สังเกตอาการผิดปกติของรถยนต์ด้วยสีของควันรถต้องทำอย่างไร?

รถยนต์นั้นถือว่าเป็นยานพาหนะที่เปรียบเสมือนกับร่างกายของมนุษย์เรา ที่จะต้องมีการดูแลรักษาเพื่อให้มีการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น เพราะว่าอะไหล่รถยนต์ก็จะมีการสึกหรอเป็นตามกาลเวลาเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงควรหมั่นตรวจเช็กและดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้มีโอกาสในการแก้ไขปัญหาก่อนที่จะเกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้นมานั่นเอง ถึงแม้ว่าเราจะขับรถยนต์ทุกวันหรือไม่ค่อยได้ขับรถยนต์ก็ตาม

โดยปกติแล้วถ้าหากว่าเกิดปัญหาควันรถมีสีขาว นั่นแสดงว่ามีสาเหตุมาจากการเผาไหม้ที่ไม่หมดจด ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงหรือใช้แก๊สก็ตาม หรือชิ้นส่วนภายในอาจจะเกิดการสึกหรอจนทำให้น้ำมันเครื่องไหลเข้าไปในขั้นตอนของการจุดระเบิด จนทำให้มีอุณหภูมิของการเผาไหม้ที่ไม่ถึงระดับการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ และเกิดเป็นการเผาไหม้ที่ไม่หมดจดในที่สุด เพราะฉะนั้นเมื่อควันที่ออกมาจากท่อไอเสียมาเจอกับอุณหภูมิที่ต่ำกว่าพร้อมกับความชื้น จึงเกิดเป็นควันรถสีขาวออกมานั่นเอง และอาจจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วยเช่น

• เกิดปัญหาวาล์วยัน น้ำมันเครื่องรั่ว อันเนื่องมาจากเครื่องยนต์เดินเบาที่ไม่เรียบ
• หากควันขาวเกิดขึ้นเฉพาะตอนที่เราสตาร์ตรถแล้วค่อย ๆ จางหายไป แบบนี้อาจจะเกิดจากการคายความชื้นในเครื่องยนต์ ซึ่งไม่ได้เป็นความผิดปกติของเครื่องยนต์แต่อย่างใด
• เกิดจากปัญหาฝาสูบโก่ง ที่มาจากความร้อนของเครื่องยนต์ที่มากจนเกินไป จนทำให้เครื่องยนต์เกิดอาการฮีตและดันให้ฝาสูบโก่งตัวขึ้นมา ดังนั้นจึงควรหมั่นตรวจเช็กหม้อน้ำและใช้น้ำยาเติมหม้อน้ำ พร้อมทั้งหมั่นตรวจเช็กความร้อนของรถยนต์อยู่เสมอ
• เกิดจากการที่เครื่องยนต์เริ่มหลวมหรือมีอะไหล่เสื่อมสภาพ เช่น เสื้อสูบ ปะเก็นฝาสูบ ปั๊มฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงชำรุด หรือที่กรองอากาศอุดตัน เป็นต้น เพราะฉะนั้นถ้าหากว่ามีการเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ใหม่ ก็ควรที่จะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องร่วมด้วย เนื่องจากว่าอาจจะเกิดปัญหาเศษอะไหล่เดิมนั้นเข้าไปตกค้างและไปปะปนกับเครื่องยนต์นั่นเอง
• เกิดจากน้ำมันเครื่องที่มีการเล็ดลอดเข้าไปในกระบอกสูบผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิง จนทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่หมดจด และเกิดเป็นควันสีขาวอมฟ้าออกมาตรงท่อไอเสียรถยนต์

ส่วนใหญ่แล้วอาการรถควันขาวนั้นมักจะมีสาเหตุมาจากการที่เครื่องยนต์เริ่มสึกหรอหรือทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ หรือมีควันขาวออกท่อเบนซินเพราะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซินนั่นเอง ดังนั้นจึงควรหมั่นตรวจเช็กดูสิ่งผิดปกติภายในเครื่องยนต์อยู่เสมอ และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือน้ำมันเครื่องนั่นเอง ที่ควรจะมีการเปลี่ยนถ่ายตามระยะทางที่กำหนดไว้ในคู่มือรถยนต์ เช่น ทุก 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน เป็นต้น พร้อมทั้งดูแลเรื่องการซ่อมรถ หรือการดูแลรักษาภายนอกของรถยนต์ เพราะสำคัญเหมือนกันหมดทุกส่วน แต่ถ้าหากว่าเกิดพบอาการผิดปกติก่อนที่จะครบกำหนดระยะเปลี่ยนถ่าย ก็จำเป็นที่จะต้องนำรถยนต์เข้าอู่เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญนั้นช่วยตรวจเช็กและดูแลรักษาอาการที่ผิดปกตินั้นให้ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยทำให้เครื่องยนต์นั้นสะอาดและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสามารถขับขี่เดินทางได้อย่างปลอดภัยหายห่วงด้วย

ในปัจจุบันนี้ จากข้อมูลกฎหมายตรวจวัดควันดำของรถยนต์ พ.ศ. 2565 เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน จากเว็บไซต์ mnre.go.th ได้ระบุข้อกฎหมายการตรวจวัดควันดำใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่การเกิดควันรถสีดำนั้นจะพบได้บ่อยในรถยนต์ประเภทรถกระบะ รถบรรทุก หรือรถโดยสาร เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ดีเซล เพราะน้ำมันดีเซลจะต้องใช้ความร้อนสูงและใช้แรงดันในการจุดระเบิดที่สูงมาก ดังนั้นการเผาไหม้จึงจำเป็นที่จะต้องใช้เวลานาน เลยเกิดเป็นเขม่าดำได้ง่าย จึงได้มีการติดตั้ง EGR (Exhaust Gas Recirculation) ที่จะคอยทำหน้าที่หมุนวนไอเสียกลับมาใช้ใหม่ เพื่อช่วยให้มีการปล่อยมลพิษที่น้อยลงนั่นเอง และนอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น

• เกิดจากการที่น้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้มาตรฐาน
• เกิดจากระบบจ่ายน้ำมันที่มีปัญหา จนทำให้มีการจ่ายน้ำมันที่มากจนเกินไป
• เครื่องยนต์เก่า หรือเครื่องยนต์หลวมเกินไป จนทำให้มีการอัดจุดระเบิดที่ไม่ดีพอ และเกิดเขม่าที่มากจนเกินไปผ่านระบบ EGR
• เกิดจากการที่ผู้ขับขี่เหยียบคันเร่งหนักเกินไป ออกตัวรถแบบกระชาก หรือเร่งเครื่องยนต์แรง ๆ จนทำให้ระบบ EGR ดูดไอเสียวนกลับมาใช้ได้ไม่หมด จนเกิดเป็นควันรถสีดำ ซึ่งจะพบได้บ่อยจากการกระทำที่กล่าวไปข้างต้น

• หมั่นสังเกตอุณหภูมิของเครื่องยนต์ในขณะที่กำลังขับขี่รถยนต์อยู่
• หมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคู่มือรถ
• หมั่นตรวจสอบปริมาณน้ำในหม้อน้ำว่ายังอยู่ในระดับมาตรฐานอยู่หรือไม่
• หมั่นตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำมันเครื่องขาด

ถ้าหากว่าสาเหตุของการเกิดควันรถสีขาวหรือสีดำนั้นมาจากการสึกหรอไปตามสภาพการใช้งาน หรือว่าเกิดปัญหาโดยที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ ในส่วนนี้ทางบริษัทประกันภัยจะไม่ได้ให้ความคุ้มครองหรือจะไม่ได้รับเคลมให้ แต่ถ้าเกิดว่ามีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุหรือว่าภัยธรรมชาติ ในกรณีนี้ทางบริษัทประกันภัยก็จะมีการรับเคลมให้ตามปกติ เนื่องจากว่าอยู่ในความคุ้มครองของแผนกรมธรรม์ นั่นก็คือจะคุ้มครองในส่วนที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุหรือจากภัยธรรมชาติเท่านั้น จึงแนะนำสำหรับใครที่ต้องการอยากจะได้รับความคุ้มครองแบบครอบคลุมมากที่สุด ว่าให้เลือกทำเป็นประกันภัยรถยนต์ที่เป็นแผนกรมธรรม์ชั้น 1 ไปเลย เพราะไม่ว่าปัญหานั้นจะเกิดจากสาเหตุอะไร ทางบริษัทประกันภัยก็จะให้ความคุ้มครองคุณได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้อีกด้วย

• หมั่นตรวจเช็กของเหลวต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันหล่อเย็น เพราะอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาควันรถมีสีขาวจากการที่เครื่องยนต์มีความร้อนสูงจนทำให้ฝาสูบโก่ง เช่น น้ำมันเครื่องขาด น้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ระบบหล่อเย็นทำงานไม่เต็มที่ เป็นต้น
• เปิดฝาสูบเพื่อตั้งวาล์วใหม่ เพราะวาล์วคือตัวกำหนดจังหวะของการจุดระเบิด ถ้าหากว่ามีปัญหาก็จะเรียกว่าเป็นอาการวาล์วยันเครื่องยนต์เดินเบาไม่เรียบ ดังนั้นจึงสามารถตั้งวาล์วใหม่ได้นั่นเอง แต่ถ้าพบว่าบ่าวาล์วมีลักษณะที่ไม่เรียบ ก็สามารถที่จะเจียรให้กลับมาเรียบได้เหมือนเดิม
• ทำการตรวจสอบอะไหล่ชิ้นอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย เพราะว่าปัญหาอาจจะเกิดมาจากการที่อะไหล่บางชิ้นนั้นเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา เช่น แหวนลูกสูบ ยางตีนวาล์ว ปะเก็นฝาสูบ ที่ทำให้เครื่องยนต์ไม่แน่นหรือที่เราเรียกกันว่าเป็นเพราะเครื่องยนต์หลวมนั่นเอง ดังนั้นถ้าหากว่าพบเจอปัญหาจากอะไหล่ต่าง ๆ ก็สามารถที่จะทำการเปลี่ยนชิ้นใหม่ได้แบบเฉพาะส่วน ซึ่งจะมีราคาที่ไม่แพงมากนัก
• ทำความสะอาดไส้กรองอากาศทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร หรือเปลี่ยนใหม่ทุก ๆ 20,000 - 40,000 กิโลเมตร
• ทำความสะอาดท่อไอเสียด้วยการใช้น้ำหรือลมฉีดเพื่อชะล้างคราบเขม่าและคราบฝุ่นละอองภายในให้สะอาด

โดยแนวทางในการแก้ปัญหาเรื่องสีของควันรถนั้นจะมีวิธีที่เหมือนกัน เพราะปัญหาควันรถสีขาวมักจะเกิดกับเครื่องยนต์เบนซิล แต่ปัญหาควันรถสีดำมักจะเกิดกับเครื่องยนต์ดีเซล ดังนั้นอาจจะมีการเปิดฝาสูบเพื่อตรวจสอบดูสภาพชิ้นส่วนภายในว่ายังปกติดีหรือไม่ เช่น ฝาสูบ ปะเก็น วาล์ว หรืออะไหล่ต่าง ๆ เป็นต้น