
  • วงเงินอนุมัติสูงขึ้น เช่น สินเชื่อส่วนบุคคลหรือบัตรเครดิต
  • ระยะเวลาผ่อนนานขึ้น สำหรับสินเชื่อบ้านหรือรถยนต์

เครดิตสกอร์แต่ละธนาคารและวิธีตรวจสอบคะแนนเครดิตบูโรด้วยตัวเอง

วิธีการวิเคราะห์ของแต่ละธนาคาร

แต่ละธนาคารอาจใช้ระบบประเมินความเสี่ยงที่ต่างกัน เช่น

  • ธนาคาร A อาจให้น้ำหนักกับ “อาชีพและรายได้”
  • ธนาคาร B เน้น “ประวัติการค้างชำระย้อนหลัง 6 เดือน”

คะแนนขั้นต่ำที่ธนาคารทั่วไปต้องการ

โดยทั่วไป คะแนนเครดิตที่ “ปลอดภัย” คือ 700 ขึ้นไป แต่บางธนาคารอาจพิจารณาผู้ที่มีคะแนนเพียง 650 หากมีรายได้มั่นคง หรือมีหลักประกันที่ดี

วิธีตรวจสอบคะแนนเครดิตบูโรด้วยตัวเอง

ขั้นตอนการลงทะเบียน
การเช็คคะแนนเครดิตด้วยตัวเองนั้นสามารถทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นในปัจจุบัน โดยสามารถดำเนินการผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB) โดยมีขั้นตอนดังนี้:

  • เข้าเว็บไซต์ www.ncb.co.th
  • ลงทะเบียนด้วยหมายเลขบัตรประชาชน พร้อมแนบภาพถ่ายบัตรประชาชน
  • ยืนยันตัวตนผ่านระบบ NDID หรือแนบสำเนาเอกสารพร้อมเซ็นรับรอง
  • เลือกเมนู “ขอรายงานเครดิต” หรือ “ขอคะแนนเครดิต”
  • เลือกรูปแบบการรับข้อมูล (อีเมล/ไปรษณีย์/แอป)

เกณฑ์คะแนนเครดิต คะแนนเท่าไหร่ถึงจะ “ดี”?

คะแนนเครดิต

ระดับ

ความหมาย

800 – 850

ดีเยี่ยม

มีโอกาสได้รับอนุมัติทุกประเภท

750 – 799

ดีมาก

ได้วงเงินสูง อัตราดอกเบี้ยต่ำ

700 – 749

ดี

ผ่านเกณฑ์ธนาคารทั่วไป

650 – 699

พอใช้

ได้รับอนุมัติบางกรณี

600 – 649

ต่ำ

มีความเสี่ยง ต้องมีผู้ค้ำ

ต่ำกว่า 600

เสี่ยงสูง

โอกาสถูกปฏิเสธสูง

 

คะแนนเฉลี่ยของคนไทย

จากรายงานของเครดิตบูโรในปีที่ผ่านมา พบว่า คะแนนเฉลี่ยของผู้กู้ชาวไทยอยู่ที่ ประมาณ 680–700 คะแนน ซึ่งอยู่ในระดับ “พอใช้ถึงดี”

เคล็ดลับในการเพิ่ม Credit Score อย่างรวดเร็ว

การเพิ่มคะแนนเครดิตไม่ใช่เรื่องยาก หากเข้าใจวิธีบริหารจัดการพฤติกรรมทางการเงินอย่างถูกต้อง ต่อไปนี้คือเทคนิคที่ช่วยเพิ่มคะแนนเครดิตได้จริง

  • ชำระหนี้ตรงเวลาเสมอ: เพราะประวัติการชำระหนี้คิดเป็น 35% ของคะแนน
  • อย่าใช้วงเงินเต็มทุกเดือน: ใช้แค่ 30–50% ของวงเงินบัตรเครดิต
  • หลีกเลี่ยงการขอสินเชื่อบ่อยๆ: ระบบจะมองว่าเสี่ยง
  • อย่าเพิ่งปิดบัญชีเก่า: ยิ่งอายุบัญชียาว ยิ่งมีผลดีต่อคะแนน
  • ตรวจสอบความถูกต้องในรายงานเครดิต: หากพบข้อมูลผิด ให้แจ้งแก้ไขทันที

สิ่งที่ทำให้คะแนนเครดิตตกแบบไม่รู้ตัว

แม้คุณจะไม่เคยค้างจ่ายหนี้ก็ตาม ยังมีพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งผลเสียต่อเครดิตสกอร์ เช่น

  • เปิดบัตรใหม่หลายใบในช่วงเวลาใกล้กัน
  • ใช้วงเงินสูงเกิน 70% ของเครดิตที่มี
  • ขาดการเคลื่อนไหวในบัญชีสินเชื่อใดเลย
  • มีการเปลี่ยนงานบ่อย
  • ข้อมูลบัตรประชาชนไม่อัปเดต หรือระบบเข้าใจผิดว่า “หายตัว”

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ Credit Score ที่ควรเลิกเชื่อ

1. เช็คเครดิตบ่อยๆ ทำให้คะแนนลด?
ตอบ : ไม่จริง! การเช็คด้วยตัวเองไม่มีผลต่อคะแนน

2. ไม่มีบัตรเครดิตคือดีที่สุด?
ตอบ : ไม่มีประวัติการกู้ แปลว่าไม่มีข้อมูลให้ธนาคารวิเคราะห์ความเสี่ยง

3. ชำระหนี้ขั้นต่ำก็พอแล้ว?
ตอบ : แม้จะไม่ผิด แต่การชำระเต็มจำนวนจะทำให้คะแนนดีขึ้นเร็วกว่า

4. คะแนนจะกลับมาทันทีหลังชำระหนี้หมด?
ตอบ : ระบบจะยังบันทึกประวัติย้อนหลังอีกหลายเดือน

ผลกระทบระยะยาวของ Credit Score ต่อการเงินส่วนบุคคล

  • ขอสินเชื่อบ้าน/รถง่ายขึ้น
  • สมัครบัตรเครดิตพรีเมียมได้
  • ลงทุนกับแอป Fintech ได้มากขึ้น
  • ส่งผลต่อการสมัครงานในบางตำแหน่ง (เช่นการเงิน/ธนาคาร)
  • เพิ่มโอกาสในการเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ

ทำไมคุณควรเริ่มดูแล Credit Score ตั้งแต่วันนี้?

Credit Score ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะคะแนนเพียงตัวเลขเดียวนี้ มีผลต่อโอกาสทางการเงินในชีวิตอย่างมหาศาล ทั้งในแง่การขอสินเชื่อ ดอกเบี้ย หรือแม้แต่สมัครงานในบางตำแหน่ง

เริ่มต้นวันนี้ด้วยการ

  • ตรวจสอบเครดิตของตัวเอง เช็คหรือดูรายงานข้อมูลเครดิตและคะแนนเครดิต (Credit Score) ของตนเองที่จัดเก็บโดยบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบว่ามีหนี้สินอะไรอยู่บ้าง, ดูว่ามีการค้างชำระหรือไม่, ตรวจข้อมูลว่ามีความผิดปกติหรือไม่
  • ปรับพฤติกรรมการเงิน เปลี่ยนแปลงวิธีการใช้เงินและจัดการหนี้ให้เหมาะสมมากขึ้น เช่น จ่ายหนี้ตรงเวลาเป็นประจำ, หลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตเต็มวงเงิน, วางแผนรายรับรายจ่ายอย่างมีวินัย พฤติกรรมที่ดีจะสะท้อนในเครดิตบูโรและช่วยให้ Credit Score ของคุณดีขึ้นตามลำดับ
  • วางแผนอนาคตทางการเงินให้มั่นคง ตั้งเป้าหมายการเงินระยะสั้น-กลาง-ยาว และเตรียมการเพื่อความมั่นคงในอนาคต เมื่อเราวางแผนการเงินได้ดี จะสามารถควบคุมหนี้และรักษา Credit Score ให้อยู่ในระดับดีได้เสมอ

เลือกบัตรเครดิตที่เหมาะกับคุณ V.2

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา