Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้

หาสินเชื่อรถยนต์ที่โดนใจ
แรบบิท แคร์ ช่วยได้

Car interest.png
user profile image
เขียนโดยPaweennuch W.วันที่เผยแพร่: Sep 01, 2023

ดอกเบี้ยรถ เรื่องควรรู้ก่อนเป็นเจ้าของ

เรื่องของดอกเบี้ยรถยนต์นั้นเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เรียกได้ว่ามีผลต่อค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่จะซื้อรถ หรือเพิ่งออกรถคันใหม่มาได้ไม่นาน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่ง หรือมือสอง ก็ล้วนแต่จะต้องมีการจ่ายดอกเบี้ยรถทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้ความแตกต่างของ ดอกเบี้ยรถมือสอง ดอกเบี้ยรถใหม่ หรือการคำนวณว่าดอกเบี้ยรถนั้นคิดยังไง อาจจะดูเป็นเรื่องไกลตัวในมุมมองของท่านเจ้าของรถส่วนใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้วดอกเบี้ยรถนั่นเป็นเรื่องควรรู้ที่ยิ่งรู้ก็จะยิ่งเข้าใจในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญคือดอกเบี้ยรถนั้นช่วยลดหย่อนภาษีได้ไหม คำถามที่ค้างคาใจใครหลายคน เอาเป็นว่าในบทความนี้เรามีทุกคำตอบมาฝากกัน

การคำนวณดอกเบี้ยรถใหม่คิดยังไง?

ก่อนที่จะออกรถใหม่กัน นอกจากเงินดาวน์แล้ว ดอกเบี้ยรถใหม่ก็เป็นอีกเรื่องที่หลายคนไม่ทราบมีวิธีคิดยังไง และต้องรู้ในส่วนไหนบ้าง เพราะหลาย ๆ คนมักจะมองหาข้อมูลที่ว่า ดอกเบี้ยรถใหม่ซื้อจากที่ไหนค่ายใดถึงจะถูกที่สุด แต่ไม่ได้คำนวณว่าดอกเบี้ยรถใหม่ คิดยังไง หรือเท่าไหร่ เรามาไขข้อสงสัยในข้อนี้ไปพร้อม ๆ กันเลย

สำหรับดอกเบี้ยรถใหม่นั้นเริ่มต้นใช้ในวันที่ 10 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งยังคงเป็นการใช้ อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate) กันอยู่ โดยเมื่อนำมาใช้ในการคำนวณเป็น ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกแล้ว จะเห็นได้ว่าดอกเบี้ยที่มีการเรียกเก็บในการซื้อรถยนต์ใหม่นั้นจะไม่เกินเพดานดอกเบี้ยที่ลดต้นลดดอกตามที่กำหนด หรือ

  • ดอกเบี้ยรถยนต์ใหม่คิดได้ไม่เกิน 10% ต่อปี
  • ดอกเบี้ยรถสองต้องคิดได้ไม่เกิน 15% ต่อปี
  • ดอกเบี้ยรถมอเตอร์ไซค์ทั้งใหม่และเก่าจะคิดได้ไม่เกิน 23% ต่อปี

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะไปดูวิธีคำนวณว่า ดอกเบี้ยรถใหม่นั้นคิดยังไง ลองมาทำความรู้จักกับสามสิ่งสำคัญที่จะเกิดขึ้นในการไปซื้อรถยนต์กันก่อนดีกว่า โดยสามสิ่งสำคัญไม่แพ้ดอกเบี้ยรถก็คือ

1. จำนวนเงินดาวน์

เป็นจำนวนเงินก้อนแรกที่จะต้องจ่ายในการออกรถ ซึ่งในงวดอื่น ๆ จะเป็นการจ่ายผ่อนนั้นจะมีการเรียกเก็บเป็นงวด ๆ ไปจนครบกำหนดตามสัญญาที่ระบุ โดยส่วนใหญ่แล้วจำนวนเงินดาวน์มักจะอยู่ที่จำนวนเงินไม่น้อยกว่า 25% ของราคาเต็ม แต่หากเป็นการดาวน์ด้วยเงินจำนวน 20% ผู้ออกรถจะต้องมีการทำเรื่องค้ำประกันก่อน

2. ยอดจัด

คือจำนวนเงินที่ไฟแนนซ์เป็นผู้ออกให้ก่อน และต้องทำการผ่อนส่งคืนให้ครบงวด หรือครบจำนวนที่ตกลงไว้ ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ราคา 500,000 บาท วางเงินดาวน์ที่ 100,000 บาท ยอดจัดที่ไฟแนนซ์ออกให้คือ 400,000 บาท ซึ่งจำนวนนี้จะต้องนำไปบวกกับดอกเบี้ยรถ จนออกมาเป็นจำนวนเงินทั้งหมดที่ต้องจ่าย และระยะเวลาในการผ่อนตามที่ตกลง

3. การจัดไฟแนนซ์

เป็นการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินเพื่อใช้ในการซื้อรถยนต์ สำหรับการซื้อแบบผ่อนชำระ ซึ่งแม้ว่าสถาบันทางการเงินที่จัดไฟแนนซ์ให้ จะเป็นผู้ออกให้ก่อน แต่ก็จะต้องมีการจัดทำดอกเบี้ยรถ และรวมยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้คุณเป็นผู้รับหน้าที่จ่ายอีกครั้ง

สำหรับการคิดดอกเบี้ยรถใหม่นั้นหากให้ชี้ชัดว่าที่ไหนมีการคิดอัตราดอกเบี้ยถูกที่สุด กรณีนี้จะต้องขึ้นอยู่กับค่ายผู้ผลิตรถยนต์ ว่ามีการจัดโปรโมชั่นร่วมกับสถาบันการเงินแห่งไหนอยู่หรือไม่ รวมทั้งทางสถาบันทางการเงินที่จัดทำสินเชื่อเองก็อาจจะมีการจัดทำโปรโมชั่นพิเศษเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยรถใหม่ หรือคำนวณในเรทที่ถูก ซึ่งที่ไหนจะถูกสุดก็คงต้องคอยดูกันจากช่วงระยะเวลาของการจัดโปรโมชั่นนั่นเอง

สำหรับอัตราดอกเบี้ยรถใหม่นั้นจะเป็นดอกเบี้ยแบบคงที่ ซึ่งก็คือดอกเบี้ยรถจะมีการคิดคำนวณเอาไว้แล้วล่วงหน้า โดยจะนำดอกเบี้ยที่คำนวณแล้วมารวมกันกับจำนวนเงินต้นที่เหลือ หรือยอดจัด ซึ่งการผ่อนรถแม้ว่าจะมีการนำเงินก้อนมาจ่ายปิดในคราวเดียว แต่นั่นก็หมายความว่าคุณได้จ่ายดอกเบี้ยรถทั้งหมดที่ถูกคิดคำนวณเอาไว้แล้วอยู่ดี สำหรับวิธีคำนวณดอกเบี้ยรถใหม่นั้นทำได้ดังนี้

ราคารถ - เงินดาวน์ = ยอดจัด นำยอดจัด x อัตราดอกเบี้ยรถ (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์) โดยอัตราดอกเบี้ยรถและระยะเวลาในการผ่อนจะไม่เท่ากันในแต่ละค่ายรถและศูนย์จัดจำหน่าย นำยอดรวมที่ได้ของยอดจัดและอัตราดอกเบี้ยรถมาหารกับจำนวนปีที่ต้องการผ่อน จะได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมดออกมา

หากต้องการคำนวณเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่างวดที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน ก็สามารถทำได้ดังนี้

นำดอกเบี้ยทั้งหมดที่ต้องจ่ายมาหารกับ ยอดจัดไฟแนนซ์ จะเท่ากับยอดทั้งหมดที่ต้องจ่ายจริง นำยอดทั้งหมดที่ต้องจ่ายจริง หารกับจำนวนเดือนที่ต้องผ่อน จะได้ผลลัพธ์เป็นค่างวดในแต่ละเดือนที่ต้องจ่าย

ดอกเบี้ยรถมือสอง คิดยังไง กี่เปอร์เซ็น?

เมื่อมีดอกเบี้ยรถใหม่ก็ต้องมีดอกเบี้ยรถมือสองเช่นเดียวกัน เพราะแม้ว่าจะเป็นรถมือสอง แต่เมื่อต้องผ่านการทำยอดจัดให้ไฟแนนซ์เป็นผู้จ่ายให้ก่อน ก็จะต้องมีการคิดคำนวณดอกเบี้ยรถมือสองไม่ต่างจากการคิดดอกเบี้ยรถใหม่ ซึ่งดอกเบี้ยรถมือสองนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นก็ต้องขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินที่เป็นผู้ทำยอดจัดให้กับผู้ซื้อด้วย แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่เกิน 4-5% ทั้งนี้จะมีการคิด VAT เพิ่มเติมขึ้นมาด้วย ซึ่งอยู่ที่ 7%

สำหรับการคำนวณดอกเบี้ยรถมือสองนั้นทำได้ดังนี้

  • ยอดจัด x อัตราดอกเบี้ย (%) จะได้มูลค่าของดอกเบี้ยต่อปี
  • นำดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนปีที่ผ่อน จะได้ยอดรวมทั้งหมดของดอกเบี้ยรถมือสองตลอดอายุสัญญา
  • นำดอกเบี้ยรถมือสองตลอดอายุสัญญา + ยอดจัด จะได้จำนวนรวมของยอดสินเชื่อรวมอัตราดอกเบี้ยรถมือสอง
  • นำยอดสินเชื่อรวมดอกเบี้ย x Vat (7%) จะได้ยอดภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งหมด
  • นำยอดสินเชื่อรวมดอกเบี้ย + ภาษีมูลค่าเพิ่ม จะได้ยอดรวมทั้งหมดที่บวกภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว
  • นำยอดรวมสินเชื่อที่บวกภาษีแล้วหารกับจำนวนเดือนที่ผ่อน จะได้ยอดที่ต้องผ่อนต่อเดือน

ดอกเบี้ยรถนำไปลดหย่อนภาษีได้ไหม?

นอกจากเรื่องของดอกเบี้ยรถมือสอง หรือดอกเบี้ยรถใหม่ คิดยังไง จะเป็นเรื่องน่ารู้แล้ว อีกประการหนึ่งที่หลายคนอยากรู้ก็คือ ดอกเบี้ยรถนั้นลดหย่อนภาษีได้ไหม ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่า กรณีนี้ไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้เช่นเดียวกับกรณีประกันรถยนต์ ลดหย่อนภาษีได้ไหม ดังนั้น ใครที่ออกรถใหม่มา หรือซื้อรถมือสอง ไม่สามารถนำค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับดอกเบี้ยรถมาใช้ยื่นลดหย่อนภาษีประจำปีได้ ดังนั้นอย่าลืมคำนวณเรื่องของภาษีให้ดี และตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่าค่าใช้จ่ายส่วนไหนบ้างที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้นอกเหนือจากดอกเบี้ยรถ

สรุปเรื่องควรรู้ของ ดอกเบี้ยรถ

ในการซื้อรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ หรือรถมือสอง หากไม่ได้เป็นการซื้อด้วยจำนวนเงินก้อนที่จ่ายทีเดียวจบ จะต้องมีการจ่ายเงินดาวน์ และนำยอดจัดไปคำนวณอัตราดอกเบี้ยรถที่ทางไฟแนนซ์จัดให้อีกครั้ง ซึ่งการคิดอัตราดอกเบี้ยรถนั้นจะคิดแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่โดยจะไม่มีการปรับเพิ่มหรือลด ดังนั้นไม่ว่าจะจ่ายด้วยการผ่อนหรือนำเงินก้อนมาปิดยอดจัด ก็จะต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยเท่ากันอยู่ดี นอกจากนี้การจ่ายดอกเบี้ยรถนั้นไม่สามารถนำใบเสร็จมาใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือรถมือสองก็ตามสิ่งสำคัญประการสุดท้ายก็คือ การลงทุนในการทำประกันรถยนต์ แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น แต่การมีประกันรถยนต์ติดเอาไว้ จะช่วยให้ในทุกการขับขี่ และการเดินทางนั้น มีความสบายใจ มั่นใจได้มากขึ้น เพราะในความคุ้มครองของประกันรถยนต์ จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายให้ทั้งความเสียหาย และอุบัติเหตุ ทั้งนี้อย่าลืมศึกษาและเปรียบเทียบการทำประกันรถยนต์กันให้ดีก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้ความคุ้มค่ามากที่สุดในการใช้จ่ายทั้งการทำประกัน และดอกเบี้ยรถที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน

เทียบกันชัด ๆ สินเชื่อเจ้าไหนตอบโจทย์คุณที่สุด

 

ผลิตภัณฑ์

วงเงินอนุมัติสูงสุด

อัตราดอกเบี้ย

ระยะเวลาผ่อนชำระ

สินเชื่อรถช่วยได้

ลีสซิ่งกสิกรไทย

100% ของราคาประเมิน

ดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 24% ต่อปี

72 เดือน

สินเชื่อรถคือเงิน My Car My Cash 

ธนาคารไทยพาณิชย์ 

100% ของราคาประเมิน

สูงสุด 5 ล้านบาท

ดอกเบี้ยพิเศษ 0.25% ต่อเดือน

สูงสุดไม่เกิน 15% ต่อปี

84 เดือน

สินเชื่อรถเรียกเงิน Car Quick Cash

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร

150% ของราคาประเมิน

ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.27% ต่อเดือน

สูงสุดไม่เกิน 15 ปี

84 เดือน

สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ UOB Car2Cash

ธนาคารยูโอบี

100% ของราคาประเมิน

สูงสุด 2 ล้านบาท

ดอกเบี้ยพิเศษ 0.45%/เดือน 

สูงสุดไม่เกิน 24% ต่อปี

72 เดือน

 

หมายเหตุ: *เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯ ผู้ให้อนุมัติกำหนด

สินเชื่อรถยนต์ที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ

My Car My Cash ไทยพาณิชย์My Car My Cash

ไทยพาณิชย์

  • วงเงิน 5 ล้าน
  • ผ่อนแสนละ 2,700 บาท
  • SCB สินเชื่อ อนุมัติไว 1 วัน
  • รถอายุไม่เกิน 15 ปี
  • รายได้ 30,000 บาท ผ่อนรวมไม่เกิน 65 ปี
  • รายได้ประจำ จดทะเบียนส่วนบุคคล
เงินติดล้อเงินติดล้อ

เงินติดล้อ

  • ดอกเบี้ย 0.94%/เดือน สำหรับรถเก๋ง-กระบะ
  • 10,000 บาท ดอกเบี้ย 24%/ปี ผ่อน 36 เดือน
  • วงเงินแสน อนุมัติเร็ว
  • รถอายุสูงสุด 18 ปี
  • อายุ 21-60 ปี กู้ได้ทุกอาชีพอาชีพไหนกู้ได้
  • รถทุกจังหวัด ยกเว้น 7 จว.
พี่เบิ้ม รถแลกเงิน KTCพี่เบิ้ม รถแลกเงิน

KTC

  • ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก 21% - 24%/ปี
  • วงเงิน 1,000,000 บาท เพียงนำเล่มมาแลก
  • รายได้ 8,000 บาท มีรถยนต์เป็นชื่อ
  • ยอดขาย 30,000 บาท ดำเนินธุรกิจ 6 เดือน มีรถ
  • อายุ 20-65 ปี กู้ได้ทุกอาชีพอาชีพไหนกู้ได้
  • รับเงินทันที บริการถึงที่ตลอด 7 วัน

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา